4 มิ.ย. 2020 เวลา 17:35 • ธุรกิจ
😄???ผ่าขุมทรัพย์ สมองเศรษฐี ????😄
" ทำตลาดออนไลน์อย่างไร ให้รวย เป็นเศรษฐี"
( อยากรวยต้องรู้ )
จั่วหัวมาขนาดนี้ เพื่อนๆอยากรู้ไหมครับ ?
ว่าเศรษฐีเขาทำการตลาดออนไลน์กันยังไง?
วันนี้ ผมจะเอาโมเดลธุรกิจของ อ.เจล
ภก.ดร.ปัญญาวิชญ์ โชติเตชธรรมมณี มาเล่าให้ฟัง
ซึ่งผมได้มีโอกาสได้เรียนในคลาส ของ อ.เจล
และปัจจุบัน อ.เจล ก็เป็นหนึ่งในอายุน้อยพันล้านไป
แล้วครับ เพื่อนๆอยากทำธุรกิจออนไลน์แล้วเป็น
เศรษฐีกันไหมครับ? ถ้าพร้อมแล้ว เราก็ไปลุยกัน
เลย!!!!
💈!!!ดูภาพโมเดลตามรูปประกอบด้วยน้า..!!!💈
"การเลือกสื่อโซเชียลมีเดียในการทำตลาด "
ต้องเลือกช่องทางการตลาดให้เหมาะสม
กับสินค้าหรือบริการของเรานะ!
เพราะในแต่ละสื่อ จะเหมาะกับสินค้า
หรือกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน
😄😄การทำตลาด😄😄 จะใช้ คอนเทนต์
เป็นตัวส่งสารไปสู่กลุ่มเป้าหมาย โดย
1) เขียนคอนเทนต์แบบไม่ต้องยิงโฆษณาหรือ
organic (คนที่ติดตามหรือสนใจเราจะมองเห็น
สิ่ง ที่เราจะสื่อ โดยเราไม่ต้องทำ การโฆษณา)
 
2) เขียนคอนเทนต์ แล้วยิง โฆษณา (ใช้คำย่อ
Adsในรูปโมเดล)
"แล้วการทำตลาดทั้ง 2 วิธีมันแตกต่างกันยังไง
นะ?!"
เราลองมาดูจุดเด่นของทั้ง2วิธีกัน
👍ข้อดี ของการทำ Content แบบ Organic👍
 
ก็คือเราจะได้คนที่ติดตาม หรือสนใจเรา
จริงๆ แบบว่า !!! ฐานแฟนเหนียวแน่น !!!
ใครอยากมี fc มากๆ ต้องฝึกเขียนคอนเทนต์แบบ
นี้ให้ได้นะ
ส่วนการใช้ Ads หรือ ใช้เงินโฆษณา
จะทำให้เราสร้างยอดขายได้เลยทันที
หลังจากที่เราทำ Contentแล้วลูกค้าสนใจ
ลูกค้าก็จะมีช่องทางในการซื้อสินค้า
หรือบริการของเราได้ 2 ช่องทางคือ
1)ระบบแชท
 
- ถ้าเราตอบลูกค้าเองกำไรก็เป็นของเราคน
เดียว
-Admin (ระบบแอตมิน) ช่วยตอบ
 
กรณีมีลูกค้าเยอาะ กำไรเราจะหัก
ไปให้แอตมินด้วย ก็จะเหลือกำไร
สำหรับตัวเองอยู่ที่ประมาณ 80-95%
 
- Distributer (ผ่านตัวแทนขาย)
 
ซึ่งโดยทั่วไปจะแยกเป็นทีม อาจจะมี
ทั้งระบบสต๊อกสินค้าหรือแบบ
ไม่สต็อกสินค้า ก็ได้ ในส่วนนี้เราจะ
ืื. เหลือกำไร ประมาณ. 20-60%
2)ทางsale Page (ใน Sale Page เราจะต้องติด
Pixel ด้วย เพื่อที่จะเอาไปทำ re -target ต่ออีก
รอบ
หลังจาก สื่อคอนเทนต์ ให้กลุ่มเป้าหมาย
แล้วจะต้องมีการ "วิเคราะห์ " ว่าสื่อ
ที่เราส่งไปถึงกลุ่มเป้าหมาย นำคนที่สนใจ
มาใช้สินค้าหรือบริการเรา คุ้มกับเงิน
ที่เราจ่ายค่าโฆษณาไปหรือไม่
ถ้าไม่คุ้ม ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายหรือเปลี่ยน
Content ไปเลย
หลังจากปิดการขายหรือแม้กระทั่ง
ในเคสที่ปิดการขายไม่ได้ก็จะมีการทำ
Re -Target ในส่วนของDownsale และ
Upsaleด้วย
"เพื่อน ๆ สงสัยกันไหมว่า Downsale
และupsaleคืออะไร ?"
ลองยกตัวอย่างละกันนะ
เช่น ลูกค้าซื้อ iPhone จากร้านเราไป 1 เครื่อง
เราจะใช้การ Re-Target เพื่อขายสิ่งต่างๆที่เสริม
กับสิ่งที่ลูกค้าซื้อไปแล้ว เช่น เคส ฟิล์ม หูฟัง
หรือแบตเตอรี่ต่อให้ครบเซ็ตอันนี้เราเรียกว่า
" Downsale "
แล้ว Upsale ล่ะคืออะไร ?
"ใครตอบได้บ้างเอ่ย? "
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเลยละกันเนอะ !!!
สมมุติเราขายคอร์สเรียนคณิตศาสตร์พื้นฐาน
ซักระยะเวลาหนึ่ง เราก็อาจจะRe-target
ไปให้ลูกค้าเดิมเพื่อกระตุ้น ให้ซื้อคอร์ส
คณิตศาสตร์ ขั้น Advance การทำแบบนี้
เราเรียกว่า " Upsale "
👍👍สรุปโมเดล👍👍
 
" การทำตลาดออนไลน์ให้รวยเป็นเศรษฐี "
คือ
 
-1)เริ่มจาก หาช่องทาง Social Media ที่เหมาะสม
กับสินค้าและบริการของคุณ
-2) ทำ Content ทั้งแบบ Organic และ
แบบยิงโฆษณา
แล้ว " วิเคราะห์ " ว่า
Contentที่ทำ สามารถนำกลุ่มเป้าหมาย
มาซื้อสินค้าหรือบริการคุณ ได้คุ้มกับค่าใช้จ่าย
ในการเสียค่า โฆษณาหรือไม่. ถ้าไม่คุ้ม
ก็อาจจะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณา
หรือเปลี่ยน Content ไปเลย
-3) เมื่อทำ sale Page ต้องติด Pixel
เพื่อช่วยในการ Re-Target เพื่อขายสินค้าให้แก่
ลูกค้ากลุ่มเดิม
-4) หลังจากได้ขายสินค้าหรือบริการแล้ว
จะมีการทํา Upsale และ Downsale โดยใช้วิธี
การ Re-Target
ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ จะช่วย เพิ่มยอดขายได้เพิ่มขึ้นอีก
เท่า ตัวด้วยนะ
 
ใครอยากเป็นเศรษฐี ?
 
(ฉันนะซิ ฉันนะซิ...อิอิ)
และทั้งหมดนี้คือวิธีการทำธุรกิจออนไลน์
ของอาจารย์เจล โมเดลที่สร้างนักธุรกิจ
ที่เริ่มจาก 0 ถึงพันล้าน
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ
 
!!! เราจะรวยไปด้วยกันนะครับ!!!
หากเพื่อนๆชอบบทความนี้ รบกวนเพื่อนๆ คอมเม้ม
กด like กด share เพื่อให้กำลังใจคนเขียนได้
สร้างสรรค์ บทความต่อไปนะครับ
ขอบคุณครับ
Online Marketing Trick By Mr.Beam
Fb. Prom P Sak
โฆษณา