11 มิ.ย. 2020 เวลา 13:21 • บันเทิง
The Adjustment Bureau (2011):
ดูแล้วเล่าตอนที่ 2 >> ละเอียดแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว
ขอบคุณรูปถ่ายจาก Netflix
เดวิดตื่นขึ้นมาบนเก้าอี้ในห้องโถงกว้าง เสาเรียงรายอยู่เป็นระยะ ในขณะที่สะลึมสะลือ เขาได้ยินชายสวมหมวกคุยกัน จนกระทั่งได้สติดีชายผมขาวคนที่เปิดประตูดักหน้าดักหลังเขาดูท่าจะเป็นหัวหน้าชื่อริชาร์ดสัน ๆ พูดกับผู้ช่วยว่าเขาต้องการรีเซ็ตความคิดของเดวิดใหม่ เขาเปิดสมุดลิขิตชีวิตของเดวิดให้ลูกทีมดูเป็นหลักฐานว่า คนอย่างเดวิดจะไม่ยอมเลิกราอะไรง่าย ๆ จนกว่าจะตาย เดวิดจะไม่ยอมหยุดหาคำตอบ และพวกเขาทั้งหมดก็ต้องจับตามองเดวิดตลอดไปเพื่อให้แน่ใจว่าเดวิดจะไม่ปริปากเอ่ยเรื่องนี้ ซึ่ง “มันจะเป็นปฏิกิริยาน้ำกระเพื่อมที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
ขอบคุณรูปถ่ายจาก Netflix
ชายคนที่สองจากซ้ายมือคือริชาร์ดสัน ๆ เป็นหัวหน้าทีมของหน่วยหนึ่งในองค์กร TAB เขาอยู่เบื้องหลังการพาเอลีซมาเจอเดวิดในห้องน้ำชายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เป็นคนสั่งให้ลูกทีมผิวสี (ชายคนแรกซ้ายสุด) ทำกาแฟหกรดเสื้อผ้าเดวิดในเวลา 7.05 น. โชคร้ายที่แผนพลาดเพราะชายผิวสีเผลอหลับไป ดังนั้นแทนที่เดวิดจะมาออฟฟิศสายไปสักสิบนาที เขากลับมาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดกับชาร์ลี ทั้งทีมจึงต้องจับเดวิดมาเจรจา (นี่ที่บ้านเรียกว่าบังคับขู่เข็ญมากกว่านะ)
ขอบคุณรูปถ่ายจาก Netflix
ริชาร์ดสันเริ่มล่อลวงเดวิดจากการทายใจเขาเพื่อให้เดวิดมั่นใจว่าเขาถูกอ่านใจได้ง่าย ๆ หลังจากนั้นเขาถูกบังคับให้ลืมเรื่องชาร์ลีที่เห็นวันนี้ เพราะไม่ใช่ความผิดที่เขาเข้ามาเห็น แต่ถ้าเดวิดยังดื้อดึงหาเหตุผลอยู่ไม่เลิก พวกเขาจะปรับความคิดเดวิดให้ลงตัวกับเหตุการณ์ จนถึงลบความจำทิ้งและตั้งระบบใหม่ เหมือนการทำลายอัตลักษณ์เดิมแล้วสร้างความคิดใหม่และบุคลิกลักษณะใหม่ให้เดวิด ๆ จะกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนที่เคยรู้จักเขาไปโดยสิ้นเชิง
ริชาร์ดสันบอกเดวิดว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนในหน่วยที่จัดการสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนและเพื่อให้เป็นเช่นนั้น พวกเขามีอำนาจในการปรับเปลี่ยนหรือเบี่ยงชะตาชีวิตหรือความคิดของคนที่เขารับผิดชอบให้ลงตัวกับเหตุการณ์และแผน ถ้าขยับหรือปรับไม่ได้ พวกเขาก็จะรีเซ็ตความคิด โดยในองค์กรมีหน่วยจัดการทั่วไป หน่วยแทรกแซงความคิด และหน่วยขจัดปัญหาทิ้ง ทุกหน่วยมีลูกทีมของแต่ละหน่วยไป
เดวิดยอมรับปาก แต่ก่อนที่ริชาร์ดสันจะปล่อยเขาไป ริชาร์ดสันห้ามเด็ดขาดไม่ให้เขาพบเอลีซอีก และให้ผู้ช่วยในทีมแย่งนามบัตรที่มีเบอร์โทรเธอมาเผาทิ้ง ลูกทีมเปิดประตู จับเดวิดโยนเข้าห้องทำงาน ชาร์ลีที่ดูปกติมากเปิดประตูอีกบานเจอเดวิดกองอยู่กับพื้น เขาต่อว่าที่เดวิดหายไป เดวิดไม่ตอบเขาวิ่งไปเปิดประตูบานที่เขาถูกโยนออกมา แต่มันไม่ใช่ห้องโถงเดิมที่เขาถูกโยน มันกลายเป็นห้องประชุมธรรมดาของสำนักงานชาร์ลี
ในการประชุมชาร์ลีพูดสนับสนุนและยอมเสี่ยงเต็มที่ในการลงทุนโครงการ เขาพูดในที่ประชุมว่า “ถ้าบริษัทเราไม่ลงมือทำ แล้วใครจะทำ” เดวิดอึ้ง…ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อคำพูดของริชาร์ดสันคงไม่ได้แล้ว
ในร้านอาหารเล็ก ๆ ริมถนน ฝนตกไม่ขาดสายด้านนอก เดวิดนั่งเขียนตัวเลขเบอร์โทรของเอลีซสลับไปมาตามที่เขาพอจำได้ ชายผิวสีที่อยู่ในทีมของริชาร์ดสันเดินเข้ามาบอกเดวิดว่าในขณะที่ข้างนอกปั่นป่วนแต่คุณกลับเอาแต่นึกและเขียนเบอร์โทรศัพท์อยู่นั่น เขาแนะนำตัวว่าชื่อแฮรี่ ๆ ขอเวลาพูดคุยกับเดวิด ที่แท้แฮรี่นี่เองที่ทำพลาดและวิ่งตามรถเมล์ของเดวิดไป เขาบอกว่าถึงเดวิดหาเบอร์โทรของเอลีซได้แต่ก็จะไม่มีทางติดต่อเธอได้ เพราะหน่วยงานเขาต้องป้องกันทุกวิถีทาง เพื่อให้เดวิด “ก่อให้เกิดวงกระเพื่อมน้อยที่สุด”
เกี่ยวกับชาร์ลี แฮรี่บอกว่าชาร์ลีจะไม่เป็นอะไร พวกเขาแค่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดและการให้เหตุผลเล็กน้อยที่ไม่มีผลต่ออารมณ์หรือบุคลิกนิสัย ถ้าเปลี่ยนมากไปกว่านั้นมันจะเป็นการก้าวก่ายไป (ฮัลโหลแฮรี่ แค่นี้ก็เรียกก้าวก่ายแล้วนะ!!!) ริชาร์ดสันไม่มีอำนาจขนาดจะรีเซ็ตความคิดคนอื่นได้ สิ่งที่ชาร์ลีถูกปรับเปลี่ยนก็แค่วิธีคำนวณความเสี่ยงในการลงทุนของเขาซึ่งจะส่งผลให้ทิศทางบริษัทค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามแผนที่เบื้องบนต้องการ
แฮรี่กล่าวเสริมว่าถ้าจะทำขนาดนั้นต้องได้รับอนุมัติจากท่านประธาน ๆ เป็นชื่อที่แฮรี่และทุกคนในองค์กรเรียก แต่สำหรับเดวิดและคนทั่วไปแล้ว ท่านประธานมีชื่อเรียกหลายชื่อมาก เดวิดถามว่าแฮรี่เป็นเทวดาใช่ไหม แฮรี่ตอบว่า เขาชอบให้เรียกเขาว่า “ผู้ตรวจตราคดี” มากกว่า
แฮรี่เล่าอีกว่าเดวิดคือผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นไปตามแผนที่องค์กรวางไว้ เขาถูกติดตามตั้งแต่เด็ก ชะตาชีวิตของเขาถูกลิขิตตั้งแต่แรกโดย TAB พวกเขาอยู่มานานกว่ามนุษย์ และพวกเขาเป็นผู้ติดตามโลกทั้งใบ แต่เขาก็ไม่มีกำลังคนที่จะออกตามทุกคนตลอดเวลา พวกเขามีจุดอ่อนเกี่ยวกับน้ำเพราะมันกั้นความสามารถในการอ่านใจคน พวกเขาอ่านความคิดคนไม่ออก ฟังความคิดคนไม่ได้ แต่พวกเขา “หยั่งรู้” ได้เมื่อพวกเขาอยู่ในระยะใกล้พอว่าคนที่เขาติดตามจะตัดสินใจชั่งน้ำหนักระหว่างทางเลือกที่มีอยู่อย่างไร และเขาก็จะรู้ว่าคนนั้นจะออกนอกแผนที่พวกเขาวางไว้ไหม
เดวิดสงสัยว่าทำไมเขาถึงถูกกีดกันไม่ให้เจอเอลีซอีก แฮรี่ตอบไม่ได้ แต่ที่แฮรี่บอกได้คือ แม้พวกเขาไม่กีดกันเดวิด เดวิดจะอยู่ในเมืองที่มีผู้คนอยู่ถึง 9 ล้านคนได้อย่างไร มันยากจะค้นพบเธอ - Give up and Move on ตีความจากคำแนะนำของแฮรี่ประมาณนี้
www.theadjustmentbureau.com
3 ปีต่อมา…เดวิดดำเนินกิจวัตรประจำวันด้วยการขึ้นรถเมล์สายเดิมด้วยหวังจะบังเอิญเจอเอลีซอีกครั้ง วันนี้เขาเห็นเธอเดินอยู่บนฟุตบาท เดวิดเรียกให้รถจอดแล้วรีบวิ่งตามเอลีซไป เขาเรียกชื่อเธอ เอลีซหันมาทักทายอย่างงง ๆ แล้วยิ้มให้เขา เดวิดขอโอกาสคุย เอลีซลังเล เธอถามว่าเขาไม่ไปทำงานหรือ เดวิดตอบว่าไม่ไปเพราะผมเพิ่งป่วย เธอบอกว่าเธอไม่ได้พบเขาตั้ง 3 ปี พอเจอกันเขาก็ป่วยเลยหรือ มันไม่ใช่คำเชื้อเชิญคุยที่ดีนัก แล้วเธอก็ประหลาดใจกับทีท่าเลิ่กลั่กของเดวิดที่หันซ้ายหันขวามองอยู่ตลอด เดวิดเสตอบว่าเขามีความรู้สึกว่ามีคนจับตามองอยู่
โทรศัพท์เดวิดดัง เขาขอยกเลิกอาหารเช้าและการปราศรัยกับชาร์ลีเพราะเขาเพิ่งเจอเอลีซโดยบังเอิญ เอลีซถามเรื่องการปราศรัย เธอถามต่ออีกว่าถ้าเธอคุยกับเดวิดแล้วเธอเกิดไม่ชอบเดวิดขึ้นมาล่ะ… “เบอร์โทร. ของฉันไม่เคยเปลี่ยนเลยในสามปีนี้ แต่คุณไม่เคยโทร. มา” เดวิดขอโอกาสอธิบาย เธอตอบว่ามันหลายปีแล้ว และเธอก็อาจมีแฟนดี ๆแล้วด้วย
เดวิดย้อนถามว่า “แล้วคุณมีแฟนดี ๆ แล้วหรือ” เธอตอบว่าเธอโสดและขอเหตุผลที่เดวิดไม่โทร. หาเธอ เขาตอบว่านามบัตรหายเพราะถูกปล้น แล้วพูดต่อว่าเขามีแต่ชื่อเธอไม่มีนามสกุล เมื่อกูเกิลคำว่าเอลีซ คุณจะได้ 757,000 เว็บไซต์ และทุกเว็บไซต์ไม่ใช่ “เอลีซ”
เธอเหลือกตามองแล้วถอนใจ (5555 เป็นคุณจะทนไหวหรือ) เอลีซบอกเดวิดว่าเธอเป็นนักบัลเล่ต์อยู่บริษัทซีดาร์ เลค และจะมีการแสดงวันพรุ่งนี้ถ้าเดวิดอยากไปดู
ที่ TAB เจ้าหน้าที่วิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาริชาร์ดสัน บอกว่าเรามีปัญหาและยื่นสมุดให้ริชาร์ดสันดู “เดวิด นอร์ริส ออกนอกแผน เดวิด…บังเอิญ…เจอเอลีซบนถนน” ริชาร์ดสันบ่นว่าไม่น่าให้ทั้งคู่เจอกันตั้งแต่ต้น แต่เจ้าหน้าที่ที่ถือสมุดยักไหล่ตอบ “เราก็แค่ทำตามคำสั่งในจดหมาย” ทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง เจอแฮรี่ ริชาร์ดสันแดกดันว่าสามปีผ่านไปแต่ก็ต้องตามแก้ปัญหาที่แฮรี่สร้างไว้อยู่ดี
ริชาร์ดสันกับผู้ช่วยเฝ้ามองดูทั้งคู่กินอาหารเช้า พวกเขาพยายามขัดขวางการพบกันของทั้งคู่ด้วยการใช้ชาร์ลีและทีมงานบัลเล่ต์ของเอลีซเป็นตัวขัดขวาง เขาบอกผู้ช่วยว่าเดี๋ยวอีกชั่วโมงทุกอย่างก็จะจบลง แต่ผู้ช่วยไม่เชื่อคำพูด เขาก้มมองสมุดในมือและบอกว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในนั้นที่ผิดปกติไป “ขอเพียง one kiss เท่านั้น” ถ้ามันเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่มีพลังพอที่จะทำให้ทั้งคู่เลิกกันได้ จะก่อให้เกิดวงกระเพื่อมเกินกว่าที่ริชาร์ดสันจะควบคุมได้
ชาร์ลีเดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาและอาหารเช้าของทั้งคู่ เขาบอกเดวิดว่ามีกลุ่มคนรอฟังการประกาศลงเลือกตั้งวุฒิสมาชิกของเดวิดอยู่ที่สะพานบรู๊คลิน เดวิดสงสัยว่าชาร์ลีหาเขาเจอได้อย่างไร ชาร์ลีบอกปัดว่ามันไม่สำคัญแล้วเร่งเดวิดให้รีบไป
เดวิดไม่อยากให้เอลีซคลาดสายตา เขาชวนเธอไปด้วย เธอบอกว่าเธอติดซ้อมและที่ซ้อมของเธออยู่ที่ท่าเรือ 17 ตรงข้ามสะพานบรู๊คลิน ก็แค่จบการประกาศแล้วมาหาเธอแค่นั้น ทั้งคู่แยกจากกันแบบลังเล สบตากัน (ฮา…อยากรู้ใช่ไหมว่าคนใส่หมวกจะทำอย่างไร)
ทั้งคู่ใกล้จะจูบกัน ริชาร์ดสันกระดิกนิ้ว ข้อความเด้งขึ้นหน้าจอชาร์ลีทันที เดวิดถูกเร่งรัดให้รีบเดินทาง เขาหอมเธอที่แก้มแทนแล้วสัญญาว่าจะไม่ให้อะไรมาขวางการพบเจอของเขากับเอลีซอีก
ริชาร์ดสันเปลี่ยนสถานที่ซ้อมของเอลีซเป็นที่บริษัท เธอจะไม่มาที่ท่าเรือ 17 แน่นอน เดวิดประกาศการลงรับเลือกตั้งเสร็จ เขาให้ชาร์ลีสัมภาษณ์กับนักข่าวแทน เขารีบลงเรือข้ามไปหาเอลีซ แต่ท่าเรือ 17 ว่างเปล่า…
เดวิดโทร. หาบริษัทบัลเล่ต์ ริชาร์ดสันตัดสัญญาณมือถือ ผู้ช่วยของริชาร์ดสันคาดเดาทางเลือกว่าเดวิดต้องไปขอใช้โทรศัพท์ที่ป้อมยามคนเฝ้าที่จอดรถ และร้านอาหารฝั่งตรงข้าม ริชาร์ดสันบอกว่าเขาตัดสัญญาณทุกอย่างในละแวกนี้หมดสามบล็อกแล้ว เดวิดใช้โทรศัพท์ที่ป้อมยามไม่ได้
เขาเผชิญหน้าริชาร์ดสันกับผู้ช่วยระหว่างข้ามถนนไปร้านอาหารฝั่งตรงข้าม ริชาร์ดสันต่อว่าเดวิด และเขาคิดว่าเดวิดจะเข้าใจแล้วว่าจะไม่พบเอลีซอีก เดวิดแก้ตัวว่ามันนานมากแล้วและเขาอาจลืมไปได้ “คุณทำให้เราเจอกัน 3 ครั้ง” ริชาร์ดสันบอกว่ามันไม่ใช่เพราะพวกเขา มันเป็นแค่ความบังเอิญ
เดวิดถามอีกว่าทำไมถึงกีดกันพวกเขาทั้งคู่ ริชาร์ดสันบอกว่า “เพราะแผนบอกว่าอย่างนั้น” เดวิดโต้แย้งว่าทำไมคิดว่าแผนถูกต้องละ แผนอาจผิดก็ได้ ริชาร์ดสันถอนใจ เขาบอกว่า “คุณไม่รู้หรอกว่าใครเขียนแผน คุณควรแสดงความเคารพบ้าง” (นี่คือลิขิตฟ้านะเดวิด…อย่าบังอาจหือ)
เดวิดโต้ว่าถ้าเขาไม่ควรอยู่กับเธอ ทำไมเขาจึงรู้สึกโหยหาเธอขนาดนี้ ริชาร์ดสันว่ามันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่เขียนอยู่ในแผนสิสำคัญที่สุด (เมื่อเทวดากลายเป็นหัวสี่เหลี่ยมไปแล้ว) เดวิดย้อนริชาร์ดสันว่า ถ้างั้นริชาร์ดสันก็ไม่รู้ใช่ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ควรจะอยู่กับเอลิซ ริชาร์ดสันอึ้ง แต่ผู้ช่วยดูสมุดแล้วร้องโอ้…
เดวิดวิ่งตรงเข้าร้านอาหาร เขาขอโทษก่อนตะโกนถามว่ามีใครรู้จักบริษัทบัลเล่ต์ซีดาร์ เลคบ้างไหม โชคดีมีคนที่กินอาหารรู้จักและบอกที่อยู่ให้เขา แน่นอนที่สุด
ริชาร์ดสันต้องขัดขวางแน่นอน เขาปัดแท็กซี่ทุกคันไม่ให้เดวิดได้เรียก แม้กระทั่งทำให้แท็กซี่เกิดอุบัติเหตุ โชคดีที่เดวิดได้แท็กซี่
ริชาร์ดสันกับผู้ช่วยรีบวิ่งตาม พวกเขาเทเลพอร์ตเข้าประตูข้ามเมืองไล่ตามแท็กซี่ที่เดวิดนั่ง แต่ไม่ทัน เดวิดถึงบริษัทบัลเล่ต์แล้ว เขาเปิดประตูเห็นเอลีซกำลังฝึกซ้อม
ริชาร์ดสันเดินตามมา บอกว่าเดวิดถึงขีดจำกัดการกระเพื่อมของตัวเองแล้ว และเขาจะส่งเรื่องของเดวิดขึ้นไปเบื้องบน เขาหันหลังกลับ พูดกับผู้ช่วยว่า “เดวิดไม่รู้เลยว่ากำลังสู้กับใคร”
หลังเอลิซซ้อมเต้นเสร็จ ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน คุย หยอกล้อ ไปเต้นรำด้วยกันที่คลับ หลังจากนั้นเดวิดเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้เอลีซฟังและเรื่องแรงบันดาลใจของการก้าวเข้าสู่การเมืองของเขาให้เอลีซรู้ เธอยกมือขึ้นทาบที่อกเขา ทั้งคู่จูบ และร่วมรักกันบนเตียงของเอลีซ
ในขณะที่ทั้งคู่หลับ ชายผมขาวใส่หมวกมีอายุกว่าริชาร์ดสัน ยืนมองทั้งคู่อย่างสงบนิ่งอยู่ปลายเตียง
ขอบคุณรูปถ่ายจาก Netflix
ขอบคุณรูปถ่ายจาก Netflix
ติดตามในตอนที่ 3 ต่อไปนะครับ ว่าท่านประธานจะจัดการกับเดวิดและเอลีซอย่างไร แล้วใครคือชายผมดำที่ยืนอยู่ปลายเตียงของเอลีซ
References:
2. Netflix
โฆษณา