3 มิ.ย. 2020 เวลา 09:39 • การเมือง
เสีย “เกงจิ๋ว” เปลี่ยนแปลงจ๊กก๊กไปตลอดกาล
แผนยึด “เกงจิ๋ว” เป็นแผนแรกในบันได 3 ขั้นสู่การรวมแผ่นดินของ “ขงเบ้ง”
เมื่อขงเบ้ง ตกปากรับคำมาเป็นกุนซือให้เล่าปี่ เขาก็เสนอยุทธศาสตร์นี้ต่อ 3 พี่น้องทันที
ขั้นที่ 1 ยึด “เกงจิ๋ว” เป็นฐานที่มั่น เพราะเป็นชัยภูมิที่สำคัญของภาคกลาง ถึงแม้ว่า เกงจิ๋วจะเป็นของ “เล่าเปียว” อีกหนึ่งเชื้อพระวงศ์ฮั่น แต่ต้องเอามาให้ได้
ขั้นที่ 2 เมื่อตั้งตัวที่เกงจิ๋วได้แล้ว ก็ไปตีเสฉวน เมืองใหญ่ ขยายอำนาจไปทางตะวันตก ลงหลักปักฐาน เพราะเห็นว่า เล่าเจี้ยง เจ้าเมืองเสฉวนอ่อนแอ และเป็นพื้นที่ป่าเขามีปราการธรรมชาติยากต่อการถูกโจมตี
ขั้นที่ 3 โจมตี “วุยก๊ก” ของโจโฉ รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง
แต่ในที่สุด แผน 3 ขั้น ของขงเบ้ง ก็ทำสำเร็จไปเพียง 2 ขั้นเท่านั้น ... ทุกอย่างพังลง หลังจากเสียเกงจิ๋ว ไปพร้อมกับชีวิตของกวนอู เป็นการเสียไปในช่วงที่น่าเสียดายที่สุด
ช่วงที่จ๊กก๊กของเล่าปี่ เสียเมืองเกงจิ๋ว ให้กับง่อก๊กของซุนกวน เป็นช่วงบั้นปลายชีวิตของโจโฉ ผู้นำวุยก๊ก ถือเป็นช่วงที่วุยก๊กเอง กำลังอ่อนแอที่สุด แต่ด้วยความมั่นใจเกินไปของกวนอู ที่จะตีเมืองฟ่านเฉินจากโจหยินให้ได้ สั่งทหารทั้งหมดออกมาจากเกงจิ๋ว ทั้งที่ตัวเองถูกลูกธนูได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็เปิดโอกาสให้ “ลิบอง” แม่ทัพใหญ่ของง่อก๊ก นำทหารเข้าไปยึดเกงจิ๋ว ซึ่งง่อก๊กอ้างมาตลอด ให้เล่าปี่ยืมก่อนเท่านั้น ... นำไปสู่ความตายของ “กวนอู”
ฉากการตายของ "กวนอู" ใน สามก๊ก 2010 .. ปักง้าวมังกรเขียวจมลงในพื้นดิน ก่อนใช้กระบี่ปาดคอตัวเอง
ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะถูกทวงถามอย่างไร ขงเบ้ง เล่าปี่ ไม่เคยยอมเสียเกงจิ๋ว ทั้งที่เคยสัญญากับชุนกวน ตั้งแต่บอกว่าไม่มีเมืองเป็นหลักแหล่งขอยืมก่อนเมื่อยึดเสฉวนได้จะคืน ต่อมาเมื่อยึดเสฉวนได้ก็บอกว่ายังไม่พร้อมขอเวลาอีกหน่อย ตลอดเวลาที่ทัพจ๊กก๊กขยายอิทธิพลออกรบไปยึดเมืองต่างๆหลังศึกที่ผาแดง “กวนอู” ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่เก่งที่สุดร่วมกับเตียวหุยและจูล่ง จึงแทบไม่ได้ร่วมรบ เพราะมีหน้าที่ “เฝ้าเกงจิ๋ว” มีเพียงครั้งเดียวที่ไปรบกับขุนพลเฒ่า ฮองตง เท่านั้น
จนกระทั่งทำตามแผนขั้นที่ 2 สำเร็จ ขยายอำนาจทั้งในภาคกลางและเสฉวน ได้เมืองบริวารมากมายจนมีทหารนับล้าน เล่าปี่และขงเบ้ง ก็ยังไม่ยอมคืน เกงจิ๋ว แถมเปลี่ยนคำพูดว่า เกงจิ๋ว ไม่ใช่แผ่นดินของซุนกวน แต่เป็นของต้าฮั่น ซุนกวนจะมาเป็นเจ้าของได้อย่างไร แม้แต่ “จิวยี่” แม่ทัพใหญ่ของชุนกวน ก็ต้องตายเพราะพ่ายแพ้ต่อการเดินหมากของขงเบ้งในระหว่างพยายามทวงเกงจิ๋วนี่เอง
1
เห็นได้ชัดว่า ในสายตาของ “ขงเบ้ง” เกงจิ๋ว เป็นเมืองที่สำคัญเหลือเกิน อย่างไรก็เสียไปไม่ได้เด็ดขาด หากจะเดินหมากตามแผนขั้นที่ 3 คือ รวมแผ่นดิน
แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น
หลังการตายของกวนอู เกงจิ๋วกลับตกเป็นของซุนกวนแห่งง่อก๊ก เล่าปี่เสียอกเสียใจทั้งเสียน้องร่วมสาบาน ทั้งเสียเมืองสำคัญ ขงเบ้งพยายามสรุปบทเรียนให้เล่าปี่ฟังว่า ที่เสียเกงจิ๋ว ก็เพราะกวนอูมั่นใจฝีมือตัวเอง เย่อหยิงเกินไป จนกลายเป็นความประมาท
ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ซุนกวน พยายามเสนอให้ลูกชายของเขามาแต่งงานกับลูกสาวของกวนอู โดยเลือกส่ง จูกัดกิ๋น พี่ชายของขงเบ้งมาเป็นทูตเจรจาด้วยซ้ำ แต่ กวนอู กลับไล่ จูกัดกิ๋น กลับไปแบบไม่ใยดีด้วยคำพูดรุนแรง ทั้งที่กุนซือ ม้าเลี้ยง ก็เตือนแล้วว่า ควรจะฑุดดีๆ เพราะเรากำลังตีฟ่านเฉินจากโจโฉอยู่ อย่าเปิดศึกอีกทางดีกว่า
“ลูกเสือ จะแต่งกับ ลูกสุนัข ได้ยังไง” ... คือคำตอบของกวนอู
“เกงจิ๋ว” จึงเป็นทั้งชัยภูมิที่ดีในการเดินทัพ แต่อีกมุมหนึ่งก็จะเห็นว่า เมืองนี้ ถ้าผู้ปกครองเย่อหยิ่ง ไม่สร้างพันธมิตร ก็จะโดนรุมกินโต๊ะได้โดยง่ายเช่นกัน
ซึ่งถ้ามองในมุมกวนอูเย่อหยิ่ง ทรนงตัวมากเกินไป ก็อาจจะใช่ แต่หากมองจากมุมของกวนอู เขาอาจคิดว่า เขาก็ยอดนักรบชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่ง ไม่เคยพ่ายแพ้ สร้างชื่อมาหลายศึก แต่ตอนที่กองทัพเล่าปี่กำลังออกล่าหัวเมืองกันอย่างเมามัน เขากลับต้องอยู่เฝ้าเกงจิ๋ว ไม่มีผลงาน เมื่อมีโอกาสได้รบ จึงออกรบด้วยความฮึกเหิมแต่วู่วาม
“ลูกเสือ จะแต่งกับ ลูกสุนัข ได้ยังไง” ขงเบ้งทวนคำของกวนอูให้เล่าปี่ฟัง เพื่อเตือนสติเล่าปี่ที่กำลังคิดแต่จะแก้แค้นว่า ให้นึกถึงงานใหญ่ มองเป้าหมายใหญ่ก่อน ที่กวนอูต้องตาย ก็เพราะดันไปเปิดศึกกับง่อก๊กอย่างไม่ควรนะเว้ย พร้อมอธิบายภาพใหญ่ให้เล่าปี่ตาสว่าง
“การเสียเกงจิ๋ว ส่งผลต่อการที่จะทำงานใหญ่ ทั้งที่ทัพของ เล่าปี่ กำลังเติบโต ฮึกเหิม ขยายอิทธิพลจนใครๆก็กลัว ในเวลาเดียวกัน โจโฉ ทางเหนือกำลังแย่ (ตายแล้วด้วย) ซุนกวน ก็มีแต่กังตั๋งทางใต้ แต่พอเกงจิ๋วถูกยึดไป สถานการณ์ก็พลิกผันอย่างหนักทั้ง 3 ก๊ก
ก่อนนี้เรามี เกงจิ๋ว เสฉวน 9 เมืองใหญ่ 41 อำเภอ รวมถึงฮันต๋งและหัวเมืองต่างๆ นับเป็นผู้นำแคว้นใหญ่แคว้นหนึ่ง จะใช้กำลังอีกไม่กี่ปีแบ่งกองทัพเป็นเหนือใต้ พริบตาเดียวก็จะตียึดเมืองฮูโต๋ได้ วุยก๊กก็จะไม่รอด งานใหญ่ก็จะสำเร็จแน่นอน
2
แต่พอเสียเกงจิ๋ว แผนใหญ๋ก็ย่อยยับตามไปด้วย ช่วยต่อลมหายใจให้วุยก๊ก ส่วนง่อก๊กกลับได้เมืองที่สำคัญ สามารถขยายอำนาจจากกังตั๋งมาสู่ภาคกลางได้
1
เกงจิ๋ว คือ หัวใจของแผน ทั้งอุดมสมบูรณ์ ผลิตผลมีตลอดปี สามารถเลี้ยงทหารได้ถึง 5 แสนคน การเคลื่อนย้ายกองทัพและยุทธปัจจัยต่างๆ ทั้งทางเหนือทางใต้ ทางบกและทางน้ำล้วนสะดวกง่ายดาย แต่ถ้าเราต้องเคลื่อนทัพจากเสฉวน หนทางคดเคี้ยว ไกลกว่ากันถึง 2 พันลี้ ความได้เปรียบที่เคยมีก็เสียไปจนสิ้น เพราะความพลิกผันของเกงจิ๋ว ทำให้ทั้ง 3 ขั้ว กลับมาสูสีกันหมด”
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ “ขงเบ้ง” ร้องไห้ออกมาจริงๆ ... ไม่ได้เสแสร้งเหมือนครั้งก่อนๆ เพราะตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานกับเล่าปี่ เขาก็มีเป้าหมายนี้อยู่ในใจตลอดมา เดินหมากทุกตาได้ดั่งใจ ทั้งชวนซุนกวนรบโจโฉที่ผาแดง ยึดเกงจิ๋ว ขยายไปตีหัวเมืองสะสมกองทัพ ยึดเสฉวน ขยายฐานอำนาจ ... เหลืออีกเพียงขั้นเดียว คือ ไปตีเมืองฮูโต๋ รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง ส่วนกังตั๋งของซุนกวน ขงเบ้งพยายามรักษาความเป็นมิตรมาตลอด เพื่อจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เมื่อยึดฮูโต๋จากสกุลโจได้แล้ว การตีกังตั๋งที่เหลือหัวเดียวกระเทียมลีบก็คงง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ
แต่กลับมาเสียเมืองที่เป็นหัวใจของการเลี้ยงกองทัพและเป็นจุดศูนย์กลางการเดินทัพไป
จากนั้น ... แม้ว่า “ขงเบ้ง” จะคาดการณ์ใดๆราวเทพยดาได้ดังเดิม แต่ เล่าปี่ที่เปลี่ยบนไปหลังกวนอูตาย ไม่ฟังขงเบ้ง สั่งการรบเองจนเตียวหุยที่ออกรบด้วยสุราและอารมณ์ถูกทหารตัวเองฆ่าตาย เล่าปี่ก็ตรอมใจตายตาม
1
เมื่อไม่มี เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย 3 พี่น้อง ไม่มีผู้นำที่มีบารมีมากพอแบบเล่าปี่ สถานการณ์ของจ๊กก๊ก ก็ไม่กลับมาดีดังเดิมอีกเลย
หมากที่ส่ง “กวนอู” ผู้เก่งกาจไปทำหน้าที่เฝ้าเกงจิ๋ว จนไม่ได้ออกรบ อาจเป็นหมากตาเดียวเท่านั้นตลอดชีวิตของ “ขงเบ้ง” ที่เขาคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินพลาด
พลาดตาเดียว แพ้ทั้งกระดาน
#มารชรา
โฆษณา