9 มิ.ย. 2020 เวลา 14:55 • ความคิดเห็น
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย: บทความที่ 700
จน...เครียด...แต่ไม่เคยคิดสั้น
ผมมานั่งคิดว่า บทความที่ 700 ผมควรเขียนอะไร?
ผมเขียนให้กำลังใจนักเขียนน้องใหม่ไม่ให้ท้อแท้ก็เยอะ
เขียนให้กำลังผู้คนก็มีบ้างไม่มากก็น้อย และเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งจะเขียนไป
งั้นจะเขียนอะไรดี?
ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก,
ผู้คนตกงาน, รายได้ขาด ไม่พอยังชีพ และชำระหนี้
หลายคน จน เครียด และคิดสั้น!
หลายคน ทุกข์ทน จนเงิน จนใจ จนปัญญา
แต่...ร่ำรวยปัญหา
บทความชิ้นนี้ ผมจะแชร์ประสบการณ์
‘จน เครียด แต่ ไม่เคยคิดสั้น’
กับเพื่อน ๆ ครับ
ผมหวังว่ามันอาจจะช่วยสร้างกำลังใจ
ให้กับใครก็ตามที่ประสบปัญหาชีวิต
ดูมืดมน ไร้ทางออกในชีวิต
บางทีอาจได้วิธีคิดบางอย่างจากบทความต่อไปนี้
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหาหนี้สิน
และรายได้ไม่พอรายจ่าย
จำได้ว่าตอนที่ถูกเพื่อนชวนไปทำธุรกิจ และลงเอยด้วยการถูกโกงเงินสะสมจากการทำงานมาทั้งชีวิต แถมด้วยหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้อีก 7 หลักที่ต้องรับผิดชอบ นั่นคือหนี้สินที่ผมต้องรับผิดชอบ
มันคือบทเรียนราคาแพงที่แลกด้วยความไว้วางใจ
ในมิตรภาพกว่า 30 ปี
หนี้สินที่ต้องใช้
ไม่ใช้ไม่ได้เพราะ
ผมเอาบ้านไปค้ำประกันกับธนาคาร
คุณรู้ใช่ไหม ไม่ใช้ก็ถูกยึด!
แล้วจะไปอยู่ที่ไหน?
ตอนนั้นผมมี แม่กับน้า ที่ต้องดูแล
แม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง เป็นทั้งอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน นอนติดเตียงจนเป็นแผลกดทับ และให้อาหารผ่านทางสายยาง แม่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล มีค่าใช้จ่ายไม่น้อยในแต่ละเดือน
ผมมีน้าอีกคน ที่เป็นผู้พิการ ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่ไม่มากพอที่จะดูแลตนเองได้
เท่ากับผมมีผู้ป่วยสูงอายุ 2 ชีวิต ที่ผมต้องดูแล
ผมมีใบอนุญาตผู้แนะนำด้านการลงทุน, ประกันชีวิต และวินาศภัย มันทำให้ผมต้องรักษาเครดิตผมให้ได้
ลองคิดดู ถ้า Wealth Planer ยังติดเครดิตบูโร คุณจะเชื่อถือเขาไหม ตัวเองยังบริหารไม่รอด จะบริหารพอร์ตของคุณรอดเหรอ?
ผมเหลือรายได้ทางเดียวคือ ‘เงินเดือนประจำ’
ผมไม่เหลือเงินเก็บแล้วเพราะลงในธุรกิจจนหมด
ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ ถ้าคุณตกในสภาพแบบนี้คุณจะแก้ไขอย่างไร?
ผมให้เวลาคุณคิด...
...
...
...
สิ่งที่ผมคือ...
‘ทำใจ’ ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
1
‘เลิกโทษโชคชะตา’ ทำไมเจอแบบนี้
เพราะความจริงมันไม่เกี่ยวกับโชคชะตา มันมาจากการตัดสินใจผิดพลาดของผมเอง
หลังจากนั้น สิ่งที่ต้องทำก็คืออะไร?
‘เรียนรู้’ ความผิดพลาดเหล่านั้น ผมทำอะไร
ผมถึงผิดพลาด
‘มองปัญหาให้ออก’ ผมมีปัญหาอะไรบ้างในชีวิต ปัญหาใหญ่ ปัญหารอง ปัญหาเล็ก ๆ และไม่เป็นปัญหา
ผมมี ‘สิ่งที่ต้องทำ’ อะไรบ้างในชีวิต?
ผมมี ‘ภาระของความกตัญญู’ ที่ต้องทำหน้าที่ดูแลแม่และน้าอย่างเต็มความสามารถ
ผมมี ‘ความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน’ ไม่ให้เกิดปัญหา ผมต้องไม่ติดเครดิตบูโร
ผมมี ‘ความรู้ที่สั่งสมมา’ ความรู้ด้านการลงทุน,
การบริหารหนี้
และที่สำคัญ...ผมยังมี ‘ลมหายใจ’
ในเมื่อผมยังมีลมหายใจ มีสิ่งที่ต้องทำ
ผมต้องหาวิธีคิดที่จะสร้าง ‘กำลังใจ’ ให้แก่ตนเอง
ผมโชคดีที่ตอนนั้น ผมมีคนรักที่ดีเคียงข้าง
คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ ๆ
ไม่เคยตอกย้ำซ้ำเติมความผิดพลาดนั้น
ไม่เคยบ่นว่าทำให้ชีวิตเธอต้องลำบาก
ผมโชคดีที่มีแม่กับน้าเป็นแรงผลักดันให้ผม
‘ต้องสู้’ ต่อไป
และผมโชดีที่ยังเหลือ ‘ความรู้’ ที่สั่งสมมาในชีวิต
ผมใช้ความรู้ด้านการลงทุน และการบริหารหนี้ เข้ามาจัดการกับชีวิตของผม
ในเมื่อผมสามารถบริหารพอร์ตให้ลูกค้าร่ำรวยเป็นล้านได้
ทำไมผมไม่ใช้ความรู้ความสามารถเหล่านั้นมาบริหารพอร์ตของตนเอง
สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งเหล่านี้คือ แรงผลักดัน และ กำลังใจให้ผม ‘มีแรงสู้ต่อไป’
ผมใช้ความรู้ที่สั่งสมมา
เริ่มบริหารรายได้เท่าที่มี กับรายจ่ายประจำ และ ภาระหนี้สินที่ต้องชดใช้
วิธีง่าย ๆ ที่สุดในการบริหารหนี้คือ ‘ลดรายจ่าย’ ที่ไม่จำเป็นออกไป
ผมลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นในชีวิตส่วนตัวของผม
อะไรคือรายจ่ายไม่จำเป็นในชีวิต
ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้เห็นภาพ
ถ้าทุกมื้อกลางวัน คุณต้องทานน้ำอัดลม 10.-/ขวด และช่วงเย็นคุณต้องทานสแน็ก 20.-/ซอง เท่ากับคุณต้องจ่าย 30.-/วัน
1 เดือน คุณเสียเงินไปกับน้ำอัดลมและสแน็ก
900.-/เดือน
คำถามคือ...คุณไม่ทานได้ไหม?
ถ้าคุณไม่ทาน คุณได้เงินกลับมาแล้ว 900.-/เดือน
ถ้าคิดเป็นอาหารมื้อละ 50.-
เงิน 900.- คุณจะได้อาหารจำนวน 18 มื้อ
ถ้าทานวันละ 3 มื้อ เท่ากับ คุณได้ค่าอาหารเพิ่มแล้ว 6 วัน
ผมลดอาหารเหลือ 2 มื้อ ทาน 7.00 น. กับเวลา 14.00 น. หลังจากนั้นไม่ทานแล้ว
900.- ผมได้ค่าอาหารเพิ่มมา 9 วัน
คุณแค่นั่งนึกว่าในแต่ละวัน คุณมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แล้วจดลงสมุดบันทึกอย่างจริงใจ ทุกบาททุกสตางค์ทุกการใช้จ่ายออกไปคุณต้องลง เพื่อที่คุณจะได้เห็นภาพที่ชัดเจน แล้วคุณจะเห็น ‘รายจ่ายประจำ’ และ ‘รายจ่ายไม่จำเป็น’
แยกออกมาว่า รายจ่ายประจำที่ต้องจ่ายแน่ ๆ อันนั้นยากที่จะตัด
ตอนนั้นผมมีค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่, ค่าอาหารของแม่และน้า ในแต่ละเดือน ตัดไม่ได้
ค่าน้ำ-ไฟ-โทรศัพท์ ตัดไม่ได้
รายจ่ายเพื่อความสุขส่วนตัว อันนี้ตัดง่าย ผมแค่เลิกดูหนัง เลิกตามใจตัวเอง เลิกตามใจปาก จะจ่ายก็คิดก่อนจ่าย
ไม่ใช้บัตรเครดิตยกเว้นจำเป็นต้องใช้ เช่น ค่ารักษาพยาบาลแม่
ทำตามนี้ คุณจะมีรายได้กลับมาส่วนหนึ่ง
ถ้าไม่พอล่ะ?
ลดรายจ่ายแล้วยังไม่พอ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ‘เพิ่มรายได้’
วันหยุดอย่าอยู่เฉย หางานทำ อะไรก็ได้ มีรายได้รายวันก็เอาไว้ก่อน ใช้ Connection ที่มีขอให้เขาโยนงานรายวันให้เราทำ
พอมีรายได้มาเพิ่มบ้าง แม้จะไม่ทุกวีคก็ตาม แต่ดีกว่าอยู่เฉย ๆ หมดไป 2 วันเปล่า ๆ
ถือคติ ‘อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา’
เตือนตัวเองแบบนี้เวลาเหนื่อย หรือคิดจะถอดใจ
‘ลดรายจ่าย’ และ ‘เพิ่มรายได้’ คุณจะมีเงินเพิ่มขึ้น
ต่อไปคือ ‘บริหารหนี้’
แปะไว้เท่านี้ก่อน ไว้ตามอ่านกันในตอนต่อไป
หลายคนคงบอก ไอ้มูฟวี่เอาอีกแล้วนะ ชอบตัดจบแบบนี้เรื่อยเลย...
แหม..เล่าจบก็ยาวสิครับ แบบนี้ผมก็อู้ไปได้อีก 1 ตอน
ถ้าอยากรู้...ไม่ต้องอยากถาม...ยังไงก็เล่า...
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ฝากไว้เหมือนเช่นทุกครั้งกับบทความ ‘ดีต่อใจ’
ในสถานการณ์เลวร้าย เราอย่าเลวร้ายตามสถานการณ์
และ
กำลังใจสร้างได้ด้วยวิธีคิด
เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านครับ
มูฟวี่
###อยากให้อ่านคอมเมนท์ด้านล่างนะครับ
หลาย ๆ คน ประสบปัญหาหนัก ๆ สำหรับเขา
และผ่านพ้นมาได้ ก็ด้วยวิธีคิดบวก และกำลังใจ
ถ้าคุณกำลังเจอปัญหาหนัก จนท้อแท้ใจ
พวกเราทุกคนเป็นกำลังใจให้นะครับ
สู้ ๆ ไปด้วยกันครับ
โฆษณา