1 มิ.ย. 2020 เวลา 02:45 • ธุรกิจ
5 แนวโน้มที่ส่งผลต่อธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในปัจจุบัน
ธุรกิจที่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้ตลอดเวลา ด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของตลาดในยุคปัจจุบัน เป็นยุคของลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นและเข้าสู่ตลาดทันทีที่เกิดความพึงพอใจ จะมีวิธีใดที่ธุรกิจขนาดเล็กจะสามารถอยู่รอดได้และสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี?
บทความนี้จะเป็นการกล่าวถึง 5 แนวโน้มที่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจะต้องเผชิญในยุคปัจจุบัน ใช้เคล็ดลับเหล่านี้ในการดำเนินธุรกิจต่อไปในจุดเปลี่ยนนี้และนำพาให้ธุรกิจของคุณดำเนินการไปได้อย่างทันสมัย!
1. เผยแพร่ VS การเชื่อม
ต่อเนื้อหาคือพระเอก แต่เนื้อหาที่มากเกินไปก็ก่อให้เกิดความรำคาญ นักการตลาดในยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งการติดต่อสื่อสารอย่างทันท่วงที และต้องมั่นใจว่าไม่เป็นการให้ข้อมูลข้อเสนอพิเศษและลูกเล่นทางการตลาดที่มากเกินไป
วิธีหนึ่ง ที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ คือการโพสต์เนื้อหาที่ให้ผู้รับสารมีส่วนร่วมและมีคุณภาพสูงพร้อมด้วยรายละเอียดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในตลาดได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะทำแคมเปญตั้งกลุ่มเป้าหมายที่กลุ่มผู้ชายไทยอายุ 25 ปี ควรทำให้กลุ่มเป้าหมายแคบลงโดยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็น กลุ่มผู้ชายอายุ 25 ปี ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการธนาคารผู้ซึ่งกำลังมีความสัมพันธ์ระยะยาวที่จริงจังอยู่ด้วย การตั้งกลุ่มผู้อ่านเนื้อหาแบบเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ จะช่วยให้สามารถรับรู้สถานที่ ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจ และความสนใจไปยังบัญชี เมื่อเทียบกับการสร้างเนื้อหาที่มุ่งเน้นเพียงแค่กลุ่มผู้ชายอายุน้อยเท่านั้น
นอกเหนือจากการเรียบเรียงเนื้อหาสำหรับกลุ่มผู้รับสารแบบเฉพาะเจาะจง พยายามบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ด้วยการสรรสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ แบ่งปันกันได้ เนื้อหาที่น่าสนใจจะช่วยดึงดูดผู้เข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งสามารถส่งเสริมงบประมาณแผนการโฆษณาแบบดิจิตอลอีกด้วย
หากธุรกิจของคุณขาดแคลนผู้ที่มีความสามารถในการสร้างเนื้อหาดิจิตอล ควรมองหาเอเจนซี่ด้านสื่อดิจิตอลเพื่อจัดการดูแลโครงข่ายออนไลน์ของธุรกิจ มุมมองวัตถุประสงค์แบบใหม่สามารถส่งเสริมธุรกิจของคุณให้เปลี่ยนจากมุมมองเดิม ๆ แล้วก้าวเข้าการตลาดดิจิตอลในระดับที่สูงขึ้น
2. ใช้ประโยชน์ในแคมเปญแบบบูรณาการ
ในขณะที่มีเส้นกั้นระหว่างกลยุทธ์การสื่อสารกับลูกค้าเป้าหมายในแบบ Above หรือ Below the Line อย่างคลุมเครือ ซึ่งเป็นผลมาจากช่องทางการสื่อสารที่แพร่หลายที่มีอยู่ในปัจจุบันให้กับแบรนด์ หลาย ๆ แบรนด์ต่างพากันดำเนินการผิดพลาดในด้านการแยกกลยุทธ์ของแคมเปญของพวกเขาทั้งการเปิดรับในร้านแบบออนไลน์ หรือออฟไลน์ (ในสโตร์)
เมื่อทำการวางแผนแคมเปญการตลาด ควรกระจายการแข่งขันออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับยี่ห้อสินค้า เพิ่มการแสดงผลและสร้างความเท่าเทียมในทุกแพลตฟอร์ม ยกตัวอย่างเช่น การรวมอัลบั้มภาพออนไลน์เข้ากับสมุดเข้าชมในร้านค้า ที่ลูกค้าสามารถลงชื่อพร้อมกับข้อมูลส่วนตัวพื้นฐาน ส่งเสริมให้ลูกค้าเหล่านี้ติดตามคุณบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เพื่อรับการอัพเดทข่าวสาร และให้ข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้เพื่อหนุนฐานจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของคุณ
เห็นได้ชัดว่ากลไกที่กำหนดไว้ ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมจากลูกค้าจำนวนมากของผู้ตอบแบบสำรวจ ที่อาจจะมีปัญหาหรืออุปสรรคเพียงไม่กี่เรื่องที่เป็นไปได้ ระบุสิ่งตอบแทนหรือรางวัลที่จะได้รับอย่างชัดเจน ที่จะช่วยให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับลูกค้าที่เคยสร้างกำแพงกับสินค้าของคุณ ไม่ว่าพวกเขาพบมันบนสื่อสังคมหรือโดยการเข้าไปในร้านค้าของคุณก็ตาม
3. ลงทุนในความสามารถที่เหมาะสม
ธุรกิจขนาดเล็กหลายธุรกิจ มุ่งมั่นที่จะรักษาจำนวนพนักงานดั้งเดิมเอาไว้พื่อเพิ่มผลกำไร:อัตรารายได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มักส่งผลให้เกิดปัญหาที่พนักงานไม่สามารถรับมือกับภาระงานที่มากขึ้น ระดับพลังงานถดถอย และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานลดลง จนในที่สุดพนักงานเหล่านี้ ก็มีแนวโน้มที่จะลาออกจากงาน เพื่อหางานที่ให้ความสมดุลกับชีวิตได้มากกว่า และตัวเจ้าของธุรกิจเองที่ต้องตามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
การเปลี่ยนพนักงานนั้น มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะธุรกิจความจำเป็นในการใช้เวลาและทรัพยากรเพื่อเติมเต็มตำแหน่งและทำการสอนงานพนักงานใหม่ การทำงานที่มากขึ้นมีผลกระทบเชิงลบในทีมอีกด้วย เนื่องจากจะทำให้ขวัญกำลังใจของพนักงานในทีมถดถอยลง
ทางออกหนึ่งที่เป็นไปได้ ที่ใช้แก้ปัญหาการขาดแคลนพนักงาน คือ การจัดทีมฝึกงานมาช่วยสะสางงานที่คั่งค้าง ในขณะที่วิธีนี้อาจส่งผลให้เกิดภาวะคนมากกว่างาน เจ้าของธุรกิจควรแน่ใจว่าทีมฝึกงานที่รับเข้ามามีความเหมาะสมต่อรูปแบบธุรกิจและเข้ากันได้ดีกับทีมงานที่มีอยู่ เมื่อทำการวางแผนขอบเขตงานที่พวกเขาต้องรับผิดชอบ ควรให้ทีมมีส่วนช่วยในการพิจารณาและควรจัดให้พวกเขาปฏิบัติงานในส่วนงานที่สามารถเสร็จสมบูรณ์ได้ในเวลาหลายเดือน
เมื่อคุณจำเป็นต้องมีพนักงานประจำเพิ่มเข้ามาในทีมงาน ให้ทำได้ในทันที ใช้เงินและเวลาให้กับเอเจนซี่จัดหาบุคลากร ซึ่งจะช่วยคุณได้ในส่วนของการดำเนินงานนี้ เพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมมาปฏิบัติงาน ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการสัมภาษณ์และลดความเสี่ยงจากความเร่งรีบในการสรรหา ที่ทำให้เกิดการจ้างคนที่ไม่เหมาะสมกับงานได้
4. ลงทุนในเครื่องมือที่เหมาะสม
ชุดซอฟต์แวร์เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าวัตถุประสงค์ของคุณคือการมีไว้เพื่อเก็บรักษาไฟล์ข้อมูลและสามารถเข้าถึงได้ เพื่อจัดการฐานข้อมูลลูกค้าที่เติบโตมากขึ้น เพื่อเข้าถึงลูกค้าด้วยการสร้างเนื้อหา หรือเพื่อให้ทีมทำงานร่วมกันมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม แพ็คเกจซอฟต์แวร์เหล่านี้ก็มากับราคาที่สูงอยู่พอสมควร ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ควรเลือกใช้ฟรีซอฟต์แวร์แทนเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย และมุ่งมั่นทำงานเพิ่มผลผลิต ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ อย่างไรก็ดี การอัพเกรดเพิ่มค่าใช้จ่ายสำหรับซอฟต์แวร์ที่มีราคาแพง สามารรถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระดับประสิทธิผลที่อาจจะช่วยไปชดเชยการลงทุนที่สูงของซอฟต์แวร์ได้
ยกตัวอย่างเช่น เวอร์ชั่นทดลองของ Hootsuite น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ยังคงเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องบนสื่อสังคมออนไลน์ อย่างไรก็ดี การอัพเกรดไปยังเวอร์ชั่นพรีเมี่ยม จะได้รับการปรับปรุงมากมายในแง่ของการบริการและเครื่องมือในการรับฟังข้อคิดเห็นต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจมีเครื่องมือที่เปรียบเสมือนเป็นอาวุธที่ดีสำหรับตัวเลือกสื่อสังคมได้
ซอฟต์แวร์จัดการการเงินและการบัญชีถือเป็นกุญแจการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบอุตสาหกรรมหรือการตลาด ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาด้านการเงินที่อาจต้องใช้เวลาทั้งวันในการจัดการได้อย่างง่ายได้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดชั่วโมงการทำงาน และไม่ต้องมาปวดหัวกับรายงานการเงินประจำปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับรายงานภาษีอีกด้วย
โดยสรุปแล้ว เจ้าของธุรกิจควรทำการค้นคว้าข้อมูลการตลาดและประเมินความจำเป็นของธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก หากข้อมูลทุกอย่างของร้านค้าถูกจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยในระบบคลาวด์ อีกทั้งยังง่ายต่อการติดต่อระหว่างกันของพนักงาน ที่จะช่วยให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้เร็วยิ่งขึ้น!
5. เฝ้าดูและทดสอบด้วยช่องทางและแพลตฟอร์มที่กำลังจะเข้ามา
ข้อมูลแนะนำว่าเกือบทั้งหมดของธุรกิจมุ่งมั่นไปที่สื่อสังคมออนไลน์ของพวกเขาที่เหมือนกันอยู่ 2-3 แพลตฟอร์ม (ในประเทศไทย สื่อสังคมออนไลน์ที่นิยมกันคือ Facebook, Instagram และ Twitter) เหมือนเป็นภาคบังคับให้ทุกธุรกิจแข่งขันกันบนพื้นที่ขนาดเล็กแต่เพิ่มค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ที่มากขึ้น
เจ้าของธุรกิจควรเปิดมุมมอง ค้นหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าควบคู่ไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น Google+, LINE, LinkedIN ที่เจริญเติบโตอย่างมากในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ เนื้อหากราฟฟิค แพลตฟอร์มสามารถให้ผลลัพธ์มากขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายในอัตราการที่สูงขึ้นและตัวเลขการซื้อของลูกค้า
หากแบรนด์สินค้ามีเสียงตอบรับที่ดีและมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ควรลองใช้เนื้อหาข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Twitter แม้ว่าจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดเรื่องการจำกัดตัวอักษร การใช้เนื้อหาแบบกิฟต์ก็ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดตรงนี้ไปได้ ในทำนองเดียวกันแบรนด์ที่สามารถประสบความสำเร็จบน Twitter ได้นั้น นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถและฉลาดทีเดียว ที่สามารถทลายกำแพงของลูกค้าให้มาสนใจเนื้อหา หรือผลิตภัณฑ์ได้
ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องต่อสู้ยิบตาเพื่อเอาตัวรอดเสมอไป บางครั้งแค่เพียงการรักษาระดับให้พอลอยคออยู่ในพายุแห่งการแข่งขันก็อาจเพียงพอแล้ว ลองใช้ประสบการณ์ เครื่องมือและเคล็ดลับข้างต้นในบทความนี้ ในการช่วยพยุงให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดในยุคแห่งการแข่งขันสูง ไม่แน่ว่าคุณอาจจะก้าวไปสู่ในจุดที่ต้องการขยายธุรกิจเร็ว ๆ นี้ก็ได้ ใครจะรู้!
โฆษณา