ตรีปุรานตกะ
ตรีปุรานตกะ(ตฺริปุรานตก)หรือตรีปุราริ(ตฺริปุราริ)เป็นปางหนึ่งของพระศิวะ ในปางนี้ พระศิวะทรงมี4พระกร ทรงคันศรและลูกศร ซึ่งจะต่างจากปินากปาณิมูรติตรงที่ตรีปุรานตกมูรติทรงกวางและขวานที่พระกรด้านหลังด้วย หลังจากที่พระศิวะทรงทำลายตรีปุระลง พระองค์ทรงเอาขี้เถ้ามาทาบนหน้าผากของพระองค์เป็นเส้นแนวนอน3เส้น ซึ่งสิ่งนี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์สำคัญของพระศิวะและเป็นสิ่งที่ชาวไศวนิกายยังปฏิบัติด้วยการวาดสัญลักษณ์ดังกล่าวบนหน้าผากมาจนถึงทุกวันนี้ พระศิวะในปางตรีปุรานตกะเป็นปางที่ทรงทำลายเมืองทั้ง3เมืองของเหล่าอสุร จาก8ตำนานที่เล่าถึงพระศิวะในฐานะผู้ทำลายความชั่วร้าย พระตรีปุราณตกะเป็นเรื่องของพระศิวะที่ทรงทำลายเมืองทั้ง3เมืองของอสุร3พี่น้อง
ภาพพระศิวะ5พระพักตร์ทรงกำลังทำลายเมืองของเหล่าอสุรจาก https://en.m.wikipedia.org/wiki/Tripura_(mythology)?fbclid=IwAR0vFb7Nx3uPuOn4YoQGSd2k2idScr548UlqUO9WSCiijMZrHF-A9RlYBP0#/media/File%3AShiva_Tripurantaka.jpg
ตารกาสุรมีบุตร3ตน ได้แก่ ตารกากษะ (ตารกากฺษ), กมลากษะ(กมลากฺษ) และวิทยุนมาลี(วิทฺยุนฺมาลี) ทั้ง3ตนได้บำเพ็ญตบะบูชาพระพรหมาจนพระพรหมาเสด็จลงมาจากพรหมโลกเพื่อประทานพรให้แก่อสุรทั้ง3ตนๆ ขอพรจากพระพรหมาให้พวกตนเป็นอมตะ แต่พระพรหมาก็ทรงไม่สามารถประทานพรดังกล่าวให้แก่พวกมันได้ พวกมันจึงขอพรให้พวกตนมีป้อมปราการที่ไม่สามารถถูกบุกยึดได้ที่จะคงอยู่ตลอดไป แต่พระพรหมาก็ทรงไม่สามารถประทานพรให้ได้เพราะไม่มีสิ่งใดสามารถคงอยู่ได้ตลอดไป พวกมันจึงขอให้วิธีที่จะทำลายเมืองของพวกตนได้คือการยิงลูกศรดอกเดียวเท่านั้น เพราะพวกมันคิดว่านอกจากพระศิวะที่พวกมันบูชาก็คงไม่มีใครสามารถทำลายเมืองทั้ง3ลงได้จากการยิงธนูเพียงดอกเดียวเมื่อยามที่เมืองทั้ง3เมืองเรียงกัน พระพรหมาก็ทรงให้พรให้เมืองดังกล่าวถูกสร้างขึ้น
เมืองของอสุรทั้ง3ตนถูกสร้างขึ้นโดยมยาสุร โดยเมืองทั้ง3เมืองประกอบไปด้วย
1) เมืองเหล็กซึ่งตั้งอยู่บนพื้นโลกมนุษย์
2) เมืองเงินซึ่งตั้งอยู่บนท้องฟ้า
3) เมืองทองคำซึ่งตั้งอยู่บนสวรรค์
โดยเมืองทั้ง3เมืองนี้เป็นเมืองเคลื่อนที่และจะเคลื่อนที่มาเรียงกันเป็นเพียงเวลาสั้นๆ ในรอบ1,000ปี เมื่อดวงจันทร์สถิตอยู่ที่นักษัตรปุษยะ อสุรทั้ง3ตนจึงรู้สึกสบายใจว่าพวกตนปลอดภัยแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่ยากยิ่งที่จะทำลายเมืองอันไม่สามารถถูกบุกยึดได้ หลังจากนั้นอสุรจากแห่งอื่นๆ ก็อพยพมาอาศัยอยู่ในเมืองทั้ง3เมืองของอสุรทั้ง3ตน
หลังจากหลายปีแห่งความสุขของชาวโลก เหล่าอสุรก็เริ่มกลับมาเบียดเบียนโลกอีกครั้ง พวกมันเบียดเบียนทั้งเหล่าฤาษีและเทวดาพร้อมทั้งทำลายความสงบสุขของโลก สุดท้ายพระอินทร์พร้อมทั้งเหล่าเทวดาจึงไปขอร้องให้พระพรหมาทรงช่วยเหลือ พระพรหมาก็ทรงบอกให้เหล่าเทวดาไปขอพึ่งพระศิวะและบอกเหล่าเทวดาเรื่องที่ตรีปุระจะถูกทำลายลงได้ด้วยลูกศรดอกเดียว พระศิวะทรงสัญญากับเหล่าเทวดาว่าจะทรงช่วยเหล่าเทวดาๆ จึงกลับไปต่อสู้กับเหล่าอสุรพร้อมกับความช่วยเหลือจากนันทิ ผู้เป็นหัวหน้าของศิวคณะจนสามารถสังหารวิทยุนมาลีกับเหล่าอสุรหลายตนได้ แต่พวกมันก็ฟื้นคืนชีพขึ้นได้ด้วยน้ำจากบ่อน้ำจากเมืองทั้ง3เมือง
ภาพเหล่าฤาษีและเทวดาขอร้องให้พระศิวะทรงช่วยเหลือจาก https://en.m.wikipedia.org/wiki/Tripura_(mythology)?fbclid=IwAR0vFb7Nx3uPuOn4YoQGSd2k2idScr548UlqUO9WSCiijMZrHF-A9RlYBP0#/media/File%3ADevas_praying_Shankara_to_Destroy_Tripura_or_The_three_cities.jpg
เมื่อถึงวันที่เมืองจะเคลื่อนตัวเรียงกัน พระศิวะทรงสั่งให้สร้างรถศึกอันมีพระแม่ปฤถวีหรือผืนดินเป็นตัวรถศึก พระสูรยะหรือดวงอาทิตย์กับพระจันทร์เป็นล้อรถ พระพรหมาทรงเป็นสารถี เขาพระสุเมรุเป็นคันศร วาสุกินาคเป็นสายธนู พระวิษณุทรงเป็นลูกศร พระอัคนิทรงเป็นหัวลูกศร และพระวายุทรงอยู่ในขนนกที่อยู่ด้านหลังของลูกศร ส่วนเหล่าเทวดาองค์อื่นทรงอยู่ในส่วนต่างๆ ของรถศึก ในขณะที่พระศิวะทรงกำลังยิงลูกศร เหล่าเทวดาก็ดีใจมากที่ตนมีส่วนช่วยในการทำลายเมืองของเหล่าอสุรและคิดว่าพระศิวะทรงไม่สามารถทำได้หากไม่มีพวกตน
พระศิวะทรงทราบความคิดของเหล่าเทวดา พระศิวะจึงทรงไม่ยิงธนูและทำเพียงแค่การยิ้ม ทันใดนั้นเมืองของเหล่าอสุรก็ถูกไฟเผาทันทีทันใด พระพรหมาทรงอ้อนวอนพระศิวะว่าเหล่าเทวดาคิดผิดไปแล้ว พระศิวะทรงควรให้อภัยและยิงลูกศรออกไป มิเช่นนั้นเหล่าเทวดาจะมีชื่อเสียไปตลอดว่าเป็นผู้ทำให้รถศึกในครั้งนี้ไม่มีความหมาย พระศิวะจึงทรงยิงลูกศรใส่เมืองที่ลุกไหม้อยู่แล้ว เมื่อพระศิวะทรงนั่งบนรถศึกก่อนจะมุ่งหน้าไปสู่สงคราม รถศึกไม่สามารถมุ่งหน้าไปได้ พระวิษณุทรงแปลงกายเป็นกระทิงแล้วทรงลากรถศึกไปยังสนามรบแล้วจึงไปสถิตเป็นธงรูปกระทิงบนยอดรถศึกของพระศิวะ
หลังจากทำลายเมืองทั้ง3เมืองของเหล่าอสุรแล้ว พระศิวะทรงเริ่มตาณฑวะ-นฤตยะบนเศษธุลีของเมืองอสุร ซึ่งเรียกว่า”ตรีปุระ นาษะ นารตนะ” เหล่าเทวดาจึงเข้าใจว่า
1) พระศิวะทรงสามารถเอาพลังของใครหรือสิ่งใดมาใช้ก็ได้ เพราะมันเป็นพลังของพระองค์ที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว
2) ถึงแม้ว่าพรที่ได้รับคือการที่ต้องยิงธนู1ดอก1ครั้งเมืองจึงจะถูกทำลาย แต่พระศิวะก็ทรงมีอำนาจสูงสุดเหนือพรนั้น
3) พระศิวะไม่ทรงต้องการรถศึกอันโอฬาร, คันศรที่มาจากเขาพระสุเมรุ, ลูกศรที่มาจากพระวิษณุ, ฯลฯ พระองค์ทรงสามารถสร้างและทำลายทุกสิ่งได้โดยไม่ต้องทำลายขยับพระเนตร
การยิ้มและเผา การกระทำนี้ของพระศิวะในทางตมิฬเป็นสิ่งสวยงามที่เรียกว่า”สิรินตุปปุรเมริตะ เปรุมาน” ที่แปลว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้หัวเราะและเผาเมืองทั้ง3เมือง
ส่วนมยาสุร ผู้เป็นศิวสาวก นันทิได้ไปบอกให้มยาสุรรีบหนีไปจากเมืองของอสุร3พี่น้อง มยาสุรจึงหนีไปได้ก่อนที่เมืองที่ตนสร้างขึ้นจะถูกทำลายลงไป
2
โฆษณา