8 มิ.ย. 2020 เวลา 09:28 • ธุรกิจ
ทุกๆตลาดมีช่องว่างเสมอ🔎
1
ปัจจุบันถ้าเราจะทำธุรกิจ หรือจะขายสินค้าอะไรสักอย่าง เราจะพบว่า
สินค้าเกือบทุกอย่างมันมีคนขายอยู่แล้วเต็มไปหมด
หรือธุรกิจต่างๆที่เราคิดจะทำมันมีคนทำอยู่แล้ว
แล้วเราจะทำอย่างไร⁉️
สิ่งที่เราต้องทำคือหาช่องว่างให้เจอ
เจ้าตลาดจะเปิดช่องว่างเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
หรืออาจปล่อยช่องว่างเอาไว้ด้วยเหตุผลต่างๆเช่น
ไม่อยากลงทุนเพิ่ม แค่นี้พอแล้ว
อยากทำเพิ่มแต่ติดขัดด้วยเรื่องการบริหารคน บริหารทรัพยากรต่างๆ
หรือเจ้าตลาดอาจมองว่าเขาปิดช่องว่างหมดแล้ว เพราะเขาอาจคาดไม่ถึงก็ได้
ตัวอย่างเช่น ตอนที่สตีป จ็อปส์ สร้างคอมพิวเตอร์PC desktop
ตอนนั้นเจ้าตลาดคอมพิวเตอร์คือ IBM
ยักษ์ใหญ่แห่งบริษัทเทคโนโลยีขณะนั้น
แต่ IBM เน้นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ใช้กับหน่วยงานของรัฐหรือพวกบริษัทใหญ่ๆ
แต่สตีป จ็อปส์ มองว่าอยากให้คนทั่วไปก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้และเป็นตลาดที่ใหญ่กว่ามากจึง
ผลิตคอมพิวเตอร์desktop เครื่องเล็กๆออกมาวางขาย และเป็นการแจ้งเกิด แบรนด์ apple ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ธุรกิจปั๊มน้ำมันในเมืองไทย มีเจ้าตลาดอย่าง ปตท. เชลล์ เอสโซ่ คาลเท็กซ์ เป็นขาใหญ่ครองตลาดมายาวนาน
แต่ในวันนี้ปั๊ม PT น้องใหม่มาแรงแซงหน้าแบรนด์ต่างชาติระดับโลกขึ้นมาอยู่อันดับสองรองจากปตท.
และตั้งเป้าจะมีสาขามากที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งถ้าดูเส้นทางการเติบโตแล้วมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จำนวนสถานีปั๊มน้ำมันPTจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง
เขาแทรกเข้ามาในตลาดที่ดูเหมือนแน่นๆตันๆได้อย่างไร
เจ้าตลาดเติม อย่าง ปตท.เชลล์ เอสโซ่ คาลเท็กซ์ ปักหลักต่อสู้กันอยู่ในถนนสายหลัก
และปตท.จะตั้งสถานีปั๊มน้ำมันห่างกันประมาณ 40-50กม.
PT มองเห็นช่องว่างบนถนนสายรอง ซึ่งเป็นถนนระหว่างอำเภอ หรือจังหวัด ที่ปั๊มใหญ่ๆไม่ค่อยมี
PT ตั้งสถานีปั๊มน้ำมัน ห่างกันตั้งแต่ 5 กม. 10 กม. 20 กม. แล้วแต่พื้นที่
ย่อขนาดปั๊มให้เล็กลง มีหัวจ่าย 4-5หัวจ่าย และเน้นเช่าปั๊มเก่าๆที่ปล่อยร้างแล้วเข้าไปปรับปรุงใหม่ ทำให้ต้นทุนคงที่ต่ำ
เน้นลูกค้าในพื้นที่ ไม่เน้นคนเดินทางไกล จึงไม่ต้องมีห้องน้ำขนาดใหญ่ ไม่ต้องมีมินิมาร์ท
ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนสถานีปั๊มน้ำมันได้เป็นจำนวนมากและสร้างรายได้อย่างมากมายเป็นกอบเป็นกำ
และตอนนี้ก็เริ่มแทรกในช่องว่างของถนนสายหลัก รวมถึงปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้น เหมือนเจ้าตลาด
และก็มีร้านกาแฟพันธ์ไทยและพีทีแม็กซ์ มาร์ท ซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา เรียกว่าใช้นโยบายป่าล้อมเมืองได้เจ๋งจริงๆ
นี่คือการมองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่หลายๆคนอาจคาดไม่ถึง
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ถ้าเราจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง
เราสามารถทำได้
แต่ต้องหาช่องว่างให้เจอ ❗
การหาช่องว่างของตลาด
เราต้องเอาตัวเราเข้าไปอยู่ในสถานที่จริงที่เราต้องการเปิดกิจการ หรือต้องการขายสินค้า
เช่นหน้ามหาลัย หน้าตลาดสด หน้าโรงพยาบาล หน้าห้างสรรพสินค้า หรือหน้าหมู่บ้าน แหล่งชุมชนต่างๆฯลฯ
สังเกตพฤติกรรมของผู้คนในพื้นที่นั้น เขาซื้อของจับจ่ายใช้สอยอะไรกัน
ของที่เขาต้องการมันซื้อหาได้ง่ายหรือยาก มันต้องเข้าคิวซื้อหรือรอแป๊บเดียวได้สินค้า
เจ้าตลาดมันอยู่ใกล้หรืออยู่ไกล พอวัดกำลังกันได้ไหมถ้าเรามาเปิดเพิ่มขึ้นมาอีกร้าน มองให้ละเอียดนานๆ หลายๆแง่มุม
จนกว่าเรามั่นใจว่าถ้าเราเข้าไปแล้วต้องไม่เจ็บตัวออกมาในตลาดนั้นๆ
เมื่อมองโดยละเอียดแล้วก็ค่อยๆเริ่มต้นจากทุนน้อยๆก่อน เพื่อหยั่งเชิงดูว่าไปได้ไหม ถ้าดีค่อยทุ่มเต็มที่ก็ยังได้
แต่ที่สำคัญถ้าทุนน้อยก็ไม่ควรตั้งประจัญหน้ากับเจ้าตลาดควรจะอยู่ให้ห่างกันพอสมควร
ไม่งั้นเราอาจโดนโปรพิฆาตจากเจ้าตลาดอาจตายก่อนเกิดก็ได้
ลองดูครับสำหรับคนที่คิดว่าต้องการทำอะไรสักอย่างในภาวะวิกฤติอย่างนี้
คิดว่าบทความนี้คงมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย🙂
ขอบคุณครับ
โฆษณา