2 มิ.ย. 2020 เวลา 12:50 • ธุรกิจ
เมื่อโรงหนังกลับมาเปิดอีกครั้ง..
โรงภาพยนตร์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID 19 ซึ่งโรงภาพยนตร์เป็นศูนย์รวมของผู้คนจำนวนมาก ทำให้ทางรัฐบาลสั่งปิดการให้บริการชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งหากจะนึกถึงหุ้นโรงภาพยนตร์แล้วคงต้องนึก MAJOR ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งก่อนเลย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักหุ้น MAJOR กันว่าเป็นอย่างไรและการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตัวธุรกิจจะมีการปรับตัวและรับมืออย่างไร ซึ่งท้ายบทความจะมีสัมภาษณ์ทางผู้บริหาร MAJOR โดย คุณ วิชา พูลวรลักษณ์ จากทางรายการ THE STANDARD
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ก่อตั้งเมื่อปี 2538 จดทะเบียนเป็นบริษัท (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์ ในเดือน พฤษภาคม 2545 โดยมี โดยผู้ก่อตั้งและบริหาร คือ คุณ วิชา พูลวรลักษณ์ โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 894,667,502 บาท โดยมี คุณ วิชา พูลวรลักษณ์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ลักษณะธุรกิจของ MAJOR
แบ่งเป็น 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ การให้บริการสื่อและโฆษณา การให้บริการโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ ธุรกิจให้เช่าพื้นที่และบริการ และธุรกิจสื่อภาพยนตร์
นับว่า MAJOR เป็นผู้ประกอบการอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าร้อยละ 70 โดย MAJOR มีแบรนด์ในเครือทั้งสิ้น 7 แบรนด์ คือ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ , ซีนีเพล็กซ์ , อีจีวีซีนีม่า , ควอเทียร์ วีเนอาร์ต , พารากอนซีนีเพล็กซ์ , ไอคอน ซีคเนคอนิค , เอสพลานาดซีนีเพล็กซ์
-ธุรกิจโรงภาพยนตร์ มีสาขาทั้งสิ้น 170 สาขา 812 โรงภาพยนตร์ แบ่งเป็น
oสาขาในประเทศไทย 162 สาขา 773 โรงภาพยนตร์
oสาขาในต่างประเทศ 8 สาขา 39 โรงภาพยนตร์ แบ่งเป็น ประเทศกัมพูชา 5 สาขา 26 โรงภาพยนตร์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตรประชาชนลาว 3 สาขา 13 โรงภาพยนตร์
-ธุรกิจโบว์ลิ่งคาราโอเกะและลานสเก็ตน้ำแข็ง มีทั้งสิ้น 12 สาขา แบ่งเป็นในประเทศไทย 9 สาขาและ 3 สาขาในต่างประเทศ
-ธุรกิจพื้นที่ให้เช่าและบริการ ทั้งหมด 15 สาขา รวม 48,845 ตรม.
หากไม่นับรวมในปี 2563 ที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID 19 MAJOR มีรายได้รวมและกำไรที่เติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 6.22 % และกำไรโตเฉลี่ยปีละ 5.30 % เมื่อนับจากปี 2553
โดยราคาหุ้นของ MAJOR มีการโตตามรายได้และกำไรของตัวธุรกิจมาโดยตลอดซึ่งราคาหุ้น MAJOR เคยราคาพุ่งขึ้นไปแตะที่ 44 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2558 หลังจากนั้นราคาหุ้นของ MAJOR ก็มีราคาลงมาอยู่ในระดับ 30 บาทต่อหุ้นในปี 2562 หลังจากเกิดการระบาดของไวรัส COVID 19 ช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ราคาหุ้นของ MAJOR ก็ร่วงหล่นหลุดราคม 20 บาท และปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 17 บาทต่อหุ้น
ต้องตามดูต่อไปว่าหลังจากที่รัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการ และทางโรงภาพยนตร์กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง กับวิธีชีวิตใหม่ NEW Normal ของผู้คน ทาง MAJOR จะปรับตัวและสร้างกำไรให้เติบโตต่อเนื่องได้หรือไม่ อีกทั้งธุรกิจ Streaming ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในช่วงไม่กี่ปีผ่านมาจะส่งผล กระทบต่อตัวธุรกิจของ MAJOR หรือไม่ต้องติดตามกันต่อไปครับ
ขอบคุณข้อมูล จาก FINNOMENA
ขอบคุณคลิปสัมภาษณ์ จาก THE STANDARD
ครับ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆทุกท่าน และหากชื่นชอบบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับขอบคุณครับ
โฆษณา