10 มิ.ย. 2020 เวลา 04:56 • ไลฟ์สไตล์
รีวิวลิปสติก "INN Beauty" ปากสวยได้ในราคา 49 บาท
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ สายบิวตี้ทุกท่าน วันนี้ผู้เขียนจะมารีวิวลิปสติกที่เป็นแบรนด์ของ INN Beauty ซึ่งเป็นลิปสติกที่เพิ่งออกใหม่และมาแรงที่สุดในขณะนี้ เพราะเหล่าบิวตี้บล็อกเกอร์ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลิปสติกยี่ห้อนี้เป็นลิปสติกที่ดีที่สุด เนื้อสีสวย มีบำรุงในตัวไม่ทำให้ปากแห้งเสีย และที่สำคัญราคาถูกมาก ๆ เพียง 49 บาท ว่าแต่มันจะดีสมกับคำร่ำลือหรือไม่ เรามาชมไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ชื่อผลิตภัณฑ์ : INN Beauty
ราคา : 49 บาท
แหล่งในการหาซื้อ : สามารถหาซื้อได้ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 หรือร้านขายเครื่องสำอางทั่วไป
วิธีการใช้งาน : ใช้สำหรับทาริมฝีปากให้มีสีสันสวยงาม และที่สำคัญเจ้าลิปสติกตัวนี้ยังสามารถทาบริเวณแก้มและเปลือกตาได้อีกด้วย
ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ : มีส่วนผสมของวิตามินอีและวิตามินต่าง ๆ ที่มีส่วนในการบำรุงฝีปากให้ชุ่มชื้นในขณะที่ทาเลยเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนปากแห้งลอกง่ายแบบผู้เขียนก็สามารถใช้ลิปสติกยี่ห้อนี้ได้
ความคิดเห็นหลังจากการใช้ลิปสติก : หลังจากที่ผู้เขียนได้ทดลองใช้เจ้าลิปสติก INN Beauty แล้วรู้สึกว่าสีของเขาจะคมชัดมาก ซึ่งผู้เขียนได้ซื้อสีเบอร์ 06 มาซึ่งจะเป็นสีแดงอมน้ำตาลนิด ๆ เวลาทาปากจะไม่แห้งจนเกินไปแถมเป็นเนื้อเเมทต์ที่ติดทนนานตลอดทั้งวัน และที่สำคัญเนื้อลิปจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ คลายกับกลิ่นช็อคโกแลตนิด ๆ อีกทั้งรูปร่างของผลิตภัณฑ์เป็นในรูปแบบซองที่เราสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก
ข้อดี : ราคาถูก ตัวสินค้าสามารถพกพาไปไหนได้สะดวก แถมเนื้อลิปก็เป็นเนื้อที่มีคุณภาพเมื่อลองทาลงบนริมฝีปากเลยไม่ทำให้รู้สึกถึงอาการแพ้แต่อย่างใด
ข้อเสีย : สีลิปจะมีสีโทนเข้มไปนิด ดังนั้นเวลาที่เราทาเต็มปากจะออกลุคนางร้ายไปหน่อยดังนั้นถ้าจะทาเเบบเต็มรีมฝีปากก็ควรแต่งตาให้โทนสีออกแดงน้ำตาลก็จะเข้ากันพอดีและไม่โป๊ะด้วยน่ะค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ สาว ๆ สำหรับเจ้าลิปสติก INN Beauty ในราคา 49 บาท ซึ่งผู้เขียนอยากบอกว่าเจ้าลิปสติกซองตัวนี้มีเนื้อเม็ดสีที่แน่นมาก ๆ แถมเมื่อเวลาเราทาลงบนริมฝีปากสีของเขาจะไม่แห้งติดปากและไม่ทำให้ปากลอกด้วย สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องปากแห้งผู้เขียนขอแนะนำให้ใช้ลิปสติกตัวนี้เลยเพราะนอกจากจะไม่ทำให้ปากแห้งแตกและลอกแล้วยังมีราคาที่ถูกสบายกระเป๋าอีกด้วย แหมถ้ารู้ว่าดีแบบนี้เเล้ว สาว ๆ คงจะต้องรีบไปเซ่เว่นแล้วซื้อมาใช้สักแท่งสองแท่งแล้วล่ะ
ขอบคุณภาพพื้นหลังปกจาก freepik.com
ภาพประกอบบทความโดยผู้เขียน
โฆษณา