Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
CrocoHistory+
•
ติดตาม
11 มิ.ย. 2020 เวลา 05:44 • ประวัติศาสตร์
• ในยุคกลาง (Middle Age) ศาสนจักรห้ามผู้คนกินข้าวเช้า เพราะเป็นเรื่องผิดศีลธรรม เป็นบาป และเป็นเรื่องของคนจน
ทักทายเพื่อนชาว Blockdit เช่นเคยครับ วันนี้เล่าเรื่องอาหารเช้ากันบ้าง หลังจากที่เคยพูดถึงอาหารเช้าของราชินีไปเมื่อบทความก่อนหน้านี้
คราวนี้มาถึงอาหารเช้าของชนชั้นล่างและคนทั่วไปในยุคกลางหรือยุคมืด ซึ่งศาสนาครอบงำชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกย่างก้าว แม้แต่การรับประทานอาหารก็ยังมีข้อห้ามจุกจิกมากมายเลยครับ
CR : Wikipedia [Public Domain]
หากจะดูว่าใครรวยหรือใครจน อะไรที่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งบอกฐานะทางสังคมของคนเราได้บ้าง ยุคสมัยนี้เราอาจจะบอกว่าต้องวัดกันที่เงินทอง อาชีพ หน้าที่การงาน ชื่อเสียงเกียรติยศใช่ไหมล่ะครับ
ถ้าเราลองย้อนกลับไปยังสังคมไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็จะมีการใช้ระบบศักดินาเป็นตัวแบ่งชนชั้น มีเจ้านาย บ่าวไพร่ ข้าทาสบริวาร จะทาสประเภทใดก็แตกย่อยไปได้อีกหลายสาแหรก
แต่ครั้งนี้จะพาทุกคนย้อนไปไกลกว่านั้นคือ ยุคกลาง (Middle Age) หรือที่เราคุ้นเคยกันในหนังสือเรียนคือ ยุคมืด (Dark Age) ซึ่งเริ่มตั้งแต่การสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในศตวรรษที่ 5
บอกเลยว่ายุคมืดที่ว่านี้ เขาไม่ได้แบ่งชนชั้นกันด้วยเงินทองหรือลาภยศ แต่กลับมีค่านิยมสุดแปลกแหวกแนว ใช้อาหารเช้า (Breakfast) เป็นเครื่องบ่งบอกชนชั้นวรรณะทางสังคม
CR : Unsplash
อย่างที่บอกว่า ยุคมืดเป็นยุคที่ความเชื่อทางศาสนาเป็นเรื่องที่ถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด ทุกอย่างเป็นเรื่องบาปบุญคุณโทษไปเสียทั้งหมด
ถ้าเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายที่สุด สมัยนี้หลายคนที่เรารู้จักจะมีความเชื่อเรื่องดวงชะตา การมูเตลู มีเครื่องรางของขลังพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา
แต่ยุคมืดคือขีดสุดของความศรัทธาในศาสนา ไม่กล้าพูดว่าคนยุคนั้นงมงาย แต่เอาเข้าจริงที่คนไม่สนใจความรู้เรื่องอื่น เพราะพวกเขาเชื่อว่าศาสนจักรเป็นเหมือนเครื่องชี้เป็นชี้ตาย จะหันซ้ายหันขวาไปทางไหนก็เจอแต่โบสถ์กับวิหาร
เมื่อมาถึงตรงนี้หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่า ศาสนจักรเกี่ยวข้องอะไรกับอาหารเช้า แล้วอาหารเช้าเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะยากดีมีจนได้อย่างไรกันแน่
CR : Wikipedia [Public Domain]
คราวนี้เรื่องมันมีอยู่ว่า ศาสนจักรได้เผยแพร่ลัทธิประหลาดบางอย่างแก่ประชาชน ว่าด้วยการรับประทานอาหารเช้าเป็นเรื่องผิดบาปและเป็นเรื่องของคนจน
มีข้อปฏิบัติอย่างหนึ่งเรียกว่า De Rigueur นั่นคือการอดอาหาร คนยุคมืดเขาจะรับประทานอาหารกันเพียงวันละ 2 มื้อเท่านั้นเองครับ
มื้อแรกคือ มื้อเที่ยง จะรับประทานอาหารอ่อน ๆ จำพวกข้าวโอ๊ต ขนมปัง ไวน์แดงและเนยแข็ง เปรียบเทียบให้เห็นภาพคงเป็นอาหารรองท้อง ประเภทที่เราอาจจะได้รับประทานเป็นของว่างระหว่างพักการประชุมทำนองนั้น
ส่วนอีกมื้อคือ มื้อเย็น จะเป็นมื้อที่มีอาหารครบถ้วน มีสำรับหลายประเภท ใจความสำคัญของการรับประทานอาหารมื้อเย็นของคนยุคมืดไม่ใช่การกินให้อิ่ม แต่กลับเป็นไปเพื่อขอบคุณพระเจ้าที่ต่อลมหายใจให้ผ่านไปได้อีกวัน
ดังนั้นเราจะเห็นว่า ไม่มีการรับประทานอาหารเช้าบัญญัติอยู่ในข้อปฏิบัติของศาสนจักร เพราะเขาต้องการจะสอนให้คนยุคนั้นมีความเชื่อเดียวกันว่า การตื่นมาแล้วรับประทานมื้อเช้าเป็นการกระทำของคนบาปนั่นเอง
CR : Unsplash
เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากการรับประทานอาหารเช้าจะเป็นเรื่องของคนบาปแล้ว ยังถูกมองว่าเป็นเรื่องของคนจนอีกต่างหาก
ในยุคมืดการเกณฑ์แรงงานทาสไปก่อสร้างโบสถ์และวิหาร หรือถูกสั่งให้เป็นไพร่พลในกองทัพเพื่อทำสงครามเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ดังนั้นพวกแรงงานทาสจำเป็นจะต้องรับประทานอาหารเช้าเพื่อเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย จะได้มีแรงทำงานไปตลอดทั้งวันอย่างไรล่ะครับ
แต่มื้อเช้าของแรงงานทาสไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย มีเพียงข้าวโอ๊ตราดด้วยนมวัว ไม่มีรสชาติและความอร่อยอะไรเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้คริสจักรจะบอกว่า การรับประทานมื้อเช้าของแรงงานถือเป็นข้อยกเว้น แต่ต้องแลกมาด้วยการถูกมองว่าเป็นพวกคนจนที่ตะกละตะกลาม
เพราะฉะนั้นแล้ว การตื่นแต่เช้าทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรแต่มาหาอาหารใส่ปากถือเป็นคนน่ารังเกียจ ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วยสักเท่าไร
CR : Wikipedia [Public Domain]
ศาสนจักรยังฝังหัวคนต่อไปอีกว่า แม้แต่ราชวงศ์ยุโรปและพวกขุนนางซึ่งมีภาระหน้าที่ตลอดวันยังไม่รับประทานอาหารเช้ากันเลย
พวกเธอที่เป็นชาวบ้านชาวเมืองควรละอายต่อบาปและตื่นมาทำการทำงานให้เรียบร้อยเสียก่อน ให้รู้จักเอาอย่างชนชั้นปกครองกันเสียบ้าง
แต่ภายหลังมาค้นพบว่า ที่ชนชั้นสูงไม่รับประทานอาหารเช้าเพราะมีธรรมเนียมการว่าความบนโต๊ะกินข้าวต่างหากล่ะครับ
ลองจินตนาการว่า กษัตริย์และขุนนางยุคนั้นทำงานบนโต๊ะอาหาร มีอาหารบริการทั้งวันชนิดที่ร้านบุฟเฟ่ต์ยังต้องชิดซ้าย
สมองกำลังคิดนโยบายปกครองบ้านเมือง ในขณะที่มือก็หยิบจับอาหารเข้าปากเคี้ยวจ๊อบแจ๊บอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้รับประทานทั้งวันแบบนี้ ก็ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องตื่นมารับประทานอาหารเช้าแบบแรงงานทาสนั่นเอง จริงไหม
CR : Unsplash
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน การรับประทานอาหารเช้าเป็นเรื่องที่หลายภาคส่วนต่างออกมารณรงค์กันอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลทางสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ
ไม่ว่าใครก็ต้องตื่นมารับประทานมื้อเช้าก่อนเริ่มต้นทำงาน อย่างน้อยที่สุดคือ ขนมปังสักแผ่นกับกาแฟหรือนมสักแก้ว ก็ถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นสมองให้พร้อมใช้งานในแต่ละวันได้แล้ว
ในทางกลับกันคนที่ไม่รับประทานอาหารเช้าต่างหาก กลับถูกมองว่าไม่ค่อยจะรักษาสุขภาพ
และทุกวันนี้ต้องเรียกว่าเป็นโชคดีที่บ้านเราต่างมีอาหารเช้าให้เลือกรับประทานกันได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าใครจะอยู่ตรงซอกหลืบไหนของสังคม ต่างก็มีโอกาสเข้าถึงแหล่งอาหารอย่างเท่าเทียมกัน
ลองคิดว่าถ้าเราย้อนกลับไปอยู่ในยุคกลางแล้วถือข้าวเหนียวหมูปิ้งไปรับประทานต่อหน้าคนยุคนั้น คงถูกประณามว่าเป็นพวกตะกละเห็นแก่กิน
เรื่องนี้จึงนับว่าเป็นคติชนสุดแปลกอย่างหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์นั่นเองครับ
ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ 😍
ข้อมูลบางส่วนจาก
- Daily Life in the Middle Ages - Paul B. Newman
บันทึก
2
4
2
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย