6 มิ.ย. 2020 เวลา 02:35 • กีฬา
Denilson ชายที่ฝันถึงบาร์ซ่า และตื่นมาเพื่อลงเล่นกับ เรอัล เบติส
บทความนี้ เรากำลังจะกล่าวถึง นักเตะ คนหนึ่ง ที่เคยได้ชื่อว่า นักเตะ ค่าตัวแพงที่สุดในโลก นักเตะที่ได้ชื่อว่า จอมเลี้ยงบอลที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก กับชีวิตที่เริ่มต้นอย่างโด่งดัง เป็น ดอกไม้ไฟ ที่สวยงาม แต่ ดอกไม้ไฟนั้นก็กลับมายาวนาน ค้างฟ้า เป็นดวงดาวได้อย่างที่ใครคาดหวัง
เดนิลสัน คือ นักเตะ คนที่เราจะมากล่าวถึง ในวันนี้
เดนิลสัน เดอ โอลิเวียร่า เกิดใน รัฐ เซา เปาโล ประเทศบราซิล โดยเมืองที่เขาเกิดมีชื่อว่า เดียเดมา และเขาเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลระดับสโมสรครั้งแรก กับสโมสรท้องถิ่นที่ชื่อว่า โออูโร เวร์เด้ ตอนอายุเพียง 11 ปี ก่อนที่เขาจะได้รับความสนใจจาก เซา เปาโล สโมสรยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลบราซิล และย้ายไปร่วมทีมในเวลาต่อมา
เดนิลสัน เริ่มต้นลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ เซา เปาโล ด้วยวัยเพียง 17 ปี เท่านั้น ด้วยลีลา การเล่นที่เร้าใจ โดยเฉพาะเรื่องของการเลี้ยงบอล และเท้าซ้ายของเขา ที่เรียกว่า “ซ้ายทองคำ” ซึ่งในบราซิล เรียกว่า “คันโอเทียโร่” ซึ่งแปลว่า ซ้ายข้างเดียว และกลายเป็นชื่อเล่นของเขาในเวลาต่อมา
เขาลงเล่นกับทีมชุดใหญ่มากกว่า 50 เกม กับ เซาเปาโล ทั้งที่ยังอายุไม่ถึง 20 ปี และยิ่งเล่น ฟอร์มก็ยิ่งร้อนแรง มีการนำเขาไปเปรียบเทียบกับ ยอดปีกของบราซิล อย่าง แจร์ซินโญ่ หรือ การ์รินช่า นอกจากนี้เรื่องของการเลี้ยงบอล เขายังเป็นจอมถล่มประตูคนหนึ่งด้วย
ด้วยฟอร์มที่แรงแบบฉุดไม่อยู่ ทีมชาติบราซิล ไม่รีรอ เรียกตัวเขามาร่วมงานด้วยทันที กับทีมชาติในระดับอายุต่ำกว่า 17 ปี ในปี 1997 รวมถึงการคว้าแชมป์ ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ และ โคปา อเมริกา ซึ่งเขาอยู่ในทีมในทัวร์นาเมนต์เหล่านั้นทั้งหมด
ด้วยผลงานในระดับสูงสุด ทุกอย่างพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เดนิลสัน กลายเป็น ดาวรุ่งที่ดีสุดของประเทศ ต่อจาก โรนัลโด้ ที่ออกไปสร้างชื่อในยุโรป และคาดว่า อีกไม่นานเขาจะกลายเป็น สตาร์ดัง ที่ออกเดินทางไปเล่นฟุตบอล ในทวีป ยุโรป
สิงหาคม 1997 ก่อนฟุตบอลโลก หนึ่งปี เดนิลสัน กลายเป็นข่าวใหญ่ เมื่อ เรอัล เบติส ตัดสินใจเซ็นสัญญาจำนวน 11 ปี (อ้างอิงข้อมูลจาก ดิ อิดิเพนเดนท์) กับ เดนิลสัน วัย 20 ปี ด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ และทำให้เขากลายเป็น นักเตะ ที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก โดยจะย้ายมาร่วมทีม เบติส หลังจากจบฟุตบอลโลก 1998 โดย เรอัล เบติส มีการระบุว่า ใส่ค่าฉีกสัญญาไว้ที่ 260 ล้านปอนด์ด้วยกัน ท่ามกลางความผิดหวังของ ยักษ์ใหญ่หลายทีมในยุโรป
มานูเอล รุยซ์ เดอ โลเปร่า ประธานสโมสร เรอัล เบติส กล่าวเกี่ยวกับ ดีลที่ใหญ่ที่สุดในปี 1997
“เราทำงานหนักในการทำให้ทุกอย่างบรรลุเป้าหมาย และตอนนี้เราสามารถทำให้แฟนบอล เรอัล เบติส ได้เฉลิมฉลองกัน”
อย่างไรก็ตาม การเซ็นสัญญาครั้งใหญ่นี้ กลายเป็นการเซ็นสัญญาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเบื้องหลังมากมาย
“ผมต้องการย้ายมาเล่นในยุโรป เพราะผมต้องการที่จะซื้อบ้านให้กับครอบครัว”
แรกเริ่มเดิมที มีข้อเสนอของทางบาร์เซโลน่าเข้ามา แต่สุดท้ายมันก็ล่ม เพราะเหตุผลเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น เรอัล เบติสที่เข้ามาพร้อมกับข้อเสนอใหญ่ ซึ่ง เซา เปาโล ตัดสินใจรับมันเอาไว้
“ผมหลับไปพร้อมกับความคิดถึงการเซ็นสัญญากับ บาร์เซโลน่า แต่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการที่ผมเซ็นสัญญากับ เรอัล เบติส บาร์ซ่า มีข้อเสนอเข้ามายังเซา เปาโล การเจรจาเบื้องต้นเป็นไปด้วยดี เรียบร้อย แต่มันมีเรื่องเกี่ยวกับ ภาษี ในการย้ายทีม ซึ่งไม่สามารถตกลงกันได้ว่า ทีมไหนจะเป็นผู้จ่าย และนั่นทำให้การเจรจาหยุดชะงักลง ในเวลานั้น เรอัล เบติส ก็เข้ามายื่นข้อเสนอที่น่าพอใจ และไม่อาจปฏิเสธได้ให้กับ เซา เปาโล ซึ่งข้อเสนอนั้นมันก็ดีสำหรับตัวผมเองด้วย ผมจึงตัดสินใจยอมรับมัน” เดนิลสัน กล่าว
“เบติส ต้องการสร้างทีมที่เป็นทีมลุ้นแชมป์ ลา ลีกา และพวกเขาลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อการไปสู่เป้าหมายนั้น แน่นอนผมทราบดีว่า พวกเขาลงทุนจำนวนมากสำหรับผม แต่ผมคิดว่าการเป็น นักเตะ ที่แพงที่สุดในโลก มันเป็นอะไรที่เหนือการคาดหมายของผม ผมเดินทางไปที่ สเปน และทุกคนคาดหวังกับการที่ผมจะกลายเป็น ดาวซัลโวของ ลา ลีกา ในทันที ป้ายราคาค่าตัวของผม ไม่ใช่สิ่งที่ช่วยอะไรผมเลย”
เดนิลสัน ติดทีมชาติบราซิล ไปเล่นในฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส จากดาวรุ่งพุ่งแรง กลายเป็น นักเตะ ที่ทั้งโลกรอคอยชมฟอร์มการเล่น นักเตะ ที่แพงที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีม แต่ไม่ใช่ ตัวหลักของทีมในทุกเกม
“เดนิลสัน เป็นผู้เล่นที่มีความพิเศษ เป็นคนที่สามารถทำในสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และทำร้ายคู่แข่งได้แบบทันที เราจะเลือกใช้เขาในส่วนที่เขาจะลงไปแล้วสร้างความแตกต่างภายในเกมให้เกิดขึ้น เพราะเราไม่มีทางคว้าแชมป์ได้ โดยมีผู้เล่นแค่ 11 คนในทีมเท่านั้นหรอก” มาริโอ ซากาโล่ นายใหญ่ทีมชาติบราซิล กล่าว
อย่างไรก็ตาม “เซเลเซา” จบทัวร์นาเมนต์นั้นด้วยความผิดหวัง กับการพ่ายแพ้ ในรอบชิงชนะเลิศ ต่อ ฝรั่งเศส เจ้าภาพในปีนั้น
“มีแต่คนถามว่าผมรู้สึกอย่างไรกับการที่ กลายเป็น นักเตะ ทีมชาติบราซิล และได้ไปเล่นฟุตบอลโลก ผมเพิ่ง 20 และมันไม่ง่ายสำหรับ นักเตะ อายุน้อย ผมไม่เคยกังวล หรือคิดว่าต้องไปบอกโค้ช ให้ส่งผมลงเล่น เพราะเขาได้มอบโอกาสที่สุดยอดให้กับตัวผมแล้ว เขาแค่บอกผมว่า เตรียมตัวให้พร้อมกับการที่เขาสามารถใช้งานได้ตามต้องการ”
“ผมผิดหวัง และเสียใจมากที่สุด กับความพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ผมต้องการเป็นคนที่มอบความสุขให้กับ ชาวบราซิล แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่วันที่ดีสำหรับพวกเราเลย สำหรับผมสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการมีชีวิต และต้องเรียนรู้ต่อไป”
ฤดูกาลแรกของเขา กับ เรอัล เบติส เริ่มต้นขึ้น ด้วยความคาดหวังสูงสุด การเจอกับแรงกดดัน และการปรับตัวกับชีวิตใหม่ใน ประเทศใหม่ ทุกอย่างกลายเป็น ผลตรงกันข้ามกับความคาดหวังอย่างสิ้นเชิง
“มันเป็นแรงกดดันมหาศาล ผมรู้สึกว่าผู้คนคิดว่า ผมเป็น ผู้กอบกู้ สำหรับทีม ผมจึงอยากบอกว่า ผมไม่ใช่มาที่นี่ เพื่อช่วยเหลือใครทั้งนั้น ผมย้ายมา เรอัล เบติส เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่ผู้กอบกู้ ผมคือ นักเตะ คนหนึ่งในทีมเท่านั้น”
เขาเริ่มต้นเกมแรกของเขา ในการพบกับ อลาเบส ทีมน้องใหม่ในฤดูกาลนั้น และจบลงด้วยการเสมอ 0-0 เบติสเริ่มต้นด้วยความผิดหวัง ออกตัวไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามกลับมีเกมที่น่าจดจำเกมแรก คือการมีส่วนในเกมที่ เบติส เอาชนะ เรอัล มาดริด 1-0
“เดนิลสัน มีปัญหากับสไตล์การเล่นของเขา กับการลงเล่นฟุตบอลในสเปน ซึ่งมันต่างจากที่บราซิล แต่ในเกมกับ เรอัล มาดริด เขาทำได้ดีมาก” บิเซนเต้า กันตาโตเร่ โค้ชของ เบติส กล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวกับเกมฟุตบอลยุโรป ของเขา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ฟุตบอลสเปน มันเร็วมากกว่าในสเปน ผู้เล่นที่นี่ มีการสัมผัสบอลสองจังหวะในการครองบอล ผมต้องการเลี้ยงบอล เล่นไปกับบอล แบบที่ทำในบราซิล ผมสามารถมีเวลาในการคิดกับบอลที่ติดเท้า แต่ที่นี่มันไม่ใช่แบบนั้น ผมต้องปรับตัว และเติบโตขึ้นไปกับทีม”
เบติส กับ เดนิลสัน ในฤดูกาลจบลงด้วยความผิดหวัง ทีมจบด้วยอันดับที่ 11 และ เดนิลสัน ลงไปทั้งหมด 29 เกม ทำได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น
“ผมพยายามอย่างหนัก ในการจะเป็น นักเตะ ที่ดีที่สุดในโลก แต่ตอนนี้ผมเป็นเพียงแค่ นักเตะ ที่แพงที่สุดในโลก ผมต้องพยายามให้มากกว่านี้ในเรื่องของการยิงประตู ผมต้องปรับจิตใจของตัวเองให้ได้” เดนิลสัน กล่าว
ฤดูกาลแรกของตนเองในต่างแดน จบลงแบบน่าผิดหวัง แต่ความน่าผิดหวังกว่าในฤดูกาลต่อมา เมื่อฤดูกาลต่อมา เดนิลสัน และ เรอัล เบติส มีผลงานที่น่าผิดหวัง เมื่อเรอัล เบติส ตกชั้น โดยเดนิลสัน ตัดสินใจอำลาทีม กลับไปเล่น กับ ฟลาเมงโก้ ในบราซิลในแบบยืมตัวเป็นเวลาครึ่งปี ซึ่งเขาลงเล่นไปทั้งหมด 19 เกม ซึ่งการยืมตัวในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ เบติส ไม่สามารถแบกรับค่าเหนื่อยของเขาได้นั่นเอง
“สิ่งที่ผมคิดคือ ผมไม่ต้องการย้ายออกจากทีม แต่ถ้าจำเป็น ผมก็ไม่มีปัญหา ผมบอกเสมอว่าถ้าผมจำเป็นต้องไป ผมต้องการไปแบบไม่มีปัญหากับใครทั้งนั้นที่ เรอัล เบติส ผมอยู่กับทีมมายาวนาน และผมได้รับการต้อนรับที่ดีเสมอจากสโมสร และคิดว่า ตัวเอง ได้รับการยอมรับจาก บิคตอร์ เฟร์นานเดซ โค้ชใหญ่ของสโมสร และเรามีฤดูกาลที่ดีร่วมกันในฤดูกาลก่อน แต่แนวทางการทำทีมของเขาไม่เหมาะกับผมและทีมนัก”
“ผมยังมีเวลาอีกมากในการลงเล่นฟุตบอล และบางทีผมอาจเลือกออกจากทีมไปที่อื่นต่อ หรือผมจะอยู่กับที่นี่ต่อไป และทีมมีการเปลี่ยนแปลงโค้ช มันก็เป็นไปได้ ผมจะมีการคุยกับ เฟร์นานเดซ โดยตรง เพื่อต้องการคำอธิบายจากเขา หรือว่าผมทำอะไรผิดไป ผมถึงไม่ได้รับโอกาสในการลงเล่น”
“นั่นคือการแสดงความเคารพจากผม กับตัวของเขา ผมไม่สามารถเชื่อในทุกสิ่งที่ออกมาจากข่าวได้หรอก หน้าที่ของโค้ช คือการที่จะเป็นผู้เลือกนักเตะที่เขาต้องการใช้งาน มันคืองานของเขา ถ้าผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมก็แค่ย้ายออกจากทีม มันก็เท่านั้น”
ในช่วงเวลาที่เริ่มย่ำแย่ของเขา กลับมีเรื่องที่แย่เข้ามาเพิ่มเติม เมื่อพบว่า เอเยนต์ ของเขา ได้มีการโกงเงินของเขา
“มันเป็นช่วงเวลาที่แย่มากสำหรับผม เพราะมันมีอะไรที่สับสนวุ่นวายไปหมดในสนาม ในหัวของผมรู้สึกว่า ตัวเองโดนหักหลังอย่างเจ็บปวด มันสอนผมให้ระวังมากขึ้นในเรื่องของธุรกิจ และผู้คนรอบตัวผม”
“ผิดหวังไหม ผิดหวังอย่างไม่ต้องสงสัย กับเวลาของผมที่ ฟลาเมงโก้ ผมคาดหวังกับการเล่นให้ดีที่สุดกับ ฟลาเมงโก้ เพราะก่อนหน้านี้ผมคิดว่าผมทำได้ดีกับการเล่นในสเปน แต่น่าเสียดายที่ทีมต้องตกชั้น ในเวลานั้นผมสภาพร่างกายดีมาก”
“ผมคิดว่าปัหญามันคือเรื่องของการจัดการภายในทีม ฟลาเมงโก้ ในเวลานั้น ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เจอปัญหา แต่เป็นทุกคนในทีม”
เขาตัดสินใจกลับมาเล่นกับ เรอัล เบติส ในเดือนมกราคม 2001 ในเวลาเดียวกัน เดนิลสัน ต้องเจอกับการแข่งขันภายในทีม และนักเตะที่เป็นคู่แข่งของเขาโดยตรง คือ โจอากิน ซานเชซ ปีกดาวรุ่งชาวสเปน
นอกสนาม เขากลายเป็นที่จับตามากที่สุดในทีม แรงกดดันที่มากขึ้น เขาเริ่มเกิดความโดดเดี่ยว ในแต่ละวัน เขาอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่ เล่นวิดีโอเกม และ ตีปิงปองกับครอบครัว และเพื่อนสนิทเท่านั้น
เดนิลสัน ลงเล่นในฤดูกาล 2001-2002 กับ เรอัล เบติส โดยลงเล่นในลีกถึง 34 เกม มากที่สุด ตลอดชีวิตการเล่นกับทีมของเขา และเขาทำไปทั้งหมด 3 ประตู รวมถึงได้รับโอกาสติดทีมชาติบราซิล ชุดฟุตบอลโลก 2002 ตามที่เขาตั้งใจไว้
หลังจากนั้น เขาลงเล่นกับ เรอัล เบติส อีกสองฤดูกาล และตัดสินใจย้ายทีม ด้วยการเซ็นสัญญาหนึ่งปี กับ บอร์กโดซ์ สโมสร ใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส สิ้นสุดการลงเล่น 7 ฤดูกาล กับ เบติส ที่เขาแบกรับความกดดันมาตลอด กับ 172 เกม 13 ประตู 4 แอตซิสต์ โดยเขาเหลือสัญญากับ เดนิลสัน ถึง 4 ปีด้วยกัน
“ผมมีความสุขที่ได้ย้ายมาเล่นที่นี่ ผมคิดว่า ผมมีฤดูกาลในฝรั่งเศสที่ดีมากที่สุด กับที่นี่ และมีโอกาสในการลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก น่าเสียดายที่เราจบด้วยการเป็นแค่รองแชมป์ ไม่สามารถเป็นแชมป์ ลีก เอิง ได้”
อย่างไรก็ตาม เดนิลสัน ก็ไม่ได้ลงเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะ บอร์กโดซ์ มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับค่าเหนื่อยของ เดนิลสัน ทำให้ความฝันในการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ของเขา เป็นความฝันตลอดไป*
*เดนิลสัน ลงเล่นในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือกรอบสามหนึ่งเกม ก่อนย้ายออกจาก เรอัล เบติส
เดนิลสัน ย้ายไปร่วมงานกับ อัล นาสเซอร์ เอฟซี สโมสรในซาอุดิอาระเบีย พร้อมรับค่าเหนื่อยสูงลิ่ว ด้วยสัญญาเพียงหนึ่งปี โดยมีการระบุว่า เขามีการทดสอบฝีเท้ากับ พอร์ทสมัธ แต่ไม่เป็นที่ประทับใจของ แฮร์รี่ เรดแนปป์ ผู้จัดการทีมในเวลานั้น ทำให้การเซ็นสัญญาไม่เกิดขึ้น รวมถึงได้รับข้อเสนอจากหลายสโมสรในอังกฤษ ก่อนการเซ็นสัญญากับ อัล นาสเซอร์ จะเกิดขึ้น
เดนิลสัน วัย 29 ปี นับจากการเล่นลง อัล นาสเซอร์ เขากลายเป็น นักเตะ พเนจร อย่างแท้จริง เพราะเขาย้ายทีมทุกปี หรือน้อยกว่าหนึ่งปี เขาย้ายไปเล่น กับ เอฟซี ดัลลัส สโมสรใน เมเจอร์ ลีก สหรัฐอเมริกา ตามด้วย พัลไมรัส สโมสรในบ้านเกิดขึ้น ซึ่งเขาหวังว่าจะสามารถกลับมาเรียกฟอร์มที่ดีของตัวเองได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาก็ผลงานไม่ดีนัก และเป็นตัวสำรองของทีม จนต้องเลือกย้ายทีมหลังจบฤดูกาล
โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส เป็นอีกหนึ่งโอกาสใน พรีเมียร์ ลีก ของเขา แต่ก็ไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากผลการทดสอบฝีเท้าของเขา ไม่เป็นที่พอใจ
“ผมต้องการลงเล่นฟุตบอลในยุโรป แต่ผมไม่รีบร้อน ผมได้รับข้อเสนอจากหลายสโมสร และผมกำลังศึกษาข้อเสนอเหล่านั้น” เดนิลสัน กล่าว ซึ่งสุดท้ายเขากลับไม่ได้เซ็นสัญญากับทีมในยุโรป และไปไกลถึงเอเชีย
ไห่ ฟง เอฟซี สโมสรฟุตบอลในประเทศเวียดนาม เซ็นสัญญากับ เดนิลสัน ในแบบ ลงเล่นเมื่อไรจ่ายเมื่อนั้น และเขาลงเล่นในเกมเอาชนะ ฮอง อันท์ ยาลาย ซึ่งเขา โชว์ ทีเด็ดบอล ด้วยการยิงฟรีคิก ทำประตูได้ด้วยในเกมนั้น และกลายเป็นเกมเดียวที่เขาลงเล่น โดยมีการเปิดเผยว่าเขาได้รับเงิน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากการลงเล่นในเกมนั้น และ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ กับการยิงประตูในเกมนั้น กับการลงเล่นเพียง 51 นาทีเท่านั้น
เดนิลสัน ออกจากทีมไปโดยอยู่กับทีมเพียงสามเกม และลงเล่นเพียงเกมเดียว โดยสองเกมแรกเขาไม่ได้ลงเล่นเลย
“เขาบอกว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บขา ทำให้เขาไม่สมบูรณ์เต็มที่ และไม่สบายใจกับการลงเล่นในเวียดนามต่อไป และถ้าเขาลงเล่นต่อไป คงมีปัญหากับร่างกายของเขา” วอง เตียน ดุง โค้ชของ ไห่ฟง กล่าวเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับ เดนิลสัน วัย 31 ปี เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนเต็ม
มกราคม 2010 เดนิลสัน เซ็นสัญญากับสโมสร คาวาลา ในประเทศกรีซ และก็โดนปล่อยตัวในอีกสามเดือนต่อมา โดยไม่ได้ลงเล่นแม้แต่เกมเดียว และตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ
กับทีมชาติบราซิล เดนิลสัน ลงเล่นทั้งหมด 61 เกม และ ติดทีมชาติไปเล่นในฟุตบอลโลก 2 ครั้ง โดยเป็นส่วนหนึ่งของแชมป์โลกในปี 2002
หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ เขาทำงานด้านสื่อในประเทศ บราซิล อยู่บ้าง รวมถึงอยู่ในวง โป๊กเกอร์ หนึ่งในกิจกรรมที่เขาสนใจมาตั้งแต่สมัยเป็น นักเตะ และเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ให้กับธุรกิจดังกล่าวด้วย และเขากลายเป็น นักเล่น โป๊กเกอร์ อาชีพ ซึ่งมีการจ้างโค้ชส่วนตัวมาเพื่อให้เขากลายเป็น นักโป๊กเกอร์ที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในวงการนี้ให้จงได้
“สิ่งที่คล้ายกัน มันคือเรื่องของการตัดสินใจ ไม่ว่าคุณจะเล่น ฟุตบอล หรือ โป๊กเกอร์ ฟุตบอล คือการตัดสินใจในช่วงเสี้ยววินาที แต่โป๊กเกอร์ คือการตัดสินใจจากสถานการณ์บนโต๊ะ คุณต้องคิด และประเมินคู่แข่ง”
โฆษณา