4 มิ.ย. 2020 เวลา 09:20 • ความคิดเห็น
ความสุขที่หายไป:ฟ.ฟันหายไปไหน?
ณ โรงพยาบาลแผนกทันตกรรม ห้องเบอร์ 7
หลังจากที่ค่อยๆ ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้นวม
ตัวใหญ่ มีไฟดวงกลมๆ โตๆ ส่องสาดแสง
อยู่ด้านบน
เอนตัวลงนอน โดนเอาผ้าผืนเล็กๆมีช่องสี่เหลี่ยม
ปิดหน้า อ้าปากกว้างๆให้หมอตรวจดูฟันซี่ทรยส
ซี่นั้น แล้วหมอจึงพูดเบาๆว่า
"สงสัยรากฟันจะอักเสบ เลยทำให้เหงือกบวมมาก
ซี่นี้ใช่ไหม"
พร้อมกับพูดหมอโยกฟันซี่นั้นไปมาเล็กน้อย
"ขะ ครับ"
"คงต้องถอน"
"ไม่มีทางรักษาเลยหรือครับหมอ"
(....)
"ขอเวลาผมทำใจซักอาทิตย์ได้ไหมครับหมอ
ผมไม่เคยถอนฟัน"
"ถอนเลยไม่เจ็บหรอกเชื่อหมอ หมอเรียน หมอรู้
ไหนๆ ก็มา(ขึ้นเขียง)แล้ว"
คิดหนัก
"โอเคครับ ผมเชื่อหมอถอนก็ถอน ไม่เจ็บจริงๆ
ใช่ไหมครับ" มีอ้อนหมอนิดๆ
จากนั้นหมอก็เริ่มทำการฉีดยาชาให้ 1 เข็ม
รู้สึกเจ็บนิดหน่อยอาการคล้ายๆก้างปลาอันใหญ่ๆ
ตำเหงือกตรงบริเวณนั้น
ใครอยากรู้ลองทำดู
หลังจากฉีดยาชาเสร็จนั่งรอหมออยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมนั่นแหละเวลาผ่านไปราว 5 นาที
"รู้สึกหนักๆ ตรงบริเวณปากด้านขวารึยัง?"หมอถาม
"ไม่เลยครับแต่รู้สึกเย็นๆ บริเวณลิ้นด้านขวา
อาการคล้ายๆ เหมือนกินลูก อมรสเมลทอล"
คนไข้เริ่มพูดไม่ชัด
"อืม! งั้นหมอจะฉีดยาชาให้อีกเข็มนะ"
(ห๊า!อีกเข็มเหรอครับหมอ
นี่จะไม่รออีกสักหน่อยรึครับ ผมว่าเมื่อกี๊มันยังไม่ถึง
5 นาทีเลยนะ แอบเถียงหมอในใจคนไข้ไม่กล้าพูด)
เข็มสองไม่เจ็บเลยครับแค่รู้สึกจิ้ดๆ
"เริ่มหนักรึยัง"
"หนักแล้วครับ"
(หนัก(ใจ)มากแล้วครับ ตั้งแต่รู้ว่าหมอบอกให้ถอน
รีบตอบหมอไปอย่างไวด้วยกลัวโดนเข็มที่ 3 ฮา)
ไม่ได้กลัวเจ็บนะครับ แต่กลัวผลข้างเคียงมากกว่า
ถ้าต้องชาอยู่อย่างนี้ ชีวิตจะเป็นอย่างไรหนอ คงไร้ความรู้สึก
"โอเค น่าจะพร้อมแล้ว"หมอบอก
(หมอใช้คำว่าน่าจะเหรอครับ)
"คนไข้นอนลง"
หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ดำเนินต่อไปตามครรลอง
ของประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ทั้งหลาย
คุณหมอเริ่มใช้ความพยายามเอามันออกมา
คนไข้ก็เริ่มดิ้นทุรนทุรายเหมือนปลาพยายามหนี
ตายจากทะเลทรายอันแห้งผาก
มือสองข้างกำพนักเก้าอี้ด้านข้างไว้แน่นเหมือนกลัว
ว่าจะตก
ท่องบ่น พุทโธ ธรรมโม สังโฆ ในใจไปเรื่อย
ต่อด้วย นะโมตัสสะ หลายจบ ตบท้ายด้วยบท
อรหัง สัมมา
มันยังไม่ออกครับ
แก๊งๆ!
คล้ายมีเสียงเคาะระฆังดังแว่วมาบอกว่าพักยก
หมอยังไม่ลดละความพยายามที่จะทำภาระกิจให้
สำเร็จ
เหมือนว่าหมอกำลังประเมินสถานการณ์อะไร
บางอย่าง แล้วจึงเริ่มบรรเลงเพลงหวานต่อ...
จากนั้นต่อมาไม่นาน ด้วยความพยายามของคุณหมอ บวกกับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากคนไข้ภาระกิจของหมอจึงสำเร็จลุล่วงในเวลาไม่นาน
อาการที่กระดูกชิ้นน้อยๆที่ชาวโลกหลายคนต่าง
พร้อมใจกันเรียกว่า "ฟัน' ซี่นั้นหลุดออกไปจากปาก
อุปมาดั่งว่ามีเชือกเส้นเล็กๆ ยาวๆ ที่ติดซอกฟัน
อยู่ตรงนั้นโดนดึงออก
จากนั้นหมอเอาอะไรบางอย่างอุดพื้นที่ช่องว่างระหว่างใจเอาไว้แล้วพูดว่า
"คาบไว้นะอย่าเพิ่งบ้วนปากล่ะจนกว่าจะครบ 1 ชั่วโมง หากมีน้ำลายให้กลืนลงคอไปเลย"
อยากจะบอกหมอเหลือเกินครับว่าไอ้ที่กลืนลงไป
ในลำคอคงไม่ใช่แค่น้ำลายอย่างเดียวมั๊งขอครับ
ถอนฟันทั้งทีมีหรือจะได้แค่น้ำลาย กลิ่นคาวเลือดโชยมาแตะจมูกซะขนาดนี้
ก่อนจากกันคุณหมอคนสวยยังหันมาถาม
ด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า
"เจ็บไหม?"
ตอบไม่ได้ครับตอนนั้นปากไม่ว่างได้แต่ส่ายหน้า
(อย่าให้เจอแถวบ้านนะครับจะยุหมาไล่งับขาหมอ)
ก่อนจบ
หมั่นดูแลรักษาสมบัติล้ำค่าในช่องปากทั้ง 32 ซี่ที่พ่อแม่ให้มาดีๆนะครับ อย่าปล่อยให้มันต้องหลุดลอยไปก่อนกาลอันควร
เพราะมันมีค่ามากมายมหาศาลกับการใช้ชีวิตประจำวันมากจริงๆ
มากเสียจนไม่รู้ว่าจะหาสิ่งใดในโลกมาเปรียบปราน
กระซิก! กระซิก! (แอบนอนร้องไห้อยู่ในห้อง
คนเดียว ด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่ยาชา
หมดฤทธิ์)
จากนั้น
เหมือนจะได้ยินเสียงเพลงของพี่ออฟ พงษ์พัฒน์
ดังแว่วมาแต่ไกลว่า 'เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม...'
😣
ขอบคุณภาพสุดแสนจะน่ารักจาก face book
เพจ:NONG INTER Fanpages
😁
หากผิดพลาดต้องขออภัย
มีความคิดเห็นเป็นประการใดเขียนมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
"เพราะบทความดีดีเพียงแค่ไม่กี่ประโยค
อาจทำให้โลกต้องสะเทือน"
คารวะจากใจ
"มหานที"
โฆษณา