7 มิ.ย. 2020 เวลา 01:00 • ปรัชญา
ทุกๆคนครับเคยไหมครับว่า เวลาที่เราได้"งานที่สำคัญมากๆ"มาชิ้นนึงแล้ว
เราต้องทำงานนั้นออกมาให้ดีที่สุด!! ถึงแม้ว่างานนั้นมันอาจจะ"ดูเล็กก็ตาม"
และขณะเดียวกันหลายๆคนอาจจะมองข้ามมันไป (แต่) กลับไม่ใช่บางคน เช่น อย่างเราๆ (รวมถึงผมด้วย) และยิ่งเป็นสิ่งที่เราทำด้วย(ใจรัก)แล้วละก็
ยังทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ บวกกับ (กำลังใจที่ดีจากครอบครัว)
ของเราแล้วนั้น แน่นอนครับว่าผลตอบแทนที่ได้ออกมานั้น "มันช่างคุ้มค่าซะเหลือเกิน" และที่สำคัญมันยังได้ทั้งกับความ"สุขทางใจ" ของเราอีกด้วย พอเวลาผ่านไปงานต่างๆก็ยิ่งผ่านมือ ของเรามากขึ้นเรื่อยๆ
จนในไม่ช้าตัวเรานั้นก็จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมา
ได้ดีที่สุดถึงขั้นที่เรียกว่า "Perfect" กันเลยทีเดียว และถ้าเรายิ่งใส่ใจ และทุ่มเทกับมันมากขึ้นเท่าไหร่ ตอนนั้นตัวเราอาจจะเป็นที่ต้องการของ
เพื่อนร่วมงานมากขึ้นเรื่อยๆก็ได้ เพราะพวกเค้าเชื่อว่า "คนๆนี้แหละจะมาช่วย ให้งานของเราออกมา Perfect อย่างแน่นอน" และ ยิ่งเราทำผลงานออกมาดีมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่ง(คุ้นชิน)กับความสมบูรณ์แบบมากเท่านั้น หรือ ขนาดถึงขั้นที่ว่า "ติดความสมบูรณ์แบบ" ไปเลยก็มี (แต่) ถ้าวันนึงเราเกิดพลาดขึ้นมาละ ถึง(แม้)จะเพียงเล็กน้อยก็ตามมันจะเป็นยังไง?
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกๆคนประจำวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2563 ด้วยนะครับ ในช่วงนี้ถ้าใครกำลังตั้งใจทำอะไรอยู่ ทางเพจของผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนด้วยนะครับ ("รวมถึงตัวผมด้วย" ให้กำลังใจตัวเอง อิๆ><) ให้ทุกคนนั้นประสบความสำเร็จในชีวิตตามที่หวังเอาไว้ และส่วนใครที่กำลังมีปัญหาอยู่ ก็ขอให้ใช้สติในการแก้ไขปัญหานะครับ ใจเย็นๆไม่ต้องรีบยังไงต้องทำได้แน่ รวมทั้ง(อย่าลืม)กำลังใจที่ดีจากครอบครัวของเราด้วยนะ ผมเองก็จะพยายามเหมือนกันถึงแม้ว่าทั้งโลกในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเดี๋ยวกันก็ตาม ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะจบตอนไหน (แต่) ก็ไม่สามารถหยุดความฝันของเราได้เช่นกัน เอาละครับ ถ้างั้นเราก็มาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ ก็อย่างที่ผมได้เขียเกริ่นนำไปใน "Paragraph"แรกในข้างต้นนะครับ ใช่แล้วครับวันนี้จะเป็นหัวข้อเกี่ยวกับ"จะไปอยากสมบูรณ์แบบทำไมอ่ะ มันอาจจะไม่หน้าจดจำก็ได้นะ"
ก่อนอื่นเลยนะครับวลีนี้ไม่ใช่ของผมนะครับ โดยเจ้าของประโยคนี้นะครับ
เป็นของ คุณ "จีนา จีนาฟู" เจ้าของแชนเเนลยูทูป Auditorium ครับ เช่นเคยครับ (โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้รู้จักกับคุณจีนาเป็นการส่วนตัว) นะครับ เผอิญไปเจอคลิปนึงของคุณจีนาเข้าในยูทูปครับ และคลิปนั้นเลยกลายเป็นที่มาของโพสต์นี้ของผมครับ อีกทั้งผมก็เป็นแฟนคลับของช่องนี้ด้วย>< ดังนั้นผม
เพจ Moral Hero จึงขออนุญาติหยิบคำพูดตอนนึงของคลิป คุณจีน่า มาโพสต์ลงในเพจของผมนะครับ โดยผมจะขยายความด้วยความคิดส่วนตัวของผมอีกทีนึงนะครับ หากผมขยายความผิดหรือไม่ถูกใจใครก็ ขออภัยมา ณ ที่นี้
ด้วย นะครับ เดี๋ยวผมจะทิ้งลิงค์คลิปต้นฉบับไว้ด้านล่างนะครับ ขอบคุณครับ
โอเคครับ ที่นี้เรามาว่ากันต่อครับ ทุกๆคนคงเคยได้รับงานมาชิ้นนึงนะครับ และ ที่สำคัญผลงานชิ้นนั้นเนี่ยเป็นผลงานที่มีความสำคัญเอามากๆ และยิ่งตัวเรานั้นเป็นคนที่ใส่ใจกับงาน และรายละเอียดต่างๆของงานที่เราได้รับมอบหมายแล้วละก็ และยิ่งเป็นคนที่ตั้งใจจริงและผลงานมักจะออกมาสมบูรณ์แบบเสมอ โดยหลายๆคนมักจะคาดหวังต่อผลงานของเราไม่น้อย และตรงจุดๆนี้ อาจจะทำให้เรามี"ความกดดัน"ไม่มากก็น้อย(ซึ่ง)ก็แล้วแต่ตัวงานที่เราได้รับว่า มันยากมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญถ้าเราตั้งใจทำมาดีและเกิดดันพลาดขึ้นมากะทันหัน (และ)ยิ่งตัวงานจำเป็นต้องโชว์ในที่สาธารณะ ยกตัวอย่างเช่น การแสดง, พูดอภิปรายบนเวที แม้แต่นำเสนอผลงานให้องเรียน หรือ ในที่ประชุม ส่วนมากผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้มักจะแนะนำว่า"ให้เกิดความผิดพลาดให้ได้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้" ก็คงดี และตรงจุดนี้เองโดยเฉพาะคนที่มีความสามารถเกี่ยวกับด้านหน้าเวที และยิ่งเป็นคนที่พูดเก่งและมีผลงานดีมาโดยตลอดก็ไม่แปลกที่ว่าหลายๆคน อาจจะคาดหวังในการพูดหรือรายงานของเราไว้ครั้งนี้สูงมาก (แต่)จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเกิดพลาดเพียงแม้แต่
จุดเล็กจุดน้อย? ทั้งที่เราทำผลงานดีมาตลอด และชอบความสมบูรณ์แบบนั้น
พอถึงจุดนั้นเราจะรู้สึกอย่างไรกัน?
และจากนี้ไป Paragraph ตรงนี้ของผมนะครับ จะเป็นเรื่องเล่าประสบการณ์ของผมครับ ที่เคยเจอกับตัวเองมาแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ (ช่วงก่อนโควิดเมื่อนานมาแล้ว) เรื่องเริ่มขึ้นโดยในตอนนั้นผมเรียนวิชาภาษาไทยอยู่แล้วจู่ๆ คุณครูก็สั่งงานกลุ่มขึ้นมา (ถ้าจำไม่ผิด) ในตอนนั้นคุณครูให้หัวข้อกับนักเรียนทุกกลุ่มไว้แล้ว จากนั้นก็ให้ไปตกลงกันเอาเองว่าจะพูดกันส่วนไหนบ้าง (ต้องขออภัยจริงๆ นะครับ จำไม่ได้ว่าหัวข้ออะไร) แต่ยังไงก็ตามนอกจากครูจะให้หัวข้อไว้แล้วนั้น หนำซ้ำจะด้วยความโชคร้ายของผมหรืออะไรก็ตาม เผอิญผมได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนที่ไม่ค่อยใส่ใจกับงานเท่าไหร่หนัก (แต่)ก็มีบางคนที่ตั้งใจนะ แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยใส่ใจกันเท่าไรเลย ว่ากันตามตรงก็คือในตอนนั้นมืดแปดด้านสุดๆ!! และด้วยความที่ในกลุ่มนั้นคนที่จะใส่ใจกับงานจริงๆมีเพียงแค่ผม และเพื่อนสองสามคนที่เราตกลงกันแล้วว่า ถ้าช่วยอะไรได้ก็จะช่วยกันนะ ส่วนอีกประเภทนึงก็....(พอถึงตอนนั้นก็ด้นสดเลย อารมณ์ประมาณนี้) แต่ไม่ได้บอกนะครับว่า พวกเค้าแย่สักทีเดียวหลายๆคนนั้นความถนัดแตกต่างกันเข้าใจได้ครับ (ไม่ใช่ว่าคุณจะมองเค้าแค่ภายนอก แต่จริงๆแล้วพวกเค้าก็เป็นคนดีนะครับ) เอาละ ที่นี้ก็จะถึงตอนที่สำคัญกันแล้วก่อนวันนำเสนอ ผมได้ ทุ่มเทอย่างมากกับการฝึกซ้อมในการนำเสนอในคืนนั้น พอมั่นใจแล้วว่า ผมได้เรียบเรียงคำพูดไว้อย่างดีและแน่ใจแล้วจะต้อง"ไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นอย่างแน่นอน พอถึงวันจริง!!!! พอผมพูดไปเรื่อยๆสักพักหนึ่ง (ในช่วงท้าย) และพูดยาวไปหน่อยและทุกคนก็เริ่มหวาดเสียวกับเวลา ที่ใกล้หมดทุกที่ อาจเป็นเพราะไอ้คนที่พูดในช่วงแรกพูดยาวกว่าผมไปนิดนึง แล้วเผอิญผมก็เตรียมข้อมูลมามากพอสมควร และไม่อยากให้สิ่งที่ฝึกมาเมื่อคืนสูญเปล่า ผมก็เลยกัดฟันสู้พูดให้รวบรัดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!!! นั่นคือ "ผมพลาดกลางคัน" โดยผมพูดติดขัดคำว่า "ครับ" อยู่ X5 ครั้ง โดยไม่ไปไหนเลย เพราะผมลืมบทพูดในหัวผมบวกกับความกดดันที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ (แต่) รู้อะไรไหมครับกลับตรงกันข้ามแทนที่ครูจะว่า หรือ ทำหน้าเครียดใส่ผมหรือทุกคนแทนที่จะด่าผมลอยๆว่า" ไอ้ห่าเอย ทำอะไรของมึงอยู่วะ รีบพูดให้มันจบๆไปสักที จะพิถีถันอะไรมากกับการพูดอะ" (ขออภัยกับคำไม่เหมาะสมด้วยนะครับ) แต่กลับทำให้ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุขโดยที่ทำให้บรรยากาศดูสดใสไปเลย แต่สุดท้ายผมก็พูดเกินเวลานะครับ><
ที่นี้มันก็ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้นะครับว่า "บางทีถ้าเรา Perfect ไปทุกๆครั้งมันอาจจะหน้าเบื่อก็ได้" เหมือนกับเราที่กินชีสอร่อยอยู่ทุกๆวันโดยไม่ไปกิน
อย่างอื่นเลยเนี่ย มันก็อาจจะเกิดอาการเลี่ยนขึ้นได้ แล้วจากนั้นทุกคนก็อาจจะพูดขึ้นว่า "อีกแล้วเหรอ ก็งั้นๆอะ" เผลอๆบางทีก็ไม่ต้องดูก็รู้คำตอบแล้วว่า
จะออกมาเป็นไง (จากตรงนี้ขอโทษคนที่ชอบทานชีสด้วยนะครับ แค่ยกตัว
อย่างเฉยๆนะ) ขอบคุณครับ
ที่นี้ทุกคนก็น่าจะเริ่มเข้าใจแล้วนะครับว่า ถึงเราจะตั้งใจทำมากแค่ไหนแล้วทำมันออกมาสมบูรณ์แบบมาโดยตลอด (แต่) ก็ต้องมีสักวันถ้าเราเผลอ ย้ำ!! นะครับว่า (เผลอ) ยังไงก็ต้องพลาดสักวัน แต่ก็ไม่ใช่ว่า"ความผิดพลาด" บนความ"Perfect"นั้นจะทำให้เลวร้ายเสมอไป บางที
ความผิดพลาดก็มีข้อดีเหมือนกันนะ>< เช่น มีนักเล่นไวโอลินอยู่สองคน
คนที่หนึ่ง ชื่อว่า "โอโตยะ" กับอีกคน ชื่อ "วาตารุ" สองคนนี้เป็นพ่อลูกกัน
คนพ่อเล่นไวโอลินจนถึงขั้นที่เรียกว่า"Perfect" กันเลยทีเดียว ส่วนคนลูก
เล่นพอใช้ได้ฝีมือทัดเทียมกับคนพ่อ (แต่) ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่เรียกว่า "Perfect"
นะ คนพ่อพอเวลาเล่นจะทำให้คนที่ฟังเสียงดนตรีของเค้า จะทำให้ทุกคนร้อง ว่า "บราโว" สุดยอดมากๆ กับ คนลูกที่ว่าเล่นก่อนแสดงเค้าจะฝึกฝนเป็น
อย่างมากและใส่ใจ แต่คนพ่อไม่ต้องซ้อมอะไรมากเพราะถึงขั้นที่เรียกว่า
"Professional" แล้ว เล่นทีไรคนหลงรักทุกที่ แต่พอมาถึงคิวของ"วาตารุ"
ตอนเริ่ม"วาตารุ"เล่นอย่างดี (แต่) พอถึงตอนท้ายกลับลืมตัวโน๊ตท่อนสุดท้ายซะได้ ที่นี้ทุกคนในHallต่างก็พากันเริ่มจะหงุดงิด บางคนก็พูดว่า"เล่นมั่วให้มันจบๆไป" แต่บางคนก็พูดว่า "เฮ้ย! ไม่ได้ดิ เค้าอุตส่าห์ซ้อมมาแล้ว'' เอาละ
ครับ ท่านผู้ชมจะทำไงกันดีทีนี้ สุดท้ายก็ต้องแก้ปัญหาโดยการที่ "คิแบท"
แอบไปบอกตัวโน๊ตจนสุดท้าย"วาตารุ"ก็เล่นจนจบเพลง ผมเชื่อนะครับว่า
คืนนั้นผู้คนจำ"วาตารุ"ได้มากกว่า"โอโตยะ"มากแน่ และจากตัวอย่างของเหตุการณ์นี้ที่ผมได้สมมุติขึ้นมันก็จะไปลิงค์กับประโยคนี้ "จะไปอยากสมบูรณ์ทำไมอ่ะ มันอาจจะไม่(หน้าจดจำ)ก็ได้นะ "บางทีความผิดพลาดของเราแม้เพียงเล็กน้อยมัน อาจจะเป็น"แรงบันดาลใจ" หรือ อาจจะเป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้ทุกคนมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกันก็ได้นะครับ
(แต่) ไม่ได้บอกนะครับว่า "ให้สักแต่ทำงานไปให้มันจบๆ" อย่าลืมนะครับ
"ทำงานได้" กับ "ทำงานดี" มันแตกต่างกันนะครับ เอาละครับ สุดท้ายนี้ถ้าใครยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบก็ไม่ต้องท้อนะครับ ผมเองก็ไม่สมบูรณ์แบบเหมือนกันอย่าท้อนะครับ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ"การฝึกฝน" และ "ใจรัก" ครับบวกกับกำลังใจที่ดีจากครอบครัวครับผม
เครดิตโปรแกรมภาพทำโพสต์: Canva
เครดิตภาพประกอบทำโพสต์: Internet
เครดิตที่มาของโพสต์นี้: https://youtu.be/GfDfvPqqp3o
ปล. ไอ้เรื่อง " เมทัลเดอร์" นี้ผมก็ไม่เคยดูนะครับ และถ้าถามว่ารู้ชื่อไอ้ตัวนี้ได้ไง คำตอบคือ ผมไปเจอในเฟซบุ๊กครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา