1 มิ.ย. 2020 เวลา 04:05 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Human Cyborg 4.0
มนุษย์มีสิทธิในร่างกายของตนเองมากแค่ไหน คำถามนี้เป็นคำถามเชิงปรัชญา เป็นคำถามที่ซ่อนถึงวิธีความคิดเบื้องหลังที่ทำให้ผลของความคิดนั้นตีความออกมาผ่านกระบวนการนโยบายสาธารณะของรัฐ หากเราคิดว่า เราเป็นเจ้าของร่างกายของเราแต่เพียงผู้เดียว แสดงว่าเรามีสิทธิที่จะใช้ร่างกายของเราตราบเท่าที่เรามีความต้องการ โดยไม่ได้ไปละเมิดในสิทธิของผู้อื่น เช่น เรามีสิทธิที่จะเจาะหู สักตามร่างกายและใบหน้า แต่เราไม่มีสิทธิที่จะไปยืนปัสสาวะหรือขีดเขียนกำแพงในสถานที่สาธารณะหรือเคหสถานของผู้อื่น
ทว่า หากเราลองเพิ่มข้อคำถามที่ไปผูกกับศีลธรรมจรรยา คำตอบที่ว่าเรามีสิทธิในร่างกายของเราทุกประการ อาจเริ่มมีข้อขัดแย้งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น หากว่าเราเป็นเจ้าของในร่างกายของเราทุกประการ เราสามารถออกกฎหมายทำแท้งเสรี เพราะถือเป็นสิทธิของสตรีในฐานะเจ้าของร่างกายในการตัดสินใจที่จะมีหรือไม่มีบุตร ข้อความเบื้องต้นทำให้เราพอจะเห็นได้ว่า ประเด็นในการตีความสามารถถูกแบ่งออกได้เป็น
1. สตรีผู้นั้นเป็นเจ้าของร่างกายและเป็นผู้รับผิดชอบในการกระทำที่เกิดขึ้นกับตนเอง ย่อมสามารถทำแท้งได้
2. สตรีผู้นั้นมิได้เป็นเจ้าของร่างกายโดยสมบูรณ์ เพราะเมื่อตั้งครรภ์ ให้ถือว่าทารกในครรภ์ มีสิทธิในการที่จะมีชีวิต เพราะร่างกายในครรภ์เป็นร่างกายของทารก มารดาย่อมไม่มีสิทธิ์ในการทำแท้ง
จะเห็นได้จากประเด็นเบื้องต้นที่คาบโยงเกี่ยวข้องกับศีลธรรมว่า รัฐแต่ละรัฐมีวิธีการคิดในประเด็นทางด้านสิทธิมนุษยชนที่แตกต่างกัน บางรัฐมีการผ่อนปรนให้มารดาสามารถทำแท้งได้ในกรณีที่บุตรในครรภ์มีความพิการ หรือกรณีมารดาอาจมีความเสี่ยงทางด้านสุขภาพและชีวิตหากยังคงอุ้มครรภ์ต่อไป บางรัฐเปิดโอกาสให้มารดามีสิทธิในการทำแท้งเสรีได้ เพราะบุตรในครรภ์ถือเป็นสิทธิโดยชอบของผู้เป็นมารดา ในขณะที่บางรัฐห้ามมิให้มารดาทำแท้งไม่ว่าในกรณีใด ๆ สำหรับกรณีของการเปิดโอกาสให้มารดาทำแท้งเสรี นั่นหมายความว่า มารดามีสิทธิในร่างกายของตนเองทุกประการ ส่วนในกรณีของการห้ามมิให้ทำแท้ง หรือ การห้ามมิให้ทำแท้งแต่งดเว้นเฉพาะเงื่อนไขบางอย่าง ในสองกรณีนี้ แสดงว่า มารดาไม่มีสิทธิในร่างกายของตนเองโดยสมบูรณ์ แต่สิทธิในร่างกายของมารดากลายเป็นสิทธิของรัฐโดยชอบ?
นิยามของ cyborg แบบที่เข้าใจง่าย คือส่วนหนึ่งเป็นร่างกายมนุษย์ (part human) และอีกส่วนเป็นเครื่องจักร/อุปกรณ์/ หรือเครื่องกล (part machine) (Swartz and Watermeyer, 2008: 189) ดังนั้น human cyborg คือมนุษย์ผู้มีร่างกายที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนของอุปกรณ์อื่นใดที่มิใด้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายโดยกำเนิด มีข้อถกเถียงมากมายในประเด็นที่ว่า เราจะสามารถนับได้อย่างไรว่าอะไรคือ cyborg และอะไรที่ไม่ใช่ cyborg
ในบางกรณีนักวิชาการบางส่วนนับว่าผู้พิการทางสายตาที่ต้องใช้ไม้เท้าเป็นอุปกรณ์ช่วยในการเดินถือเป็น cyborg ในขณะเดียวกัน ผู้ที่สวมแว่นตา หรือผู้พิการทางการได้ยินที่ต้องใช้เครื่องฟังเสียงก็สามารถถูกนับได้ว่าเป็นมนุษย์ cyborg (Bateson, 1972 อ้างถึงใน Warwick, 2003: 131)
ตัวอย่างในเบื้องต้นถือเป็นมนุษย์ cyborg ผู้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์ในการช่วยเหลือเพื่อการดำรงชีวิตประจำวัน ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์ที่ไม่ได้มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตแต่มนุษย์เลือกที่จะสวมใส่ เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่สามารถสวมใส่ได้ ผู้ที่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้อาจถือได้ว่าเป็นมนุษย์ cyborg ด้วยเช่นกัน (Pentland, 1998 อ้างถึงในWarwick, 2003: 131)
ประเด็นที่เกิดเป็นข้อถกเถียงว่าเราจะนับอย่างไรถึงความเป็นมนุษย์ในกรณีของ human cyborg ถือเป็นข้อคำถามในประเด็นทางจริยธรรม ตัวอย่างของกรณีที่เป็นที่วิพากษ์ ได้แก่ กรณีของนักกีฬาผู้พิการชาวแอฟริกาใต้ Oscar Pistorius นักกีฬากรีฑาผู้พิการทางขาผู้มีขาเทียมทั้งสองข้างทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ กรณีขาเทียมของ Oscar ก่อให้เกิดข้อถกเถียงว่าเขาได้เปรียบในการเข้าแข่งขันกีฬามากกว่าผู้พิการคนอื่น ๆ หรือไม่ ที่ผ่านมา Oscar ได้ทำการแข่งขันกีฬาทั้งในระดับพาราลิมปิกและกีฬาโอลิมปิกและถือเป็นนักกีฬาผู้พิการทางขาโดยสมบูรณ์ทั้งสองข้างคนแรกที่ได้สิทธิเข้าแข่งขันคัดเลือกในกีฬาโอลิมปิก (USA Today, n.d.)
Oscar Pistorius - Photo Credit: csmonitor
กรณีของ Kevin Warwick ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Reading สหราชอาณาจักร ได้ทำการฝังไมโครชิปไว้ในอวัยวะของร่างกายบริเวณแขน โดยคุณสมบัติของไมโครชิปสามารถทำให้เขาควบคุมคอมพิวเตอร์ ทำการเปิดปิดไฟ หรือปรับเครื่องทำความร้อนจากระยะไกลได้ (The Medical Futurist, 22 June 2017)
Professor Kevin Warwick - Photo Credit: rhpaenenews
ในกรณีของ Pistorius ถือเป็นการใช้อวัยวะเทียมเพื่อช่วยเหลือในการดำรงชีวิตประจำวัน ส่วนกรณีของ Warwick ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นมนุษย์ cyborg ด้วยความจงใจเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิต
ในอนาคต หากมีมนุษย์ผู้นิยมการทำให้ตนเองเป็น human cyborg มากขึ้น ประเด็นทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์จะต้องมีข้อรองรับเพื่อลดความได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการสมัครเข้าทำงาน สมัครเรียนต่อ ไปจนถึงสิทธิในการเปลี่ยนบุตรของตนเองให้กลายเป็นมนุษย์ cyborg ตามผู้ปกครอง
สรุปว่า สิทธิในการทำแท้งเป็นของใคร มารดาหรือรัฐ และใครจะเป็นผู้ได้เปรียบเสียเปรียบจากการกลายเป็นมนุษย์ cyborg ในอนาคต
อ้างอิง:
1. Swartz, L., & Watermeyer, B. (2008). Cyborg anxiety: Oscar Pistorius and the boundaries of what it means to be human. Disability & Society, 23(2), 187-190.
2. The Medical Futurist. (2017).The World’s Most Famous Real-Life Cyborgsสืบค้นเมื่อ 30พฤษภาคม พ.ศ. 2563, จาก https://medicalfuturist.com/the-worlds-most-famous-real-life-cyborgs/
3. Warwick, K. (2003). Cyborg morals, cyborg values, cyborg ethics. Ethics and information technology, 5(3), 131-137.
4. USA Today. (n.d.). Oscar Pistorius makes history, leaves without medal. สืบค้นเมื่อ 30พฤษภาคม พ.ศ. 2563, จาก https://web.archive.org/web/20120811151754/http://www.usatoday.com/sports/olympics/london/track/story/2012-08-10/4x400-relay-oscar-pistorius-south-afric/56946372/1
โฆษณา