Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บางรัก
•
ติดตาม
3 มิ.ย. 2020 เวลา 05:30 • ปรัชญา
รักแท้ รักคืออะไร!?
5 ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับความรักในสายตาจิตแพทย์
"อย่าเสียน้ำตาให้สิ่งที่คล้ายกับความรัก รักแท้อาจไม่ใช่อย่างที่คุณคิด จิตแพทย์ผู้เขียนหนังสือขายดีระดับโลกชี้ว่า ความรักไม่ใช่การพึ่งพิง ไม่ใช่การเสียสละ และไม่ใช่ความรู้สึก"
แล้วอะไรล่ะ คือ ความรัก ????
"...คุณเคยตกหลุมรักใครสักคนไหม รักแบบหมดหัวใจ เขาหรือเธอคือ ‘โลกทั้งใบ’ พร้อมแลกทุกอย่าง หรือทำทุกทาง เพราะขาดเขาหรือเธอไปไม่ได้..."
จากนิยามของ เอ็ม. สก็อต เปค (M. Scott Peck) จิตแพทย์อเมริกัน เขาปฏิเสธว่า สิ่งที่เอ่ยมาทั้งหมด ‘ไม่ใช่ความรัก’ และความรักไม่ใช่เรื่องของความรู้สึก พร้อมย้ำว่า "สิ่งที่เหมือนจะเป็นความรักนั้น มักไม่ใช่ความรักเลย"
ในหนังสือ The Road Less Traveled ซึ่งมียอดขายทั่วโลกกว่าสิบล้านเล่ม ได้แยกความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรักออกเป็น 5 รูปแบบ อาจฟังดูตรงตัว และรุนแรง จนอาจต้องสะอึก.. ..
🖤 ปรสิตในคราบของความรัก 🖤
“ฉันรักเธอมาก ถ้าขาดเธอไปฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้” ซึ่งเป็นเหมือนการที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งจำเป็นต้องเกาะติดสิ่งมีชีวิตอื่น เพื่อความอยู่รอด ซึ่งนั่นเป็นธรรมชาติของปรสิต
ตัวอย่างสุดขั้วของความสัมพันธ์ลักษณะนี้คือ การขู่ฆ่าตัวตายเมื่อถูกปฏิเสธหรือบอกเลิก นับเป็นความผิดปกติของบุคลิกแบบหนึ่ง คือบุคลิกภาพแบบต้องพึ่งพา (dependent personality disorder) ผู้มีบุคลิกภาพลักษณะนี้ดิ้นรนขวนขวายความรักจากคนอื่นมากเสียจนไม่เหลือแรงพอจะมอบความรักให้ใคร
ในความสัมพันธ์แบบปรสิตนั้น คู่รักไม่เหลืออิสระหรือทางเลือกอยู่เลย เป็นการอยู่ด้วยความจำเป็นมากกว่าอยู่ด้วยความรัก
กรณีตัวอย่าง คนไข้ผู้เพิกเฉยภรรยา และลูก กระทั่งเธอขู่ว่าจะทิ้งเขาหลายครั้ง และทุกครั้งที่เขาสัญญาจะเปลี่ยนแปลงก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงได้นานเกิน 1 วัน เขามาพบกับสก็อตด้วยสภาพซึมเศร้า และวิตกกังวล พร้อมเล่าว่าเขาอยู่โดยไม่มีครอบครัวไม่ได้ เขารู้สึกไม่มีความหมาย ซึ่งสก็อตมองว่านี่เป็นการพึ่งพิงทางอารมณ์อย่างหนึ่ง เขาต้องการจะเป็นที่ต้องการ จะเป็นใครก็ได้ ขอเพียงถูกรักก็พอ
อีกตัวอย่างนึง คือ ผู้ป่วยรายหนึ่งเป็นผู้หญิงเก่ง แต่คบผู้ชายแย่ๆ และต้องเปลี่ยนแฟนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่อง เธอเล่าถึงชายคนหนึ่งที่เธอพบว่า เขาตกงานและดื่มเหล้าเยอะไปหน่อย แต่พื้นฐานแล้วเป็นคนเก่ง แล้วก็เอาใจใส่เธอมากๆ เพราะความพึ่งพิงตลอดเวลาของเธอทำให้อีกฝ่ายอึดอัดเหมือนทุกครั้ง หลังจากบำบัดกับสก็อตอยู่สามปีเธอจึงหลุดจากวงจรนี้ได้ เมื่อตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง และแยกแยะระหว่างความรู้สึกว่างเปล่าและขาดพร่องในตัวเธอออกจากความรักที่แท้จริง
ทั้งสองกรณีนั้นมีปัญหาอยู่ที่การเข้าใจผิดว่า ความว่างเปล่าเปล่า และโหยหานั้นคือ ความรัก และคิดว่าคงจะเติมเต็มได้ด้วยความรักจากผู้อื่น จึงโหยหาใครก็ได้ที่จะมาให้ความสำคัญกับพวกเขาอย่างไม่สิ้นสุด ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคนที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้จะไม่ทำอะไรเพื่อคนอื่นเลย แต่แรงจูงใจที่ทำให้เขาทำอะไรสักอย่างให้คนอื่นนั้น ก็เป็นไปเพื่อมัดความสัมพันธ์ให้แน่นขึ้น และเสริมความมั่นใจว่าตัวเองจะได้รับความใส่ใจเท่านั้น
🖤 คนรักหรือสัตว์เลี้ยง 🖤
ผู้เขียนเริ่มจากการอธิบายว่า ความรักที่เรามีให้สัตว์นั้นแตกต่างจากคนอย่างไร เราอาจจะรักสุนัขของเรามาก ให้อาหาร อาบน้ำ กอด เกา รวมถึงโศกเศร้ากับการจากไปของมัน ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นความรัก
แต่สิ่งที่แตกต่างกันกับความสัมพันธ์ของคน คือ การสื่อสารระหว่างคนกับสัตว์นั้นมีข้อจำกัดอยู่ ทำให้เราคิดแทนมันว่า มันต้องการอะไร คิดและรู้สึกอย่างไรอยู่ เราจึงจับมันแต่งตัว เอาอาหารแปลกๆ ให้กิน และคิดเอาว่ามันชอบสิ่งที่เราตั้งใจทำให้มันเป็น ทำให้ในหลายๆ ครั้งเรารักสัตว์เลี้ยงก็เพราะมันเป็นอย่างที่เราต้องการ
สุดท้าย ในความสัมพันธ์กับสัตว์ เราไม่ต้องการให้มันเป็นอิสระ จะมีสักกี่คนที่เลี้ยงสุนัขโดยหวังให้มันโตขึ้นมาฉลาดแข็งแรง และจากเราไปมีชีวิตอิสระเป็นของตัวเอง ... ... ...😿😿
สก็อตยกตัวอย่างโดยหมายรวมไปถึงความรักที่แม่หลายๆ คนมีให้กับทารก ที่จะรักและติดลูกมาก กระทั่งลูกเริ่มโต มีความคิดและตัวตนเป็นของตัวเอง ไม่สามารถบงการให้พวกเขาเป็นอย่างที่อยากให้เป็นได้อีกต่อไป แต่เธอก็ไม่ปล่อยลูกๆ ของเธอไป
🖤 หลุมรัก กับดักจากวัยเยาว์ 🖤
ในวัยเด็ก ช่วง 2-3 ขวบ แม้จะรู้ขอบเขตและช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ก็ยังมักจะยังหวังว่าแม่จะต้องตอบสนองความต้องการของเขาอยู่ดี ทำให้เด็กในวัยนี้พยายามที่จะสำรวจขอบเขตอำนาจของตัวเอง และทำตัวเป็นไอ้ตัวแสบที่คอยบงการพี่น้อง พ่อแม่ หรือสัตว์เลี้ยง เมื่อโตขึ้น ยังคงมีบางทีที่เราคิดว่าคนอื่นต้องคิดและต้องการแบบเดียวกับเรา
เมื่อเรามีความรัก กำแพงระหว่างเราทลายลง จนรู้สึกว่าเราเหมือนเป็นคนๆ เดียวกัน และรู้สึกว่าทุกสิ่งเป็นไปได้
ความไม่สมจริงนี้คล้ายกับเด็กทารก หรือเด็ก 2 ขวบที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นมีอำนาจบงการทุกคนในครอบครัว และรู้สึกเช่นเดียวกับเมื่อครั้งเป็นทารกที่เราคิดว่าเมื่อเราต้องการอะไรแม่ก็ต้องรู้ ในช่วงของการตกหลุมรัก เราอาจคิดว่าอีกฝ่ายก็คิดแบบเดียวกับเรา ในรูปแบบของการรู้ใจหรือใจตรงกันไปเสียหมด
ทว่าภาพฝันของรักโรแมนติกพังทลายลงเสมอ เมื่อความเป็นจริงมาเยือน ไม่ช้าก็เร็ว เราก็จะพบความขัดแย้งในชีวิตประจำวัน เธออยากไปดูหนัง แต่เขาอยากอยู่บ้าน เขาอยากบ่นเรื่องงาน แต่เธอไม่อยากฟังเพราะอยากบ่นเรื่องของตัวเอง ทีละน้อยๆ จนทุกอย่างดังทลาย
นำมาซึ่งสาเหตุที่สก็อตมองว่าการตกหลุมรักหรือรักโรแมนติกไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เพราะการตกลงไปในหลุมรักและภวังค์แห่งความหลงใหลนั้นเป็นเรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่เราเป็นผู้เลือกเอง
🖤 รักไม่ใช่การเสียสละ 🖤
เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้หลายคนคงนึกสงสัยว่า จิตแพทย์คนนี้จะเอาอะไรนักหนากับความรัก ทำไมแม้แต่การเสียสละทุ่มเทให้คนรักก็ยังไม่ใช่ความรักอีก
สก็อตมองว่า การเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างให้คนที่รักนั้นไม่ต่างจากมาโซคิสม์หรือผู้ชื่นชอบความเจ็บปวด เพราะส่วนสำคัญของความรักคือการทำให้อีกฝ่ายเติบโต ไม่ใช่การทำให้คนรักต้องพึ่งพิงเราตลอดเวลา
ผู้ป่วยรายหนึ่งของเขาเป็นพ่อที่ดูแลครอบครัวที่ไม่มีใครช่วยเหลือตัวเอง คอยไปรับไปส่ง พาภรรยาไปดูโอเปราด้วยทั้งที่เขาเกลียดและเบื่อเหลือทน ซี้อรถและจ่ายประกันให้ลูกทั้งสองแม้จะรู้สึกว่าลูกควรจะหัดดิ้นรนด้วยตัวเองบ้าง เขามองว่าตัวเองอาจไม่ใช่คนที่เลิศเลอ แต่ก็ใส่ใจครอบครัวเสมอ เขาทำงานหนักสายตัวแทบขาดนอกเวลางานเพื่อดูแลทุกคน ถึงอย่างนั้นครอบครัวเขากลับไม่มีใครดูแลตัวเองหรือทำความสะอาดบ้านเลย เขาเสียสละให้ครอบครัวอย่างหนักกระทั่งครอบครัวของเขาทั้งครอบครัว ‘ป่วย’
เขาเน้นว่า "การยับยั้งไม่ให้ในบางเวลาที่เหมาะสมนั้น นับเป็นความใส่ใจมากกว่าการให้ที่ผิดเวลา และการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นอิสระ ก็เป็นการแสดงความรักยิ่งกว่าการเอาแต่ประคบประหงมดูแลคนที่ควรดูแลตัวเองได้แล้ว"
ในอีกมุมหนึ่ง หากย้อนกลับไปในช่วงแรกของการบำบัด ชายคนนี้เอาแต่เล่าถึงสิ่งที่เขา ‘ทำเพื่อครอบครัว’ แต่ที่จริงแล้วการเสียสละของเขาไม่ได้มาจากความต้องการของคนในครอบครัว แต่เขาทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีกับตัวเอง เพราะเบื้องหลังผู้ป่วยรายนี้ เขาโตมากับพ่อขี้เมาที่ปล่อยปละละเลยครอบครัว เขาจึงสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เป็นคนอย่างพ่อ การดูแลครอบครัวอย่างที่พ่อไม่เคยทำจึงทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเอง... ...
โดยสรุป ในมุมมองของสก็อตนั้น ความรักแท้จริง ไม่ใช่ความรู้สึกท่วมท้นในใจ แต่เป็นพันธะสัญญาที่ผ่านการไตร่ตรองมาดีแล้ว เขาเน้นย้ำเรื่องของความสำคัญของการตัดสินใจเลือก การแสดงเจตจำนงจะรัก และยึดมั่นกับคำสัญญาไม่ว่าความรู้สึกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เพราะตามอุดมคตินั้น ความรักแท้จริงไม่ใช่การพึ่งพิงทางอารมณ์ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคนสองคนที่อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว เลือกจะอยู่ด้วยกัน ... ...
อ้างอิง: หนังสือ The Road Less Traveled โดย M. Scott Peck
5 บันทึก
28
18
6
5
28
18
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย