1 มิ.ย. 2020 เวลา 03:17 • ท่องเที่ยว
ตอนที่ ๕ ประทับใจในการล่องโขง : สี่เหลี่ยมวัฒนธรรมล้านช้าง สองนครา
 
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เส้นทางเชื่อมโยง คือเชียงคานและหลวงพระบาง ของ อพท. เลยแล้วนะครับ
หลังจากค้างคืนที่เมืองปากลาย ซึ่งค้างที่เรือนพักไม่ใช่เป็นโรงแรมกันแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น เห็นอาหารเช้าที่เรือนพักจัดให้มีแต่กล้วยกับกาแฟ กินไม่ไหวครับ คงไม่มีแรงนั่งเรือ จึงไปกินที่ร้านอาหารร้านโดนัด ที่กินอาหารเย็นวันวานนี้แทน
ก่อนกินได้เดินไปชมริมโขงยามเช้าก่อน เพราะเพียงเดินจากเรือนพักข้ามถนนไปก็ถึงริมโขงแล้ว ที่นั่นยุงชุมจังเลย ครับ ตัวโตๆ ด้วย
กลับมากินอาหารเช้า วันนั้นครบเครื่อง ทั้งข้าวต้มไข่ลวก ไข่ดาวอีก ๒ ฟอง ขนมปัง ๑ แผ่น และกาแฟโบราณ ๑ แก้ว อ้อ มีรายการอาหารมาฝากท่านผู้อ่านด้วยนะครับ สนอันไหนบ้างละครับ อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น ๒๓๐ กีบ เท่ากับ ๑ บาท ครับ ไม่ทราบตอนนี้เท่าไรแล้ว
กินอาหารเช้าเสร็จก็ชมบนถนนเมืองปากลาย ซึ่งมีถนนหลักเพียง ๒ สาย คือสายเลียบโขงที่เห็นอยู่นี้ซึ่งเป็นสายเข้าเมืองปากลาย และอีกสายหนึ่งซึ่งตัดกับถนนสายนี้เป็นถนนระหว่างท่าลี่-ปากลาย-ไชยะบุรี-หลวงพระบาง วันนั้นยืนกลางถนนถ่ายภาพ แต่ก็คงไม่นานหรอกคงทำเช่นนี้ไม่ได้ รถชนซิครับ
ล่องเรือกันต่อไปครับ เพื่อเดินทางไปยังเชียงคานของไทยและเมืองสานะคามของลาว
 
ภาพที่เห็นคือสะพานข้ามระหว่างเมืองปากลาย-เมืองสานะคาม ในขณะนั้นกำลังสร้างอยู่ครับ เมื่อก่อนชาวเมืองปากลายและเมืองสานะคามใช้แพขนานยนต์ แต่เมื่อสร้างสะพานเสร็จแล้ว คงสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องใช้แพขนานยนต์กันอีก
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่มีโขดหินมากที่สุดเท่าที่ได้พบมา พบเห็นได้ทั่วไปไม่ว่าเป็นบริเวณนี้หรือบริเวณไหนๆ
บริเวณที่มีเกาะแก่งเพราะโขดหินนี้ นอกจากอันตรายในการเดินเรือซึ่งจะไปชนแล้ว ยังต้องระวังเชือกหรือลำไม้ไผ่ที่ชาวบ้านนำมาผูกไว้จากแก่งหนึ่งไปแก่งหนึ่งเพื่อช่วยให้เขาเดินทางไปวางอวนหรือตกปลาได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีน้ำวนเป็นจุดๆ อีกด้วย
สอบถามผู้รู้ได้ความว่า เหตุที่น้ำวนเพราะมีแก่งอยู่ข้างล่าง น้ำวนเหล่านี้ดูดทุกๆ อย่างให้ลงไปข้างล่างได้ แต่ก็มีประโยชน์ครับเพราะช่วยให้คนขับเรือระวังไม่ให้เรือไปขูดหรือชนแก่งใต้น้ำด้วยเช่นกัน
 
เมื่อเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่บนสันเขา ก็แสดงว่าเป็นเขตไทยแล้วครับ ตีนสันเขาลงมาคือแม่น้ำเหือง ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างไทย-ลาว ฝั่งลาวคือเมืองแก่นท้าว ส่วนฝั่งไทยที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่คือเมืองเชียงคาน จังหวัดเลย
·
ผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ผู้รู้บอกว่าหากไม่ทราบว่าหมู่บ้านใดเป็นหมู่บ้านชาวไทยหรือของชาวลาว ก็ให้สังเกตหลังคาบ้านครับ เพราะหลังคาหมู่บ้านชาวไทยหลากสีกว่า ดังนั้น หมู่บ้านนี้คือหมู่บ้านไทย
ล่องโขงมาหลายวัน ไม่เห็นตรงไหนที่อนุญาตให้ดูดทรายขึ้นมาใช้เลยครับ เพิ่งพบที่บริเวณนี้เท่านั้นที่ได้รับสัมปทานให้ดูดทราย
เข้าเขตแดนไทย-ลาว แล้วครับ แม้ว่าล่องเรืออยู่ในแม่น้ำโขงซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างไทย-ลาว แต่ก็ยังอยู่ฝั่งลาวนะครับ เพราะสัญญาที่ฝรั่งเศสทำไว้กับไทยนั้น เกาะแก่งทั้งหมดในแม่น้ำโขงเป็นของลาว เขตแดนไทยเป็นร่องน้ำเล็กๆ ใกล้ฝั่งเท่านั้น ประเทศใหญ่ทำอะไรก็ได้นะ ไม่ใหญ่บ้างให้รู้ไป อิอิอิ
การท่องเที่ยวระหว่างไทยและลาวมีปัญหาการตรวจคนเข้าเมืองที่เชียงคาน-สานะคามครับ แม้ว่าฝั่งไทยที่เชียงคาน มีด่านถาวรหรือด่านสากล หมายความว่านักท่องเที่ยวสามารถประทับตราวีซ่าเข้า-ออกจากประเทศไทยได้
แต่เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวลาวเท่านั้นที่อาจขอบัตรผ่านแดนได้ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศไม่อาจเข้าหรือออกจากลาวที่ด่านเมืองสานะคามได้ เพราะด่านสานะคามเป็นด่านประเพณีหรือจุดผ่านแดน จึงไม่อาจประทับตราวีซ่าได้
เมื่อใดก็ตามที่ด่านเมืองสานะคามเป็นด่านสากลแล้ว นักท่องเที่ยวทุกชาติก็สามารถเดินทางไปมาระหว่างไทย-ลาว ณ จุดนี้ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
 
เนื่องจากคณะไม่อาจลงจากเรือที่ด่านสานะคามได้ เพราะบริเวณนั้นน้ำตื้น เรือจึงจอดให้เราลงกินข้าวกลางวันที่ท่าขึ้นเรือพิเศษที่เมืองสาระคาม ยังอยู่ฝั่งลาวอยู่นะครับ
แล้วก็กินอาหารมื้อสุดท้ายในลาวที่ร้านนิกิต้า เมืองสาระคาม แต่ไม่ใช่อาหารลาวหรอกนะครับ เป็นอาหารไทยเรานี่แหละ
กินอาหารแล้วก็เตรียมตัวลงเรือเพื่อเดินทางต่อ เห็นวัดชื่อแปลกดี ก็ถ่ายรูปกับป้ายของวัดก่อน ชื่อแปลกๆ คือ วัดใหญ่ผาหด เมืองสาระคาม แขวงเวียงจันทร์ ไม่ได้เข้าไปในวัดหรอกครับ กลัว...
ชมวิวทิวทัศน์กันต่อไปนะครับ ทั้งวัดท่าแขกและทิวทัศน์ฝั่งไทย และฝั่งลาว
·
จากด่านสาระคามถึงด่านบ้านวังเมืองหมื่นของลาว ได้ผ่านแก่งแห่งหนึ่งชื่อว่าแก่งฟ้าแก่งจันทร์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอปากชม ของไทยเรา แต่บริเวณนี้อันตรายเพราะคลื่นแรงมาก
มาถึงด่านบ้านวังเมืองหมื่นของลาว ด่านนี้เป็นด่านประเพณี อยู่ตรงข้ามกับด่านปากชมของไทย แวะเพื่อให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปสัมภาษณ์และขอข้อมูลบางอย่าง ทั้งคณะได้ประทับตราวีซาออกจากด่านไชยะบุลีซึ่งเป็นด่านสากลเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าฝั่งไทยที่ด่านปากชมได้โดยไม่ต้องประทับตราขาออกที่นั่นอีก
แปลกดีนะ ถ่ายภาพอาคารด่านบ้านวังเมืองหมื่นของลาวไม่ได้ นอกจากถ่ายไกลๆ ถ่ายภาพภายนอกอาคารนะครับ ไม่ใช่ถ่ายภาพอาคารภายใน อย่างไรก็ตาม ไปไหนทำตามกติกาสบายใจที่สุดครับ
แล้วทั้งคณะก็ถ่ายภาพร่วมกันก่อนจากประเทศลาว ต้องนั่งเรือเล็กนะกลับ เพราะเรือใหญ่ไม่มีหนังสือเดินทางประจำเรือ อิอิอิ
ถึงบ้านเราที่จุดผ่านแดนถาวร "คกไผ่" ด่านศุลกากรเชียงคานแล้วครับ
คืนนั้นได้ไปพักที่ ณ. เรือนรักริมโขง เชียงคาน
ได้ไปนวดแผนไทยที่ร้านป้าคำก้อย ยองเส้นไท ซึ่ง อพท. เลย การันตีคุณภาพว่านวดเยี่ยมที่สุด ไปหาไข่กระทะกิน
 
ตอนเช้าได้ไปดูงานโรงคัดแยกขยะที่เชียงคานเพราะสนใจ ตอนเย็นแวะซื้อของที่ตลาดเย็นที่เลยนิดหน่อย ก่อนขึ้นเครื่องกลับ เห็นว่าหลายท่านเคยไปกันบ่อยจึงไม่ขอนำเที่ยว
 
ขอจบแค่นี้ละกันนะครับ
 
พุธทรัพย์ มณีศรี
โฆษณา