12 มิ.ย. 2020 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
ไม่ขายไม่ขาดทุน…จริงเหรอ?
วันนี้ตลาดหุ้นเปิดร่วงกว่า 40 จุด เลยขอเอาเรื่องนี้มาเล่าซะหน่อย
ใครที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ผมว่าน่าจะต้องได้ยินคำว่า "ไม่ขายไม่ขาดทุน" กันมาบ้าง แล้วไม่ขายก็ไม่ขาดทุน มันจริงรึไม่ ลองมาดูกันนะครับ
ไม่ขายไม่ขาดทุน
เมื่อก่อนผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ แต่พอเราเรียนรู้มากขึ้น มีประสบการณ์การลงทุนมากขึ้น กลับพบว่า
การที่เราเสียโอกาสที่ให้เงินทำงาน ในเวลาที่เสียไป นั่นก็คือ การขาดทุนอย่างหนึ่ง
เพราะพื้นฐานของการลงทุน ทุกคนย่อมหวังที่จะกำไร
ยกตัวอย่างเช่น
เราลงทุน 1 หมื่นบาท แต่หุ้นที่ซื้อเกิดราคาร่วง ทั้งๆที่มันควรจะได้ผลตอบแทน กลับต้องยอมติดหล่มอยู่ตรงนั้นเป็นปีๆ หรืออาจนานกว่านั้น จากที่ควรจะได้กำไรกลับกลายเป็นเสียโอกาสและต้องรอเวลาไปซะอย่างงั้น ก็แหละนะการลงทุนนั้นเราไม่มีทางรู้ได้ว่ามันจะกำไรแน่ๆ อยู่ที่การวางแผนและการจัดการความเสี่ยงของแต่ละคน
ดังนั้น ก่อนการเข้าซื้อ ควรมีตัวเลขคัทลอสหรือการตัดขาดทุนไว้ในใจทุกครั้งครับ
มีคำกล่าวว่า…สิ่งที่สำคัญที่สุดของการลงทุน
มิใช่ "กำไร" หากแต่เป็น…"เงินต้น"
เพราะ เมื่อเงินต้นยังอยู่ เรายังมีโอกาสสร้างกำไรใหม่ได้เสมอ
เราจึงจะเห็นเวลาที่ต่างชาติเทขายหุ้นไทย เขาจะขายแบบไม่สนใจราคา
ในวันที่เขาเกิดความไม่มั่นใจ และคิดว่าควรขาย เพราะเขาต้องการรักษาเงินต้นไว้นั่นเอง
แต่เชื่อมั้ยครับ เวลาต่างชาติเขาจะขายจริงๆ ด้วยเงินที่มหาศาล เขาจึงจำเป็นต้องวางแผนการขายล่วงหน้าเป็นปีๆ เลยที่เดียว ก็เพื่อไม่ให้กระต่ายตื่นนั่นเองครับ
ตารางการ Loss และ Recovery
เรามาดูตารางตัวเลขของเปอร์เซ็นต์การลอสกันดีกว่า
จะเห็นได้ว่า ยิ่งเราปล่อยให้ลอสมากขึ้นเท่าใดนั้น เราต้องใช้เปอร์เซ็นต์ของกำไรทวีคูณยิ่งขึ้น เพื่อที่เราจะได้กลับมาเท่าทุน
ยกตัวอย่างเช่น
เราลงทุน 100 บ. เราขาดทุน 50% เท่ากับเงินจำนวน 50 บ.
หากเราต้องการจะให้กลับมาเท่าทุนจากจุดขาดทุนตรงนี้ เท่ากับเราต้องกำไร 50 บ. มันคือ 100% นั่นเองครับ
เพราะฉะนั้น ยิ่งเราปล่อยให้เสียหายมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะกลับมาก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ แบบทวีคูณครับ แต่เชื่อมั้ยครับ…ยอมทนที่จะขาดทุนว่ายากแล้ว แต่ยอมทนที่จะกำไรนั้นยากยิ่งกว่าอีก
ยังไงฝากติดตามกันไว้ด้วยนะครับ
โฆษณา