Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Daily Grow-up
•
ติดตาม
8 มิ.ย. 2020 เวลา 23:00 • การศึกษา
สรุปหนังสือ : ขยับแค่ 1 องศา ปัญหาก็หายไปครึ่งหนึ่ง
The Obstacle is the Way
by Ryan Holiday | แปลโดย ฐานันดร วงศ์กิตติธร
Published 2016 by WeLearn (First published 2014)
265 pages
ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ทำงานอะไร เส้นทางของเราล้วนต้องพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคด้วยกันทั้งนั้น หากแต่มุมมองที่มีต่ออุปสรรคและวิธีการรับมือกับปัญหานั้นต่างหาก ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จต่างกัน
ต้องบอกว่าเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่อยากแนะนำให้ทุกท่านได้ลองอ่านครับ ผมเองมีโอกาสได้อ่านเล่มนี้ในช่วงที่รู้สึกท้อแท้กับอุปสรรคที่กำลังเผชิญในช่วงหนึ่งของชีวิต หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมมองอุปสรรคในมุมที่ไม่เคยมองมาก่อน และที่สำคัญมันทำให้ผมกลับมีพลังใจที่จะลุกขึ้นมาหาวิธีรับมือกับอุปสรรคเหล่านั้นได้เร็วขึ้น แทนที่จะปล่อยจิตใจให้ท้อแท้โดยไม่ยอมทำอะไรเลย และต้องเสียเวลาไปพักใหญ่กว่าจะรวบรวมพลังใจกลับมาคิดหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านั้นดังเช่นที่เคยเป็นในอดีต
หากคุณต้องการเอาชนะอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า และสามารถเปลี่ยนอุปสรรคเหล่านั้นให้กลายมาเป็นโอกาสแล้วละก็ สิ่งที่คุณต้องฝึกฝน มีอยู่ 3 อย่าง คือ การปรับมุมมองของคุณที่มีต่ออุปสรรคเหล่านั้น การลงมือทำหรือการตอบสนองต่ออุปสรรค และสุดท้ายคือการรักษาพลังใจให้เราสามารถรับมือกับความผิดหวังและความยากลำบากที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมั่นคง
การปรับมุมมอง
ในสถาณการณ์ที่เราต้องพบเจอกับเรื่องร้าย ๆ ในชีวิต แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเมื่อไหร และต้องรับมือกับมันอย่างไร เราอาจเลือกที่จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นสู้ เราอาจเลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธ ไม่มีใครสามารถบังคับเราได้ว่าต้องเลือกอย่างไร มันอยู่ที่มุมมองของเรา และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ มุมมองของเราเป็นสิ่งที่มีเพียงเราเท่านั้นที่ควบคุมได้
การปรับมุมมอง คือการพยายามเข้าใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยเฉพาะอุปสรรคที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ตามความเป็นจริง โดยปราศจากอารมณ์ ความรู้สึก และอคติ
เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรค สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การตั้งสติ อย่าเพิ่งตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยอารมณ์หรือความรู้สึกเพียงอย่างเดียว เราต้องพยายามควมคุมและแยกแยะอารมณ์ออกมาก่อน มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผล ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะดีหรือร้ายเพียงใดก็ตามให้เลือกมองสถานการณ์นั้นในด้านดีเสมอ อยู่กับปัจจุบันและมองไปข้างหน้าเพื่อหาทางรับมือกับปัญหา เพิกเฉยต่อความกลัวและความกังกล อย่าเพิ่งสนใจกับข้อจำกัดต่าง ๆ หรือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ให้พยายามแยกแยะว่าสิ่งไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ และพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณสามารถมองเห็นโอกาสที่ซ้อนอยู่ในอุปสรรคได้ แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนและการคิดอย่างมีเหตุผล
ในอุปสรรคมักมีโอกาสเสมอ มันอยู่ที่เราจะมองเห็นโอกาสเหล่านั้นหรือไม่ โชคดีหรือโชคร้ายไม่ได้เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง หลายครั้งที่เราคิดว่ากำลังเผชิญกับโชคร้ายแต่กลับกลายเป็นเพียงเส้นทาง ที่กำลังนำพาเราไปพบกับความโชคดีต่างหาก
การลงมือทำ
สิ่งแรกที่เรามักทำ เมื่อต้องรับมือกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจนทำให้คุณรู้สึกหมดแรงและอ่อนล้าคืออะไรครับ คำตอบคือ “ไม่ทำอะไรเลย” ทุกคนล้วนผ่านจุดนี้มาแล้ว ผมเองก็เช่นกัน แทนที่จะเริ่มลงมือแก้ปัญหา เรากลับนิ่งเฉย สิ้นหวัง และหันไปทำสิ่งอื่นเพื่อทำให้เรารู้สึกดี และลืมปัญหาที่เกิดขึ้นไปสักพัก แต่สุดท้ายเราก็ต้องตื่นขึ้นมาและพบว่าปัญหาเหล่านั้นยังคงอยู่ และเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขมัน
การทำใจยอมรับ และเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหานั้น จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งแรกที่สำคัญ เพราะถ้าไม่เริ่มก้าวแรกก็จะไม่มีก้าวต่อไป ถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำในตอนนี้การเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิดขึ้น
ให้บอกกับตัวเองว่า การยอมรับความพ่ายแพ้นั้นไม่ใช่ทางออกของคุณ ถ้าหนทางที่เราใช้ไม่ได้ผล ก็จงละทิ้งและเลือกหนทางใหม่ เมื่อใดที่คุณนึกภาพตัวเองกำลังคิดล้มเลิกกลางคัน เมื่อนั้นก็เตรียมตัวพ่ายแพ้ได้เลย ทุกอย่างที่คุณพยายามจะจบสิ้นลงทันที ผู้ชนะจะยืนหยัดสู้ ดังนั้น อย่าล้มเลิกกลางคันเด็ดขาด แม้จะพบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะการลงมือทำกับความล้มเหลวนั้นเป็นของคู่กัน เมื่อลงมือทำย่อมมีโอกาสล้มเหลวเสมอ สิ่งสำคัญคือเราต้องมองความล้มเหลวในแง่มุมใหม่ และอย่าถอดใจโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
หัวใจของการลงมือทำ คือการแยกแยะว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญและไม่สำคัญ อะไรควรทำก่อนหรือทำหลัง การทำแบบสะเปะสะปะถือได้ว่าเป็นหายนะ การวางแผนและทำตามขั้นตอนจึงถือเป็นการจัดระเบียบให้กับตัวเอง และช่วยให้การลงมือทำเป็นไปอย่างมีระบบ
บางครั้งเราก็จำเป็นต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย เราต้องพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และยึดมั่นในหลักการ 3 ข้อ คือ ทุ่มเทเต็มที่ มีความซื่อสัตย์ และช่วยเหลือผู้อื่นอย่างสุดความสามารถ หลักการนี้ จะนำพาเราไปสู้เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อคุณทำทุกวิถีทางแล้วแต่กลับเจอทางตัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ ถอยออกมาก้าวหนึ่ง แล้วพยายามมองหาเครื่องทุ่นแรง หรือวิธีการอื่นที่สามารถช่วยคุณได้ สิ่งที่เราต้องเรียนรู้คือการหาวิธีพลิกแพลงหรือการเลือกใช้ทางอ้อม แทนที่จะฟันฝ่าไปตรง ๆ เราควรทุ่มเทพลังไปกับเฉพาะสิ่งที่ได้ผลแทนจะเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
จงค้นหาโอกาสจากอุปสรรค การเฝ้ารอให้โอกาสเข้ามาในชีวิตจะทำให้คุณไม่มีทางประสบความสำเร็จได้อย่างที่ควรจะเป็น สิ่งที่ท้าทายกว่าคือการมองหาโอกาสที่จะก้าวต่อไป จากสถานการณ์ที่คนอื่นมองว่าเป็นหายนะต่างหาก
สุดท้ายขอให้เข้าใจธรรมชาติและความจริงที่เราควบคุมไม่ได้ แม้มุมมองต่อปัญหาเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ การกระทำก็เป็นสิ่งที่เรากำหนดเอง แต่ความล้มเหลวก็ยังคงเกิดขึ้นได้เสมอ ขอเพียงเราทำทุกอย่างให้เต็มความสามารถ หากเราไม่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ ก็จงเรียนรู้จากมัน อุปสรรคคือโอกาสให้เราได้ลองทำอย่างสุดความสามารถ เราสามารถใช้อุปสรรคเป็นบทเรียนเพื่อฝึกฝนและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ จงจำไว้ว่า เราสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้เสมอ
พลังใจ
พลังใจ คือ พลังที่ช่วยให้เรายืนหยัดและต้านทานต่อผลกระทบต่าง ๆ จากปัจจัยภายนอก หรือการบั้นทอนจากสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ไม่ว่าคุณจะมีมุมมองต่ออุปสรรคดีเพียงใด มีการกระทำตามแผนที่วางไว้เป็นอย่างดีแค่ไหน แต่ความล้มเหลวก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ หากขาดพลังใจ เราอาจท้อแท้และคิดล้มเลิกกลางคันได้เสมอ พลังใจเป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้มแข็งและพยายามทุกวิถีทางที่จะฟันฝ่าอุปสรรคนั้นไปให้ได้
ไม่มีใครเกิดมาพร้อมพลังใจที่เต็มเปี่ยม เราต้องสร้างมันขึ้นมาเอง มีคำกล่าวที่ว่า “จิตใจที่เข้มแข็งพบได้ในร่างกายที่แข็งแกร่ง” เราต้องฝึกจิตใจให้เข้มแข็งผ่านการฝึกฝนร่างกาย และต้องฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งผ่านการฝึกจิตใจ การทำเช่นนี้ จะเป็นดังการสร้างป้อมปราการภายในจิตใจของตนเอง และพร้อมรับมือกับโชคชะตาที่พลิกผันได้อย่างมั่นคง
พยายามคาดการถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เรื่องเลวร้ายที่คาดการณ์ไว้แล้วย่อมดีกว่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด หากเราไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้เลย เราก็ควรใช้มันเป็นบทเรียนในการฝึกฝน เพราะนั้นคือ วิธีการรับมือกับความผิดหวัง
อุปสรรคในชีวิตไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแย่เสมอไป หากเราเลือกที่จะยอมรับและปล่อยให้มันนำทางชีวิตเรา อุปสรรคจะผลักดันให้เราไปยังจุดที่เราอาจไม่คิดว่าจะมาถึงได้ และช่วยให้เราเริ่มพัฒนาทักษะที่เราไม่เคยคิดจะฝึกฝนมาก่อน หากเราต้องการรับมือกับอุปสรรคที่เกิดขึ้น เราต้องยอมรับในอุปสรรคนั้นเสียก่อน เมื่อเราสามารถเลิกคาดหวัง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และเข้าใจว่าบางสิ่งที่เลวร้ายนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุม เราจะรักทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและเผชิญหน้ากับมันอย่างมีความสุข
ขอบคุณที่ติดตามครับ
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย