9 มิ.ย. 2020 เวลา 15:16 • ประวัติศาสตร์
นักเรียนผิวดำคนแรก ในโรงเรียนเด็กผิวขาวของสหรัฐ
วันที่ 14 พฤศจิกายน 1960 ด.ญ. Ruby Bridges วัย 6 ขวบกำลังเดินออกจากประตูโรงเรียนประถม William Frantz Elementary School ในเมือง New Orleans รัฐ Louisiana ขนาบข้างโดยเจ้าหน้าที่ศาล 2 นายที่ทำหน้าที่ช่วยอารักขา สิ่งที่ไม่เห็นในภาพคือฝูงชน (ผิวขาว) กลุ่มใหญ่ส่งเสียงตะโกนขับไล่ พร้อมชูป้ายแสดงข้อความเดียดฉันท์ เช่น “คริสต์มาสนี้ ของขวัญที่เราอยากได้คือ โรงเรียนสีขาวสะอาดเท่านั้น” (All I want for Christmas is a Clean White school)
เหตุการณ์นี้เป็นผลจากศาลปกครองมีคำสั่งในช่วงปี 1960 ยอมให้เด็กผิวดำเรียนร่วมในโรงเรียนผิวขาวได้ เพื่อยุติปัญหาการแบ่งแยกผิวในมลรัฐทางภาคใต้ทั้งหมดของประเทศ
ความกล้าหาญของเด็กน้อยวัย 6 ขวบนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องทัศนคติการเหยียดผิวในสังคมอเมริกันกัาวใหญ่อีกหนึ่งก้าว
ทำไมถึงต้องเป็นหนูน้อยคนนี้
พ่อและแม่ของ Ruby ย้ายจากรัฐ Mississippi มาอาศัยอยู่ในเมือง New Orleans รัฐ Louisiana ตอน Ruby อายุ 4 ขวบ ด้วยความหวังว่าเมืองใหญ่จะช่วยสร้างโอกาสความรุ่งเรืองของครอบครัวได้ดีกว่า พ่อได้งานในปั๊มน้ำมัน ส่วนแม่กลางวันต้องเลี้ยงลูกๆ และกลางคืนต้องรับงานกะดึกเพื่อช่วยพ่อหารายได้ ในบรรดาพี่น้อง 4 คน Ruby เป็นพี่สาวคนโต
ตอน Ruby อายุ 4 ขวบกำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล เธอถูกเลือกให้อยู่ในกลุ่มนำร่องของเด็กผิวดำที่จะต้องเรียนร่วมกับเด็กผิวขาวในโรงเรียนของเด็กขาว เพื่อขานรับนโยบายการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา Brown v Broad Education ที่รัฐบาลกลางประกาศออกมาเมื่อ 4 ปีก่อนหน้า เด็กกลุ่มนี้ต้องผ่านการสอบข้อเขียน ซึ่งว่ากันว่าหินมาก บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างพากันหวังว่าไม่น่าจะมีเด็กผิวดำคนไหนผ่านข้อสอบยากขนาดนี้ได้ เพราะต่างอยากประวิงเวลาเรื่องเรียนร่วมนี้ไปอีกระยะหนึ่ง แต่ผิดคาดเมื่อประกาศผลสอบ มีเด็กทั่วประเทศสอบผ่านรวม 6 คนโดย Ruby เป็นหนึ่งในนั้น และเป็นคนเดียวที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางใต้
แม่ของ Ruby ดีใจมาก เพราะการได้เรียนในโรงเรียนของเด็กผิวขาวหมายถึงคุณภาพการศึกษาที่ลูกสาวจะได้รับ บ้านที่อยู่ห่างจากโรงเรียนเด็กขาวแค่ 5 ช่วงตึก แต่ที่ผ่านมาแม่ต้องพาลูกไปเข้าโรงเรียนเด็กดำที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบไมล์
1
ก่อนเปิดเรียนไม่กี่วัน ผู้พิพากษาประจำเขตพื้นที่ซึ่งเป็นตัวแทนศาลสูงได้ประสานงานกับรัฐบาลกลางจัดส่งเจ้าหน้าที่ศาล (federal marshal) 4 คนมาที่เมือง New Orleans เพื่อคอยคุ้มครอง Ruby โดยเฉพาะ ทั้ง 4 คนทำหน้าที่ขับรถรับส่ง เดินประกบเด็กหญิงทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงการไปห้องน้ำระหว่างวัน
2
ส่วนตัวของ ด.ญ. Ruby เองในตอนแรกที่เห็นผู้คนรวมตัวกันมากมาย ไหนจะด่านเครื่องกีดขวางที่ตำรวจเอามาตั้งไว้หลายจุดหน้าโรงเรียน เธอคิดว่าเป็นงาน Mardi Gras ฉลองเปิดเทอม พอเข้าโรงเรียนปุ๊บเธอถูกพาตัวไปห้องทำงานของครูใหญ่ และอยู่ในห้องนั้นจนหมดวัน ในช่วง 4-5 วันแรกทั้งโรงเรียนไม่สามารถทำการเรียนการสอนได้เพราะผู้ปกครองทุกคนประท้วงไม่ยอมพาลูกๆ มาเรียน แถมยังขู่ว่าจะพาลูกย้ายไปเรียนที่อื่น ท้ายที่สุดโรงเรียนเลยแก้ปัญหาโดยการให้ Ruby เรียน class พิเศษมีครู Barbara Henry รับอาสาดูแลให้ ตลอดปีทั้งครูและลูกศิษย์นั่งเรียนกันแบบตัวต่อตัว
1
สำหรับ Ruby การเรียนในช่วงเเรกๆ ไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไร มีเด็กในโรงเรียนหลายคนจ้องจะเล่นงานเธอหลากหลายรูปแบบ ทั้งคำพูดและการกระทำ มีคนขู่จะวางยาพิษ แม่ต้องเอาอาหารกลางวันใส่กล่องให้ Ruby พกมาเองตั้งแต่นั้น เผลอๆ ก็มีเด็กแกล้งเอาตุ๊กตาคนสีดำยัดใส่โลงศพมาเล่นให้เธอเห็น ยังไม่รวมถึงคำพูดดูถูกเหยียดหยามสารพัด
Ruby เป็นเด็กอดทนมาก เจ้าหน้าที่ศาลคนหนึ่งที่ได้ร่วมดูแลได้ออกมากล่าวชื่นชมหลังจากนั้นหลายปีว่า Ruby เป็นเด็กกล้าหาญและแข็งแกร่ง ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยงอแงขอหยุดเรียน เวลาไปไหนมาไหนจะเดินพร้อมเพรียงกับพวกตน “ราวกับทหารตัวน้อย” ซึ่งเมื่อเธอโตขึ้นได้ประกอบอาชีพหรือทำกิจกรรมหลักอะไร ทุกท่านคงพอเดาได้....
1
....นักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะความเสมอภาคเรื่องชาติพันธุ์และสีผิว
เรื่องราวของ Ruby Bridges เป็นแรงบันดาลใจให้จิตรกรภาพเหมือนอเมริกัน Norman Rockwell วาดเป็นภาพชื่อ “The problem we all live with” รวมถึงถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ทีวีเรื่อง “Ruby Bridges” โดย Walt Disney ในปี 1998 และได้รับเกียรติกล่าวแนะนำในวันแรกที่ออกฉายโดยประธานาธิบดี Bill Clinton
โฆษณา