9 มิ.ย. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
แดนทมิฬ! ทำความรู้จัก 'โมกาดิชู' เมืองหลวงสุดอันตรายแห่งโซมาเลียที่เต็มไปด้วยไฟสงครามและอาชญากรรม
WIKIPEDIA CC CTSNOW
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
กรุงโมกาดิชู เมืองหลวงของประเทศโซมาเลีย คือหนึ่งในเมืองที่อันตรายที่สุดอีกแห่งบนโลก ในปี 1993 กองทัพสหรัฐฯ เคยทำการสู้รบกับกองกำลังขุนศึกโซมาเลียที่เมืองแห่งนี้ จนทำให้เฮลิคอปเตอร์แบบ Blackhawk ร่วงถึง 2 ลำ ก่อนที่กองทัพสหรัฐฯ จะถอนกำลังออกจากเมืองในภายหลัง และนี่คือเกร็ดสาระน่ารู้ของกรุงโมกาดิชู ที่ใครหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่ากรุงโมกาดิชูคือเมืองหลวงของประเทศโซมาเลีย นี่คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แต่ไม่มีใครรู้จำนวนประชากรที่แน่ชัดของเมือง เนื่องจากการสำรวจสำมะโนประชากรเป็นสิ่งที่อันตรายเกินไป แต่คาดการณ์ว่ากรุงโมกาดิชูมีพลเมืองราว 1.5 – 3 ล้านคน และ 73 เปอร์เซ็นต์ของพลเมือง มีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน (ราว 63 บาท) เท่านั้น
2. กรุงโมกาดิชู ตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบสังคมนิยมหลังจากการรัฐประหารในปี 1969 โดยนายพล โมฮาเหม็ด ไซอัด บาร์รี เผด็จการผู้โหดเหี้ยม ที่ต้องการนำพาประเทศโซมาเลียไปสู่วิถีทางแบบสังคมนิยม จนนำมาสู่สงครามกลางเมืองที่ยิ่งเพิ่มความแตกแยกและความยากจนให้กับผู้คนในประเทศจนถึงทุกวันนี้
1
WIKIPEDIA PD
3. การต่อสู้ระหว่างหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และทหารบ้านของขุนศึกผู้ทรงอำนาจของโซมาเลียอย่าง โมฮาเหม็ด ฟาร์รา ไอดิด ในปี 1993 เป็นสงครามที่ฝ่ายสหรัฐฯ และฝ่ายโซมาเลียอ้างว่าตนชนะในการรบครั้งนี้ และภายหลังเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นได้ถูกนำไปเขียนในหนังสือและสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down ในปี 2001
WIKIPEDIA PD
4. หลังจากสถานการณ์สงครามกลางเมืองในโซมาเลียเริ่มมีท่าทีผ่อนคลายลง ในปี 2012 มีชาวโซมาเลียกว่า 62,000 คน เดินทางกลับไปยังกรุงโมากาดิชูของโซมาเลีย แต่ในจำนวนนี้ มีเพียงแค่ 10,000 คน ที่เป็นช่างมีฝีมือ นอกเหนือจากแรงงานที่มีอยู่แล้วในกรุงโมกาดิชู 20,000 คน ซึ่งจำนวนตัวเลขแรงงานที่มีฝีมือนี้ยังน้อยเกินไปที่จะช่วยฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง
5. นอร์เวย์ อังกฤษ และจีน ที่ได้สร้างไฟฟ้าส่องสว่างตามท้องถนน แต่ก็ยังมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นอยู่บ้างประปราย ท่ามกลางความหวังของรัฐบาลโซมาเลีย ที่ต้องการนำแสงสว่างกลับมาสู่ท้องถนนในกรุงโซมาเลีย
WIKIPEDIA CC MRMIDNIMO
6. จากการสำรวจขององค์การยูนิเซฟ พบว่ามีเด็กเร่ร่อนอายุระหว่าง 7-16 ปี ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ตามท้องถนนและในอาคารที่ถูกทิ้งร้างที่เกิดจากสงครามกลางเมืองที่กินระยะเวลานานหลายสิบปี เด็กเร่ร่อนเหล่านี้คือเหยื่อของความรุนแรงและความอดอยากในโซมาเลีย เมื่อไม่มีทางเลือก เด็ก ๆ กลุ่มนี้จึงหันไปพึ่งยาเสพติดและใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหา
7. โซมาเลีย มีความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาระหว่างเพศชายและเพศหญิง กล่าวคือ ผู้ชายชาวโซมาเลียได้รับการศึกษาราว 12 – 36 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ผู้หญิงชาวโซมาเลียได้รับการศึกษาเพียง 7-24 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
WIKIPEDIA CC CTSNOW
8. คนยากจนในกรุงโมกาดิชูของโซมาเลีย แทบหมดสิทธิ์เข้ารับการศึกษา โดยครอบครัวยากจนเหล่านี้กลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกลืม เนื่องจากพวกเขาไม่มีเงิน ไม่มีผู้สนับสนุนเพื่อช่วยให้เด็ก ๆ ได้รับการศึกษาอย่างที่ควรจะเป็น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโซมาเลีย ที่จะต้องหาทางช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ให้ได้รับการศึกษาในอนาคต
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
โฆษณา