2 มิ.ย. 2020 เวลา 18:13 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ปริศนาการหายไปของน้ำและบรรยากาศบนดาวอังคาร?? 🤔
ผลจากการเก็บข้อมูลกว่า 5 ปีจากยานสำรวจของ NASA อาจเปิดเผยปริศนาสาเหตุการสูญเสียน้ำและบรรยากาศของดาวอังคาร 🧐
ดาวอังคารเมื่อวันโน้นยังมีมหาสมุทรคล้ายกับโลกแต่มาวันนี้เหลือไว้แต่เพียงร่องรอย
ยาน MAVEN หรือ Mars Atmosphere and Volatile Evolution เป็นยานสำรวจของ NASA ที่ถูกส่งขึ้นไปสำรวจดาวอังคารเมื่อปี 2013
ด้วยจุดประสงค์ในการสำรวจชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร เพื่อค้นหาคำตอบถึงการหายไปของน้ำบนดาวอังคาร รวมถึงบรรยากาศที่เบาบางลงอย่างมาก
ยาน MAVEN
ยาน MAVEN เริ่มการโคจรวนรอบดาวอังคารเพื่อเก็บข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2014
โดยหนึ่งในการค้นพบจากยาน MAVEN นั้นคือการค้นพบกระบวนการเกิดแสงออโรร่าสีม่วงแดงบนดาวอังคาร
โดยอนุภาคโปรตอน(อะตอมไฮโดรเจนที่ขาดอิเล็กตรอนทำให้มีสภาพเป็นไอออนบวก) จากดวงอาทิตย์ที่มากับลมสุริยะ
เมื่อเข้าใกล้ดาวอังคารโปรตอนเหล่านี้จะขโมยเอาอิเลคตรอนจากอะตอมของก๊าซไฮโดรเจนในชั้นบรรยากาศ ทำให้โปรตอนมีสภาพเป็นกลางกลายเป็นอะตอมก๊าซไฮโดรเจน
และอะตอมที่เป็นกลางนี้ก็จะพุ่งทะลุผ่านแนว Bow Shock ซึ่งเป็นบริเวณที่ลมสุริยะปะทะเข้ากับสนามแม่เหล็กของดาวอังคารได้
ซึ่งโดยปกิตโปรตอนตัวที่ไม่ได้รับอิเล็คตรอนก็จะถูกเบี่ยงออกอันเนื่องมาจากแรงแม่เหล็กที่กระทำต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าทำให้ไม่สามารถพุ่งทะลุผ่านมาได้
ส่วนอะตอมไฮโดรเจนที่ได้ขโมยอิเล็กตรอนมานี้เมื่อพุ่งลงมายังบรรยากาศชั้นล่างก็จะชนเข้ากับอะตอมของก๊าซในชั้นบรรยากาศทำให้ก๊าซเหล่านั้นเปล่งรังสีอัลตราไวโอเลตออกมาเกิดเป็นแสงออโรร่าสีม่วง
แต่มาวันนี้ผลการสำรวจสำคัญอีกอย่างหนึ่งจากยาน MAVEN นั้นคือสาเหตุและกระบวนการที่ดาวอังคารสูญเสียน้ำและบรรยากาศไป
โดยการค้นพบครั้งนี้พบว่าดาวอังคารนั้นมีสนามแม่เหล็กแต่เป็นสนามแม่เหล็กที่ไม่ได้เกิดจากกระบวนการภายในดาวเหมือนอย่างโลกของเรา แต่เกิดจากการเหนี่ยวนำโดยลมสุริยะ
1
ก่อนหน้านี้เรารู้ว่าดาวอังคารแทบไม่มีสนามแม่เหล็กหลงเหลือ มีเป็นเพียงบางบริเวณใกล้พื้นผิวเป็นหย่อม ๆ
แต่จากการสำรวจอย่างละเอียดของยาน MAVEN ด้วยการโคจรเก็บข้อมูลยาวนานกว่า 5 ปี จึงพบว่าแท้จริงแล้วสนามแม่เหล็กของดาวอังคารนั้นมีอยู่แต่เกิดจากการเหนี่ยวนำของลมสุริยะ
แนวการโคจรรอบดาวอังคารของยาน MAVEN ตลอด 5 ปี
โดยกระบวนการนี้เกิดขึ้นเมื่ออะตอมของก๊าซในบรรยากาศชั้นบนของดาวอังคารถูกรังสีจากดวงอาทิตย์พุ่งเข้าชนจนเกิดการแตกตัวเป็นไอออนและอยู่ในสถานะพลาสม่า
และพลาสม่าเหล่านี่ก็จะถูกเหนี่ยวนำด้วยสนามแม่เหล็กจากลมสุริยะทำให้เกิดการเคลื่อนที่จนก่อนให้เกิดเป็นกระแสไฟฟ้าไหลวนในชั้นบรรยากาศ
ซึ่งกระแสการไหลของพลาสม่านี้ก็จะก่อให้เกิดสนามแม่เหล็กวนรอบดาวอังคาร
ให้นึกถึงการไหลเข้าประทะของลมสุริยะ เป็นกระแสของเส้นสปาเกตตี้ที่ไหลผ่านลูกบาสฯ ว่ามันจะยู่ผ่านลูกบาสไปอย่างไร นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาบนชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร
ซึ่งจะทำให้เกิดกระแสการไหลของกระแสพลาสม่าหรือก็คือการไหลวนของกระแสไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ หมุนวนรอบดาวอังคารเป็น 3 วงใหญ่
วงกระแสการไหลของการแสพลาสม่ารอบดาวอังคาร
ด้วยกระแสการไหลนี้จะก่อให้เกิดสนามแม่เหล็กปกคลุมรอบดาวอังคาร ซึ่งเกิดจากการเหนี่ยวนำของลมสุริยะที่วิ่งเข้าปะทะอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ซึ่งทำให้เราเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของอนุภาคที่มีประจุจากดวงอาทิตย์ และอนุภาคที่มีประจุในชั้นบรรยากาศของดาวอังคารทำอันตกิริยาและเหนี่ยวนำกันอย่างไร
รวมถึงทำให้เข้าใจถึงกระแสการไหลของอนุภาคจากบรรยากาศของดาวอังคารว่ามันเคลื่อนที่ออกจากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงดาวอังคารได้อย่างไร
จากรูปบนด้วยข้อมูลกระแสการไหลของพลาสม่ารอบดาวทำให้เห็นเส้นทางการไหลของอนุภาคออกจากชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร
ด้วยการสูญเสียอนุภาคมีประจุเหล่านี้ไปอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา ทำให้วันนี้มหาสมุทรได้หายไปจากผิวดาวอังคารอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ผลการสำรวจจากยาน MAVEN นี้ได้ทำให้เรามีความเข้าใจถึงกระบวนการเกิดสนามแม่เหล็กจากการเหนี่ยวนำด้วยลมสุริยะ
ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจถึงลักษณะสนามแม่เหล็กที่แตกต่างกันของดาวเคราะห์แต่ละดวงในระบบสุริยะของเรา
1
นับเป็นอีกก้าวในความเข้าใจมากยิ่งขึ้นกับเพื่อนบ้านในระบบสุริยะของเรา 😉

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา