2 มิ.ย. 2020 เวลา 13:57 • การศึกษา
148 วัน ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนท่ามกลางไวรัส covid19
148 วัน ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนท่ามกลางไวรัส covid19 ตอนที่ 1
ตอนแรกๆแพนก็ขอเกริ่นเรื่องราวที่แพนได้พบเจอ ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงต้นปี 2020 การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดยังไม่แพร่หลายและเป็นข่าวมากนัก ชีวิตก็เลยจะเป็นแบบเด็กแลกเปลี่ยนทั่วไปเลย สำหรับบทความนี้จะมีทั้งหมด 5 ตอน ซึ่งจะเป็นการสรุปของแต่ละเดือน แพนมาแลกเปลี่ยนที่ UPD (University of the Philippines Diliman campus )
สำหรับเดือนแรกเป็นเดือนที่ค่อนข้างวุ่นวายทีเดียว เนื่องจากเป็นเดือนที่พึ่งมาถึงประเทศนี้ ต้องเคลียร์ทั้งเรื่องการลงทะเบียนเรียน การทำวีซ่านักเรียน และการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมและสังคมของทีนี้ นอกจากนี้ยังเพิ่มเรื่องของการติดต่อสื่อสาร เนื่องจากแพนก็เป็นคนต่างถิ่นและไม่รู้อะไรเลย Wifi คือสิ่งเดียวที่ช่วยชีวิตแพนได้ 55555
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าก่อนมา Manila มีเวลาเตรียมตัวจริงๆแค่ 2 วัน เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีจัดงาน CMO 2019 ที่มช. แล้วค่อยกลับบ้านไรงี้ + ไม่ได้ทำการบ้านอะไรไปเลยว่าที่นู้นเขาเป็นยังไงอะไรกันบ้าง หน้างานสุดๆ แถมบินเดี่ยว เกือบตกเครื่องอีก
บินเดี่ยวและเกือบตกเครื่องอีก
แพนนั่งเครื่องจากเชียงรายลงสุวรรณภูมิ ของสายการบิน Bangkok airways แล้วก็ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิลงมะนิลาของการบินไทย ด้วยความที่มีเวลาที่ก่อนเครื่องจะออกไปมะนิลาประมาณ 1 ชม. นี้ก็คิดว่ายังไงก็ทัน เลยไปนั่งชิวกินไก่ที่บอนชอน
นั่งชิวกินไก่ที่บอนชอน
เป็นไงละ 555555555 ช้าตรง ตม. มากกกกกกกกก ออกจากตม.เสร็จก็คือเหลือเวลาอีกแค่ 5 นาที ก่อน gate จะปิด วิ่งสิคะ รออะไร 55555
พอมาถึงมะนิลา นี้ก็เตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าคงต้องมาที่หอพักเอง ก็เลยนั่ง grab มา ตอนนั้นคือลืมซื้อซิมก่อนออกจากสนามบินด้วย พอมาถึงหอเพื่อนคนไทยที่มาถึงก่อนแล้วก็ออกไปข้างนอกกัน นี่ก็เลยออกไปห้างที่อยู่ใกล้ๆ ซื้อของใช้ต่างๆนาๆ (ให้นึกสภาพตอนปี 1 เพราะทางหอไม่มีอะไรให้เลยนอกจากฟูก เป็นเครียดเป็นท้อ + ลืมเอาผ้าเช็ดตัวมาอีก เป็นเอ๋อมาก)
โต๊ะอ่านหนังสือ
ช่วงวันแรกๆก็จะประมาณนี้ ถือว่าเป็นอะไรที่ท้าท้ายตัวเองพอสมควรเนื่องจากแพนเองก็ไม่เคยอยู่หอในและหอที่แพนอยู่ ปกติห้องหนึ่งก็จะอยู่ได้ 6 คน แต่ตอนนี้มีกันแค่ 4 คน
ต่อไปเป็นเรื่องของวีซ่า แนะนำเลยถ้าน้องๆคนไหนจะมาเรียนต่อหรือมาแลกเปลี่ยนที่ฟิลิปปินส์น้องทำที่สถานฑูตที่ไทยก่อนมาจะเวิร์คมาก แพนไปทำเรื่องขอต่อวีซ่ามา เอาตรงๆคือใช้เวลาทั้งวันอะ นานมาก นานจนแบบท้อ นานจนไม่รู้จะบรรยายยังไงละ ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 3000 PHP แล้วต้องเอามาทำที่ OIL office อีก 5000 PHP คือนานจริง
บัดดี้เค้าเอง ชื่อ Precious
ต่อมาก็จะขอพูดถึงเรื่องการลงทะเบียนเรียน คือนี้เปลี่ยนตารางบ่อยมากกกกกกกกก กว่าจะลงตัวก็ทำเอาเหนื่อยไปหลายวันเหมือนกัน class เรียนที่นี้ส่วนใหญ่ไม่เกิน 20 คน professor แต่ละคนดูแลทั่วถึงแน่นอน 5555 ตอนแรกที่คิดไว้ว่าจะลงตัวพวกนี้ แต่พอมาที่นี้จริงๆ มันมีเงื่อนไขเยอะมาก และเขาก็กำหนดลิมิตให้นักเรียนแลกเปลี่ยนได้ไม่เกิน 5 วิชา PE ไม่เกิน 1 วิชา และแนะนำว่าควรลง 4 วิชา 12 หน่วยกิต
ลงทะเบียนก็มีทั้งแบบออนไลน์และแบบแอดมือแต่ของแพนออนไลน์ติดแค่ตัวเดียว ต้องเดินแอดมือให้อาจารย์ของวิชาที่เหลือ จนก่อนวันสุดท้ายของวันเปิดเทอมก็ได้ครบทั้งหมด และเริ่มเปิดเรียนวันแรกคือ 10 มกราคม 2020 ซึ่งเปิดเรียนไปไม่ถึง 5 วัน ภูเขาไฟระเบิดจ้า ระเบิดจริงจัง เถ้าลอยมายังกับในหนัง ซึ่งมอก็ประกาศหยุดและแนะนำให้อยู่แต่ในอาคารเป็นหลัก
เปิดเรียนไปไม่ถึง 5 วัน ภูเขาไฟระเบิดจ้า ภูเขาไฟ Taal
เรื่องต่อไปก็คงต้องเป็นเรื่องวัฒนธรรม(ผู้คน อาหาร ประเพณี การใช้ชีวิต) ตอนนี้ยังไม่เจอ culture shock นะ ก็คล้ายๆประเทศไทยอยู่ แต่ที่นี้เขาจะนับถือศาสนาคริสต์เป็นหลัก คนใจดีมากกกกกกก แต่เขาไม่ค่อยยิ้มนะ เรามาจากไทยยิ้มบ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็ยิ้มกลับเอง เรื่องที่พีคสำหรับพาร์ทนี้คืออาหาร ไม่พูดไม่ได้เลย อาหารเค็มมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กลับไทยต้องตรวจไตอะ คำนี้เลย อาหารเขาจะไม่ค่อยกินข้าวเป็นมื้อเช้า มื้อเช้าก็จะสไตล์ฝรั่งเลยคือ ขนมปัง กินกับกาแฟ ไม่ก็ไมโลร้อนประมาณนั้น ส่วนข้าวก็จะเป็นมื้อกลางวันกับมื้อเย็น ซึ่งจะบอกว่าผักที่นี้หายากมาก อยู่ในประเทศที่ผักน้อยหมูเยอะ เน้นหมู เผลอๆหมูอาจจะราคาต่ำกว่าผักบางชนิดด้วยซ้ำ 55555 แต่ local food ก็อร่อย ถ้าไม่ติดว่าเค็ม ก็เกือบๆอาหารไทยเลย การใช้ชีวิตของคนที่นี้ก็แบบบ้านเราเลยเรียบง่าย ไม่ได้ปรับเปลี่ยนเยอะขนาดนั้น
เพื่อนใหม่ นางเลี้ยงไอติมด้วยย เปย์เก่งมากเด้อ
ส่วนหัวข้อต่อไปขอพูดเรื่องการขนส่ง ทั้งไปรษณีย์ รถสองแถว(Jeepney) รถไฟ ก็คือนี้บอกให้แม่ส่งของมาให้ ทางไทยก็ส่งให้ทางไปรษณีย์ไทยปกติอะแหละ แต่พอมาถึงฟิลิปปินส์ เขาจะส่งต่อให้ PHl Post ซึ่งก็น่าจะเป็นไปรษณีย์ของบ้านเขา ซึ่งเพื่อนคนฟิลิปปินส์บอกว่า ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้บริษัทนี้เพราะบริการค่อนข้างแย่และช้า ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ แต่ไม่เป็นไรของถึงเราเป็นพอ
ส่วนรถสองแถวมีหลายสายมาก นี้จะเป็นคนเดียวตลอดที่เวลาขึ้นรถสองแถวคนเดียวทีไร มันจะออกนอกสายเสมอ แล้วนี่ก็จะเป็นคนเดียวที่หลงตลอด หลงอยู่นั้นแหละ เข้าใจเข้าว่าหลงจนเบื่อมั้ย คือหลงจน GPS ก็เอาไม่อยู่ เหนื่อยใจกับตัวเองที่หลงเก่งมากๆ
ตึกอธิการ พร้อมรูปปั้นยอดฮิต
รถสองแถวแต่ละคันอัตราการจ่ายก็ไม่เท่ากัน แต่แบบก็จะใช้ราคาเดียวตลอดสาย ซึ่งสายที่ใช้ไปเรียนก็จะตกประมาณ 8 PHP แพนก็ถือโอกาสนี้เดินไปเรียนเองเลย ประหยัดค่าใช้จ่าย ออกกำลังแทน ซึ่งถ้าเดินไปมอ ก็จะใช้เวลาประมาณ 30-35 นาที ไม่ไกลมากเท่าไหร่ ไหวอยู่ ส่วนรถไฟก็เหมือนบ้านเราอะ ทั้ง MRT สะดวกดี แต่ไม่ค่อยได้ไปรถไฟเท่าไหร่ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวนะ
ต่อไปก็เรื่องการเรียน เปิดเรียนได้ 3 อาทิตย์ เขาเรียนกันแบบฟีล university ในหนังเลยอะ ฟินมากกกกกก no uniform คือแต่งไรก็ได้มาเรียน จะใส่แตะก็ได้ ไม่มีใครว่า แบบ no rules จริงๆ ในห้องเขาตั้งใจเรียนกันมาก เรียนคือเรียน เล่นคือเล่น เวลาอาจารย์ถามอะไร คือไม่มีคำว่าเงียบ เขา discuss กันทั้งคาบอะแก มันดีมาก มัน American learning มาก
ไม่มี uniform คือเอาจริงใส่สั้นทุกวัน เก็บกดจากไทยมากไป 55555
อาจจะมีภาษาตากาล็อกผสมบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็จะส่วนเป็นภาษาอังกฤษ ปัญหาที่ตามมาก็คือเราฟังสำเนียงเขาไม่ออก ก็ต้องมาทบทวนทุกวันว่าวันนี้เรียนอะไรไปบ้างเพื่อจะได้ไม่เกิดการทับถมไปหนังช่วงสอบ
geology class
แต่สิ่งแวดล้อมไรงี้ดีจริงนะ ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะจำเส้นทางในมอได้ เพื่อนก็ดีมาก nice มาก
ภาพรวมของเดือนแรกก็จะประมาณนี้แหละ ได้ออกไปเที่ยวเมือง marikina กับ china town เป็นของแถม
อ่อ อีกเรื่องพีคๆก่อนจบมกราคม เหล็กที่ดัดฟันดันขาด ก็คือไปกินของแข็งมา ซึ่งของแข็งนั้นก็คือคุ้กกี้ แต่ไปหาหมอแล้วรักษาเรียบร้อย นัดหมอเดือนหน้าไว้แล้วด้วยยย ก็ประมาณนี้มาดูกันว่ากุมภาพันธ์จะเป็นยังไง ติดตามได้สิ้นเดือนน้า ฝากเพจ บันทึกการเดินทางของแพนด้วยนะ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ถือว่าคุณคือผู้ชนะ เพราะมันยาวมาก ! โปรดติดตามตอนต่อไป !
โฆษณา