7 มิ.ย. 2020 เวลา 09:32 • การศึกษา
"เราอยู่กันคนละจักรวาล"
เริ่มต้นเรื่องราวของเพจนี้ ผมขอแชร์ข้อคิดอันหนึ่งที่จู่ๆ จิตก็กลั่นออกมา ด้วยความที่ไม่อยากให้ลืมหรือหายไปตามกาลเวลา จึงขอบันทึกเอาไว้เป็นบทความเพื่อให้ตัวเองได้ย้อนกลับมาอ่านรวมถึงเป็นประโยชน์กับคนอื่นที่ผ่านมาเห็นด้วย
"เราอยู่กันคนละจักรวาล"
เรากำลังอาศัยอยู่ในยุคที่เราสามารถรู้เรื่องราวของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย ผ่านอุปกรณ์เล็กๆในมือของเรา ผ่านโลกออนไลน์หรือที่เขาเรียกว่าสังคม social การที่เรารู้เรื่องราวของคนอื่นมากมายแน่นอนว่า มันก็อดไม่ได้ที่จะเกิดการเปรียบเทียบเกิดขึ้น ถ้าเรามีมากกว่าเขา เราอาจจะรู้สึกว่า ตัวเราใหญ่พองโตเหลือเกิน แต่ถ้าเรามีน้อยกว่าเขา เราอาจจะรู้สึกว่าตัวเราช่างเล็กเสียนี่กระไร.. บางครั้งอาจจะรู้สึกถึงขั้นหดหู่น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาและรู้สึกว่าโลกไม่ยุติธรรม..แต่เฮ้!!เพื่อนเอ๋ย..ใจเย็นๆก่อน..ลองตั้งสติแล้วมองตามความเป็นจริง เพื่อนก็จะเห็นว่า เรากับเขานั้น "อยู่คนละจักรวาลกัน"
ลองนึกภาพว่า ถ้าเกิดไม่มีโลกโซเชียล ไม่มี facebook ไม่มีไลน์ ไม่มีinstagram หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราเห็นเรื่องราวของคนอื่น เราก็คงใช้ชีวิตตามปกติ อยู่ในจักรวาลของเรา ตื่นนอน กินข้าว ไปทำงาน กลับจากที่ทำงาน ดูหนัง ดูละคร แล้วก็เข้านอน..นี่คือจักรวาลของเรา เรื่องราวของเรา วงจรของเรา ผู้คนที่อยู่ในวงจรของเรา ก็มีจำกัด และมีไม่กี่คนหรอก ที่เป็นคนสำคัญของเรา ที่เรารับรู้เรื่องราวชีวิตเขาตลอด
แต่พอมาปัจจุบันนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไป เราสามารถรับรู้เรื่องราวของคนจำนวนมาก ด้วยการกดติดตามคนที่เราชื่นชอบ กดติดตามเพื่อนเก่าในวัยเด็ก กดติดตามคนรู้จักที่แค่เจอกันไม่กี่ครั้ง ซึ่งแต่ละคน ล้วนอยู่คนละวงจรกับเรา มีสังคมที่แตกต่างจากเรา เรียกว่าถ้าไม่มีโลกโซเชียลเนี่ย เราไม่มีทางที่จะเห็นเขาทุกวัน หรือไปรับรู้เรื่องราวของเขาได้เลย ....
สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราลืมความเป็นจริงไป ความเป็นจริงที่ว่า "เราอยู่คนละจักรวาลกัน" เขาก็มีชีวิตของเขา เราก็มีชีวิตของเรา และไม่มีชีวิตใครหรอกนะที่ดีกว่ากัน ทุกอย่างเท่าเทียมกันในความเป็นไตรลักษณ์ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" ไม่ว่าเขาจะมีอะไร หรือ เรามีอะไร สุดท้ายปลายทางที่สุดแล้ว ทุกคนก็ไม่เหลืออะไร นี่คือสิ่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์พร่ำสอน
มองให้เห็นความเป็นจริงสิ..รถหรู เฟอรารี่ ที่เขามี เปรียบเทียบกับ โตโยต้าแก่ๆของเรา มันต่างกันตรงไหน เขามี เพราะมีเหตุให้เขามี เราไม่มีเพราะเราไม่มีเหตุให้เรามี งงไหม.. ทุกอย่างมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ... การที่เขามีรถหรู ก็จะเป็นเหตุพาให้เขาไปเจออีกสิ่งหนึ่ง ที่ดีหรือร้าย ก็ไม่สามารถตอบได้ และการที่เรามีโตโยต้าแก่ๆก็เช่นกัน มันก็เป็นเหตุที่จะพาเราไปเจออีกสิ่งหนึ่ง ที่แตกต่างกันไปจากเขา เห็นอะไรไหมเพื่อน ลองใช้ปัญญาไตร่ตรองดูเถอะ มันเป็นเหตุ เป็นผล และผลก็กลายเป็นเหตุอีกทอดหนึ่ง ร้อยเรียงต่อเนื่องกันไป.... ไม่มีอะไรดี หรืออะไรแย่กว่ากันเลย...
สิ่งที่เพื่อนรู้สึก น้อยเนื้อต่ำใจ ว่าเรามีน้อยกว่าเขา เมื่อไหร่เราจะมีอย่างเขา ทำไมเราไม่มีแบบเขา ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ให้คุณค่าเปรียบเทียบกันไปเองทั้งนั้น ..โดยลืมมองความเป็นจริง ..รถหรูจะมีค่าอะไร ถ้าเราอยู่ในป่า อาหารสิ มีค่ามากกว่า จริงไหม.. เห็นข่าวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาไหม เจ้าสัวหมื่นล้านที่ประสบเหตุเสียชีวิตจากเฮลิคอปเคอร์ขัดข้อง เห็นไหมเมื่อถึงเวลา ก็ต้องไป และไม่ว่า จะมีทรัพย์สินเท่าไหร่ มีรถหรูกี่คัน มีเงินทองมากแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร เราก็เช่นกัน สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่เหลืออะไรเช่นกัน
เพราะ ทุกอย่างเท่าเทียมกันในความเป็นไตรลักษณ์
มาเถอะเพื่อน อย่าเสียเวลา น้อยเนื้อต่ำใจ หรือกดดันตัวเองจนเกินไป เพราะมัวไปเปรียบเทียบชีวิตเรา ชีวิตเขา... ทุกครั้งที่ออกจากบ้านหรือเห็นใครมีอะไร ทำอะไร ได้อะไร.. ก็เรื่องของเขา จักรวาลของเขา ..มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ เขาก็ต้องรับผลในแบบของเขาเพราะเขามี เราก็มีผลในแบบของเรา ด้วยเหตุที่เราไม่มี...มันก็แค่นั้น อย่าให้ใครมาบิดเบือนความจริง ใส่ความคิดที่ไม่ถูกต้องเข้ามา ไม่ใช่เรื่องผิดที่เราไม่มี และถ้าเรามีก็ไม่ใช่เรื่องถูกด้วย...มันแค่เหตุและผล ..และที่สำคัญที่สุด "เราอยู่คนละจักรวาลกัน"
📱ช่องทางติดต่อ..แนะนำ,ติชม,พูดคุย..😀
มาเป็นเพื่อนกันที่..Line Open Chat
"จิตสอนธรรม" 👇 คลิกลิงค์ด้านล่างนี้เลยจ้า
โฆษณา