5 มิ.ย. 2020 เวลา 07:26 • ท่องเที่ยว
ปฐมบทของ เรื่องเล่าจากราวไพร .. โลกใบเล็กในบังไพร ณ ผืนป่าฮาลา บาลา
ในช่วงหนึ่งของชีวิตเมื่อไม่นานมานี้เอง พี่สุใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เดินป่า ดูนก ถ่ายภาพนกและสัตว์ป่า .. จนมีอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องถอยออกมาเพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาเยียวยาตัวเอง
เมื่อรู้จักกับ Blockdit เมื่อราวไม่ถึงเดือนที่ผ่านมา นี่เอง ทำให้อยากจะเขียนบทความในหลายๆมิติ ทั้งการท่องเที่ยวในโลกใบใหญ่ของเรา การท่องเที่ยวในเมืองไทย รวมถึงถ่ายทอด Lifestyle ในบางแง่มุม
เรื่องเล่าจากราวไพร .. เป็นบทความในอีกมิติหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมาที่อยากเขียน โดยช่วงต้น จะฝากไว้กับเพจ “เมืองไทยไดอารี่ by Supawan” ไปก่อน หากบทความในแนวนี้มีหลายๆคนชอบ มี FC พอสมควรก็จะเปิดเพจใหม่ค่ะ
โลกใบเล็กในบังไพร ณ ผืนป่าฮาลา บาลา
ฉันมาเยือนผืนป่าฮาลา บาลาแล้วเกือบสิบครั้ง … แต่ก็ยังกลับไปอีกบ่อยๆ
ฉันเชื่อว่าแม้ในป่าจะไม่มี WIFI … แต่เราสามารถที่จะ Connect กับผืนป่า ต้นไม้ และสรรพชีวิต Wild and free ทั้งหลายได้ง่ายๆ เพียงแค่ปล่อยกายและใจให้ลื่นไหลเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติรอบตัว
การเดินทางนั้น เรามิได้ผ่านแค่เส้นทาง … แต่ในรายทาง เราต้องผ่านสัจธรรมของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งเป็นการเดินเคียงคู่กันไประหว่าง “ระยะทาง” กับ “ระยะเวลา” ในชีวิต
ลึกเข้าไปในพื้นที่ระหว่างภูเขาและม่านหมอกสีฟ้าน้ำเงินห่มไอหนาวในยามเช้าโอบล้อม คือ ผืนป่าของฮาลา บาลา … สถานที่ ที่มีความเขียวขจีของต้นไม้ มีธารน้ำหลาก ที่ไหลพัดพาสรรพชีวิตให้เคลื่อนไหวเหมือนบทเพลงที่มากมายด้วยท่วงทำนองและจังหวะแห่งชีวิต ...
จังหวะ ..ที่บางทีเราอาจจะต้องใช้หัวใจฟัง นอกเหนือจากสิ่งที่เห็นด้วยตา และได้ยินด้วยหู จึงจะได้คุณค่าที่รื่นรมย์ของความเคลื่อนไหวอันเรียบง่าย
เราเดินทางมาถึงจังหวัดนราธิวาสในตอนเที่ยง …
ผืนป่า ฮาลา บาลาในวันที่เราไปเยือน ... ฤดูร้อนแล้งเพิ่งจะผ่านไป เปิดทางให้กับฤดูฝนที่สดใสและชื่นเย็น รอยทางนำเราผ่านพื้นที่ ที่ร่มไม้แผ่เรือนยอดร่มครึ้ม ...
เพื่อนของฉันเอ่ยถึง "นกเงือก" นักปลูกป่าผู้ชำนาญ เจ้าของนิยาม "ความรักนิรันดร"
“นกเงือกหัวแรด” … ตัวที่เห็นในภาพ พ่อนกกำลังนำอาหารมาป้อน เป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆที่มีโอกาสได้เฝ้าสังเกตในระยะไม่ไกลนัก
รถของเราแล่นต่อมาอีกไม่ไกล ก็มาถึงจุดที่มีต้นไทรขนาดใหญ่ และลูกไทรกำลังสุก ซึ่งปกติจะมีพลังดึงดูดนกนานาชนิดให้มารวมพลกันอย่างคับคั่ง … ทั้งนกเปล้า นกโพระดก นกเขียวคราม และนกอื่นๆอีกหลายสิบชนิด
เราตั้งใจว่าจะคอยเฝ้าดูนกเงือกหลายๆชนิด รวมถึงนกชนหิน ที่คาดว่าจะเข้ามากินลูกไม้ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของพวกมัน เสียงนกเงือกบางตัวร้องกังวานมาจากยอดไม้ พวกมันแวะแต่บินจากไปอย่างรวดเร็ว ... และเราไม่ไวพอที่จะคว้ากล้องมาเก็บภาพเอาไว้
ฉันสัญญากับตัวเองว่า ฉันจะกลับมาพยายามถ่ายรูปนกเงือกบางตัวของที่นี่อีกครั้ง ในอีกไม่นาน
เรากลับมาที่พักในช่วงเย็นมากแล้ว … เวลาผ่านไปช้าๆ จนความมืดเข้ามาโอบกอดสรรพสิ่งเอาไว้ในวงแขนของรัตติกาล นกหลายชนิดที่ออกหากินกลางคืนเริ่มส่งเสียง … ไกลๆ มีเสียงสัตว์บางชนิดร้องเป็นระยะๆ
ดาวระยิบระยับ ท้องฟ้ามืดสนิท เส้นทางช้างเผือกเห็นเด่นชัด
พรุ่งนี้ตั้งแต่เช้ามืด ท้องฟ้ายังไม่สว่าง ฉันก็จะไปเดินในเทรล แล้วจะไปกาง “บังไพร” เพื่อถ่ายรูปนก
หลายคนคงเคยได้ยินว่า วิธีที่ค่อนข้างประสบผลในการได้เห็นนกในระยะใกล้ คือต้องซ่อนตัวอย่างมิดชิด ในแหล่งที่คาดว่านกจะแวะเวียนมา … ดังนั้นการทำตัว และคิดเช่นเดียวกับนกป่า จึงเป็นทางออกหนึ่งสำหรับคนที่อยากพบพวกมันในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
“บังไพร” จึงเป็นเครื่องมืออันจำเป็นในกรณีนี้ … ซึ่งหลายคนที่ไม่คุ้นเคย เมื่อต้องมาอยู่ในพื้นที่แคบๆ คงจะอดที่จะรู้สึกว่าเวลาจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าจริงๆ … โดยเฉพาะในวันที่ต้องรออยู่กับความว่างเปล่า
“ความหวังว่า จะมีอะไร” ผ่านเข้ามาบ้างในขณะที่นั่งรออยู่ในโลกแคบๆ ในโลกที่ว่างเปล่า ... หลายๆครั้งเวลาดูเนิ่นนานเหลือเกิน และนาฬิกาเดินอย่างเชื่องช้าอืดอาด … แต่ ความหวัง ยังคงไม่เลือนหาย
วันนี้เราจะเดินเข้าเทรลที่ต้องลุยผ่านลำธาร ผ่านป่าที่ยังคงสมบูรณ์บนเนินเขาที่สูงบ้าง ลาดต่ำบ้าง
ทุกครั้งที่อยู่บนภูเขา เราได้รับการทักทายจากความเขียวขจีของต้นไม้ การสัมผัสของละอองหมอก ซึ่งราวกับจุมพิตของเหล่าเทพ ทุกครั้งที่ไปเยือนป่า ฉันจึงมักจะหาจังหวะของชีวิตที่กลมเกลียวกับธรรมชาติ … แม้ส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่คุ้นตาและคุ้นเคย
เราเดินไปตามรอยทางที่มีใครหลายคนก้าวผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า …
หลังจากข้ามลำธาร … เราเริ่มเดินขึ้นไปตามไหล่เขาเตี้ยๆ ป่าไม่ค่อยทึบ มีเพียงแนวไม้โปร่งๆที่แสงรำไรส่องลอดยอดไม้ลงมาบ้าง เดินได้ง่ายไปตามทางที่เจ้าหน้าที่ทำเอาไว้
จากมุมมองของเรา ป่าแห่งนี้เป็นดินแดนแห่งความหวัง … ป่าธรรมชาติที่ดูเหมือนจะสงบ ในจุดที่ยังไม่มีการรุกรานสัมผัส โลกที่ยังไม่ถูกตัดเล็ม เป็นการหยุดพักผ่อนสั้นๆ
“วู้ก ..วู้ก .. วู้กๆๆๆๆ” … อาจจะแป็นเสียงชนี เสียงค่างที่ร้องโหยหวนไปมาระหว่างแนวป่า ที่ปลุกผืนป่าให้ตื่นจากหลับใหล เป็นเวลาที่ก่อเกิดความเป็นอิสระระหว่างตัวเรา ผืนป่า และกลิ่นอายของธรรมชาติรอบตัวบางช่วงเราต้องเดินลัดลงลำธาร … พอพ้นแนวนั้น หนทางก็เริ่มชันขึ้นอีกเรื่อยๆ
เหงื่อชุ่มหลังและเม็ดเหงื่อพราวพร่างเต็มใบหน้า …น้ำในขวดเล็กๆที่เตรียมมาก็ถูกเปิดออกดื่มบ่อยครั้งขึ้น … พอพ้นทางชันเราก็เข้าสู่ลานแคบๆแห่งหนึ่ง มองเห็นนกขุนแผนท้องสีส้มเกาะกิ่งไม้รออยู่ เสียดายที่เซ็ทกล้องไม่ทัน
“นกพรานผึ้ง”… นกเป้าหมายตัวแรกของวันนี้ และคนนำทางบอกว่า มันจะวนเวียนหากินในบริเวณนี้
“นกพรานผึ้ง” … เป็นนกที่แม้ใครๆจะบอกว่าสามารถพบเห็นได้ในหลายๆพื้นที่ แต่เอาเข้าจริงๆก็ยังเป็นนกที่เห็นได้ยากอยู่นั่นเอง รวมถึงในป่าของฮาลา บาลา ก็ไม่พบมานานมากๆแล้ว เพิ่งจะมีผู้เจอะเจออีกครั้งเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง
“นกพรานผึ้ง” … ว่ากันว่า เป็นนกที่มีสีสันเขียวๆคล้ายนกปรอด แต่ปากหนากว่า และที่ไหล่มีแต้มสีเหลือง
ครั้งแรกที่คนนำทางชี้ให้เราดู สายตาบอกว่าลักษณะทางกายภาพของมันคล้ายกับนกปรอดธรรมดาๆมาก … หากไม่บอก หรือหากบังเอิญมาเห็นเอง ก็คงไม่พ้นที่จะคิดว่าเป็นนกปรอดสวน และคงมองผ่านแน่นอน
เราเดินทางย้อนกลับมาทางเดิม …
นกเล็กๆบินผลุบโผล่ในพุ่มไม้ … และบินจากไป เมื่อเราฉวยเป้ขึ้นไหล่พร้อมสาวเท้าก้าวต่อไปตามทางเดิน … เป้ใบหนักอยู่บนไหล แต่ภายในใจกลับรู้สึกรื่นรมย์ ปรอดโปร่งโล่งเบา คล้ายบางสิ่งถูกปลดปล่อย .. รอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าใครบางคน
ลมเย็นชื่นพัดไล้ใบหน้า … กลิ่นหอมของดอกไม้ล่องลอยในแดดบ่าย นกบางตัวบินร่อน ร้องเพลงแว่วหวาน
ฉันกางบังไพรอยู่ริมฝั่งด้านหนึ่งของลำธาร เตรียมกล้องถ่ายภาพให้พร้อม แล้วก็นั่งรอ
ภาพลำธารที่ไม่ได้เห็นในที่อื่นๆ … คดเคี้ยวอย่างมีชีวิตชีวา สร้างเกาะแก่งที่สมบูรณ์ ก่อให้เกิดความหลากหลาย … เป็นบ้านของป่า ที่พักพิงของสัตว์และพืช … เป็นธรรมชาติที่เปลี่ยวเปล่าเหมือนโลกที่เคยเป็นมาเมื่อนานมาแล้ว
จะว่าไป … โลกของฉันไม่กว้าง แคบเสียด้วยซ้ำ
วันเวลาในซุ้มบังไพรช่วยทำให้ได้รู้จักโลกข้างในอันแคบๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับสอนให้เราผ่อนคลาย ปรับตัวให้อยู่ได้สบายๆกับความอึดอัดคับแคบ อดทนและใช้สมาธิในการรอคอย
การอยู่ในโลกแคบๆ ทำให้รู้ว่าโลกข้างนอกบังไพรนั้นกว้างใหญ่เพียงใด … เมื่อถึงเวลาที่ต้องก้าวเท้าออกมาเผชิญกับโลกที่แท้จริงอันกว้างใหญ่ เราจะได้ก้าวเท้าออกไปได้อย่างมั่นคง
โลกที่อยู่ตรงหน้า เสมือนสถานที่ลึกลับมากมายหลายอารมณ์ ... ทว่าเมื่อเรานั่งนิ่งๆ แล้วทอดตาเฝ้ามอง ... โลกบางใบก็ค่อยๆชัดเจน กระจ่างขึ้นในหัวใจ
บนฝั่งตรงข้ามมีรูนกกระเต็นน้อยแถบอกดำ … พ่อ-แม่นก ช่วยกันออกไปหา และคาบเหยื่อมาป้อนลูกที่อยู่ในรู
นกกระเต็นแถบอกดำร่อนลงมาพักบนโขดหินเล็กๆใกล้ๆกับบริเวณที่เรานั่งซุ่มดู … ทั้งคู่ดูสมบูรณ์และเปี่ยมพลัง ท่วงท่าที่น่ารัก ทว่าสง่างาม อย่างที่เราจินตนาการและคาดหวังที่จะเห็นเมื่อนึกถึงนกกระเต็นทุกตัว
อีกไม่กี่วันมันจะเป็นพ่อแม่ของนกกระเต็นน้อยแถบอกดำตัวใหม่
เมื่อนำอาหารมาให้ลูกน้อยในรังเรียบร้อยแล้ว กระเต็นตัวพ่อบินออกไปอย่างรวดเร็วและไปเกาะพกที่กิ่งไม้ข้างลำธารห่างไปราวๆเกือบร้อยเมตร แต่ยังมองเห็นได้ในระยะที่ฉันนั่ง
ตาของมันมองทะลุน้ำอย่างจดจ่อ … โฉบลงไปจับบางสิ่งในน้ำ ความเร็วในการบินเข้าจังหวะที่พอเหมาะ การโฉบเข้าจับปลาจึงมักไม่ค่อยพลาด และได้ในสิ่งที่มันควรจะได้
เหี้ยตัวหนึ่งคลานช้าๆ ขึ้นไปแถวรังนกกระเต็น … เราแค่หวังว่ามันจะผ่านเลยไป ไม่เข้าไปขโมยลูกนกไปเป็นอาหาร คำภาวนาของเราอาจจะส่งผลให้สัตว์เลื้อยคลานตัวนั้นผ่าเลยไป
ฉันเคยได้ยินมาบ่อยครั้งในเรื่องศัตรูของนกหลายๆชนิด ที่มักจะเข้ามาขโมยกินไข่นก หรือลูกนกจากรังไปเป็นอาหาร อันเป็ยวิถีส่วนหนึ่งตามครรลองของธรรมชาติ
นกอาจจะส่งเสียงร้องด้วยสำเนียงโกรธแค้น หรือบินเข้ามาจิกตีสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้อยู่ไม่นาน เมื่อเห็นว่าช่วยลูกไม่ได้แล้ว นกก็จะบินจากไป
นกเหล่านี้รู้ดีว่าเมื่อสูญเสียสิ่งใดไปนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง … แต่สิ่งจำเป็นกว่าคือ “การเริ่มต้นใหม่”
อีกไม่ช้าพ่อนก แม่นก ก็จะหาทำเลเจาะรูและวางไข่ชุดใหม่ เพื่อสืบสานพันธุ์ของพวกมันให้ดำรงอยู่
… นี่คือ โลกของธรรมชาติ
ชีวิตควรเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่แข็งขืน ฝืนใจ .. การได้มาเยือน ฮาลา บาลา ก็คงจะเป็นจังหวะจะโคนแห่งชีวิต ที่ไหลหลั่งดั่งสายน้ำ สงบนิ่งดุจก้อนหินในลำธาร
เสียงน้ำที่ค่อยๆไหลตกลงไปกระทบกับก้อนหิน เป็นสุนทรียะแห่งการฟังที่ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้
ผืนป่าของ ฮาลา บาลา ... จึงเป็นแหล่งพิงพักด้านจิตใจที่ฉันเลือกที่จะไปเยือนเสมอเมื่อโอกาสอำนวย
โฆษณา