13 มิ.ย. 2020 เวลา 02:31 • การศึกษา
⭐️⭐️⭐️ความฝันของเรา...ยิ่งใหญ่กว่าอุปสรรคใดๆในโลก. Big Dream
เมื่อปีที่แล้ว ได้ไปทัวร์มหาวิทยาลัยในเยอรมัน มีหนุ่มน้อยฝันอยากเป็นนักบิน เมื่อค่าเรียนในเมืองไทยบวกไปบวกมาแพงกว่าหรือพอๆกันกับไปเรียนต่อที่เยอรมัน
เพราะจะว่าไปแล้วจะทำให้ราคาค่าเรียนในเมืองไทยถูก คงยาก
จึงตัดสินใจไปเรียนต่อประเทศที่เป็นที่มาของการสร้างเครื่องบิน 🇩🇪เยอรมนี
ขอบคุณภาพสร้างแรงบันดาลใจจาก Unilever Network
เมื่อติดต่อทางเอเจนซี่ GEDC เพื่อขอไป โปรแกรม orientation university tour กับทางมหาวิทยาลัย ทาง U ที่เยอรมันจัดโปรแกรมให้อย่างดีมาก ยอดเยี่ยม
อยากเรียนวิศวะอากาศยาน ใช่ไม๊ ?? ไหนๆมาทั้งทีมาให้รู้ถึงแหล่งกำเนิด กันเลยทีเดียว
ตามมาตามมาค่ะ ป้าจะพาไป Adlershof แหล่งกำเนิดเครื่องบินของเยอรมนี
อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Adlershof อาดเลอร์โฮฟ อยู่ในเบอร์ลิน ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1909 โดยพี่น้อง ตระกูล Wright บนพื้นที่กว่า 2,625.40 ไร่ (1,038 เอเคอร์) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงบอร์ลิน ใกล้กับสนามบินบรันเดินบวร์ค (Brandenburg) ประมาณ 15-20 กิโลเมตร
😂😂ลืมไปแล้วว่าพี่น้องตระกูลไร้ท์ไปสร้างไว้ทำไม จะตามหาข้อมูลมาให้นะคะ
ก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามโลกนี้ Adlershof เป็นต้นแบบของวิศวกรรมการบินของเยอรมนี เรียกว่า
“สถาบันทดลองแห่งเยอรมนีเพื่อการบิน”
(Deutsche Versuchsanstalt für Luftfahrt - DVL) ทำให้ Adlershof มีสำนักงานใหญ่ ห้องปฏิบัติการทดสอบอุโมงค์ลม และโรงเก็บเครื่องบิน
ถูกสร้างขึ้นในยุค 20 และ 30 และเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน
มีอุโมงค์ลมที่ไว้ทดสอบการบินของเครื่องบิน
อุโมงค์ลมเมื่อเทียบกับตัวคน
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 Adlershof เป็นเป้าหมายสำคัญที่ถูกโจมตี เพราะเป็นโรงงานเครื่องบินของทหารเยอรมัน หลังสงครามโลกจบลง Adlershof ก็พังทลายไป เหลือไว้เพียงอุโมงค์ลม กับสิ่งก่อสร้างไม่กี่อย่าง
นอกจากนั้น สนธิสัญญาแวร์ซายส์ได้ถูกทำขึ้น หลังเยอรมันแพ้สงคราม ให้ยุติการทำเครื่องบินทหารทั้งหมดในเยอรมนี ในปี 2463
ปัจจุบัน Adlershof เป็นอุทยานวิทยาศาสตร์และส่งเสริมธุรกิจใหม่ๆและ SME ใน Berlin
Adlershof เป็นหนึ่งใน 15 อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การวิจัยและพัฒนาของที่นี่ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ติดอันดับหนึ่งในสามเขตนวัตกรรมที่ก้าวหน้าที่สุดในสหภาพยุโรป
เมื่อได้เข้าไปฟังบรรยายเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับ Adlershof ก็ต้องรู้สึกทึ่งในความสามารถของคนเยอรมัน
หนึ่งในคำขวัญของพนักงานที่นี่ สังเกตจากเสื้อของผู้เป็นวิทยากรบรรยาย ไม่พ้นเป็นquoteคำพูด ของบุรุษหู่ยิ่งใหญ่ ไอน์สไตน์
ประวัติศาสตร์การบินของโลก แบ่งเป็นช่วงเวลาต่างๆกว่าจะมาเป็นเครื่องบินที่มีเครื่องยนต์ที่บินได้จริงๆของพี่น้องตระกูลไร้ท์ เริ่มจากที่เยอรมนี นี่แหละค่ะ
อ๊อตโต้ ลิเลียนธาน (Otto Lilienthal)
เกิด 23 พฤษภาคม พ.ศ.2391
ถ้าหากถามว่าจุดเริ่มต้นของการศึกษาเรื่องอากาศพลศาสตร์เริ่มที่ตอนไหน คงต้องย้อนกลับไปถึงในช่วงที่มนุษย์ฝันอยากจะบินไปในอากาศ ในยุคที่การบินเป็นเรื่องเพ้อฝันและโง่เขลา และใครกันที่บินได้สำเร็จเป็นครั้งแรกและเขาศึกษาเกี่ยวกับสิ่งใด
เครื่องร่อนเครื่องแรกของโลก อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในเยอรมนี ที่เห็นคือจำลองมาจากของจริงดั้งเดิมอยู่ที่ Adlershof
ในประวัติศาสตร์การบินในยุคแรกไม่มีใครไม่รู้จัก อ๊อตโต้ ลิเลียนธาน นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน
เขาและน้องชายชื่อกุสต๊าฟ ทำการศึกษา วิจัยและทดลองเกี่ยวกับแรงของอากาศที่มีผลต่อปีกของสิ่งประดิษฐ์และรูปแบบของปีกที่มีอยู่ตามธรรมชาติด้วยว่าวและโมเดลจำลอง
นำมาซึ่งผลงานการประดิษฐ์เครื่องร่อน 18 แบบที่แตกต่างกันในระยะเวลามากกว่า 5 ปี
และในที่สุดภาพที่โด่งดังและเป็นแรงบัดดาลใจของนักประดิษฐ์ทั่วโลก คือภาพที่อ๊อตโต้ ลิเลียนธานกระโดดและร่อนลงมาจากเนินเขา ไปได้ไกลถึง 80 ฟุต ด้วย
นับเป็นเครื่องร่อนชิ้นแรกที่นำมนุษย์บินได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก
พี่น้องลิเลียนธานทำการทดลองด้วยการร่อนมากกว่า 2,000 ครั้ง
ก่อนที่เกิดความผิดพลาดจากการทดลองและตกจากความสูงประมาณ 56 ฟุตทำให้กระดูกสันหลังของงเขาหักและเสียชีวิตวันต่อมา
ในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2439 ด้วยอายุ 48 ปี ในปัจจุบัน เครื่องร่อนที่เขาได้สร้างขึ้นและแบบจำลอง ได้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์อ๊อตโต้ ลิเลียนธาน ประเทศเยอรมัน
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ใน​ปี 1889 ออตโต ลิเลียนทาล ซึ่ง​ได้​รับ​แรง​บันดาล​ใจ​จาก​ลักษณะ​การ​บิน​ของ​นก​กระสา ได้​ตี​พิมพ์​หนังสือ “การ​บิน​ของ​นก พื้น​ฐาน​ของ​วิชาการ​บิน”
หลังจากที่ ลิเลียนทาล​ เสีย​ชีวิต​ขณะ​ทำ​การ​บิน​ด้วย​เครื่อง​ร่อน​ปีก​ชั้น​เดียว.
ออคตาฟ ชานุต วิศวกร​ชาว​อเมริกัน​เชื้อ​สาย​ฝรั่งเศส​ ได้​ต่อ​เติม​แบบ​ของ​ลิเลียนทาล​ให้​ละเอียด​ขึ้น​และ​พัฒนา​เป็น​เครื่อง​ร่อน​ปีก​สอง​ชั้น
ซึ่ง​ถือ​เป็น​ความ​ก้าว​หน้า​ขั้น​สำคัญ​อีก​ก้าว​หนึ่ง​ใน​การ​ออก​แบบ​เครื่องจักร​บิน​ได้​ที่​หนัก​กว่า​อากาศ.
มาถึงยุคของพี่น้องตระกูลไร้ท์
ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นสองคนแรกที่ได้ออกแบบและสร้าง เครื่องบิน ที่มีเครื่องยนต์กับต้นแบบของเครื่องบินที่ใช้ได้จริง
โดยในปี ค.ศ. 1900 ทั้งสองตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกขึ้น โดยเครื่องบินของเขามีลักษณะคล้ายกับเครื่องร่อนทำด้วยโครงเหล็ก
ส่วนปีกทำด้วยผ้า และใช้เครื่องยนต์ขนาด 12 แรงม้า ทั้งสองได้นำเครื่องบิน ทดลองบินระยะสั้นเพียง 1-2 นาที เท่านั้น
ต่อมาในปี ค.ศ. 1902 ทั้งสองได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นตามคำแนะนำของออคตาฟ ชานุท ซึ่งเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับความกดอากาศ ทั้งสองได้นำการทดลองภายในอุโมงค์ลมมาปรับปรุงเครื่องบิน ทั้งสองได้เพิ่มหางเสือเข้าทางด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง เพื่อควบคุมทิศทางการบิน
ปีกของเครื่องบินเป็นปีก 2 ชั้น
ขนาดประมาณ 32 ฟุต สามารถขยับขึ้นลงได้ เขานำเครื่องบินลำที่ 3 ทดลองขึ้นบินที่คิลล์ เดฟวิลล์ ฮิลล์ ทั้งสองได้ทดลองบินอยู่นานถึง 39 วัน
และทดลองบินกว่า 1,000 ครั้ง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการควบคุมทิศทางของเครื่องบิน และระยะเวลาที่เครื่องบินทำการบิน
จากเรื่องราวส่วนหนึ่งที่เล่ามา ป้าผู้เขียนได้รับความรู้จากวิทยากรที่ Adlershof
ยังมีรูปที่Adlershof อีกนิดหน่อย ด้านล่างนะจ๊ะ
อุโมงค์ลมมีขนาดใหญ่มาก
นอกจากนั้นก็ยังมีอุโมงค์ลมในแนวตั้ง เพื่อทดสอบการร่อนของนักบิน เวลาโดดออกจากเครื่องบิน
อุโมงค์ลมแนวตั้งที่เป็นเหมือนปล่องลมตันๆอ้วนๆ
เมื่อเข้สไปในอุโมงค์ลมแนวตั้งมองลงไป จะเห็นพัดลมขนาดใหญ่มากๆ ที่ยังไม่พังลงไปจากสงคราม
แผนภาพภายในอุโมงค์แนวตั้ง กับเครื่องกำเนิดลมด้านล่าง
สรุปรวมๆกว่าที่จะสำเร็จเป็นเครื่องบินที่เรานั่งทุกวันนี้ มีที่มายาวนาน มีเรื่องเล่าหลายร้อยเรื่องทีเดียว
ปัจจุบันหลังจากสิ้นสงคราม Adlershof เป็นเหมือนนิคมอุตสาหกรรมขนาดย่อมๆ ให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ๆไปลองทำธุรกิจที่ไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม
ทุกตึกใน Adlershof บนดาดฟ้าจะเป็นที่ปลูกพืชเพื่อทำการทดลอง ปลูกไว้เป็นอาหาร คือไม่มีพท้นที่เหลืออยู่ว่างๆ
และทุกอาคารจะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าไว้ใช้ เรียกว่าทุกอย่างที่นี่ถูกใช้อย่างคุ้มค่าจริงๆ
เห็นแผงโซลาร์เซลล์บังแทนกันแดด
ภาพนี้ก็เห็นได้ชัดเจน
ภายในนิคมอุตสาหกรรมที่นี่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Humboldt ภาควิชาเคมีและฟิสิกส์ตั้งอยู่ด้วย
เรียกว่าได้รับความรู้มากมาย จากวิทยากรและทีมงาน
ผู้เขียนมีความรู้สึกตลอดเวลาที่ไปเยี่ยมชมอย่างเป็นทางการในทุกสถานที่ว่า เขาเต็มใจให้ความรู้กับเรามากๆ ยินดีและเต็มใจถ่ายทอดให้
หลังจากเยี่ยมชมที่นิคมอุตสาหกรรม Adlershof เสร็จ ก็ไม่นึกกังวลอีกเลยว่า ลูกเราซึ่งเป็นเด็กต่างชาติจะได้รับความรู้เหมือนเด็กเยอรมันเองหรือไม่
อยากรู้อะไร ต้องได้รู้
เป็นอุปกรณ์ที่ฝังอยู่ทั่วไปในAdlershof ไว้รับคลื่นเสียงไกลๆที่หูเราไม่ได้ยิน เจ้าเครื่องนี้เมื่อได้ยินจะพร้อมกันส่งเสียงออกมา
หน้าทางเข้าอุโมงค์ลม ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแต่เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ในประวัติศาสตร์ โรงงานเครื่องบินแห่งแรกในเยอรมนี
อุโมงค์ลมมีไว้ทำไม
อุโมงค์ลม หรือหลายคนอาจจะคุ้นกับชื่อ วินด์ทันเนล (wind tunnel) ซึ่งเจ้าอุโมงค์ลมก็คืออุโมงหรือท่อที่มีลมเคลื่อนที่ลอดผ่าน
มีไว้ก็เพื่อทดลองหรือทดสอบทางอากาศพลศาสตร์ หรือที่เรียกทับศัพท์ว่า แอโรไดนามิกส์ (aerodynamics) หลายคนยัง งง! อยู่
งั้นขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พอเห็นภาพแล้วกัน อย่างเช่นในการผลิตเครื่องบินขึ้นมาสักลำ ก็ต้องออกแบบปีกเครื่องบินซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ทำให้เครื่องบินยกตัวสูงขึ้น แล้วปีกเครื่องบินนี้มันจะต้องมีรูปร่าง ส่วนโค้งส่วนโค้งส่วนเว้าสักเท่าไหร่ถึงจะสามารถยกน้ำหนักมหาศาลของตัวเครื่องบินและสิ่งที่บรรทุก เขาก็ใช้อุโมงค์ลมนี่แหละเป็นตัวทดสอบ อาจจะเอาแบบจำลองขนาดเล็กหรือต้นแบบที่มีอัตราส่วนเท่าของจริง มาติดตั้งในอุโมงค์ลม แล้วก็ดูผลการทดลองเมื่อปล่อยลมผ่าน และลมนี้สามารถปรับให้มีความเร็วต่าง ๆ ได้อีกด้วย
บางคนรู้สึกว่าการยกตัวอย่างเครื่องบินนี่ไกลตัวจัง ถ้าอย่างนั้นก็ยกตัวอย่างรถที่ขับขี่บนท้องถนนก็แล้วกัน เนื่องจากรถต้องขับเคลื่อนโดยปะทะกับแรงลม ทำให้ต้องออกแบบรูปทรงรถให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้รถเกิดการพลิกคว่ำขณะขับขี่ และในการออกแบบรูปทรงรถนี้
เขาก็ทำการทดสอบกันในอุโมงค์ลม หรือแม้แต่นักกระโดดร่ม ก็จะต้องฝึกตัวเองในอุโมงค์ลม ก่อนไปกระโดดจริง จากตัวอย่างคงนึกภาพออกแล้ว คราวนี้บางคนสงสัยอีกว่าอุโมงค์ลมนี่มันมีขนาดใหญ่แค่ไหนกัน คำตอบก็คือมีทั้งขนาดมหึมาอย่างที่นาซ่า ซึ่งใหญ่พอที่จะบรรจุเครื่องบินที่มีความกว้างของปีกจากด้านหนึ่งไปยังด้านหนึ่ง 30 เมตร ความยาว 420 เมตร และสูง 54 เมตร ทีเดียว
จำลองภายในอุโมงค์ลมของนาซา
ท้ายสุดของโพสต์นี้ ผู้เขียนชอบวลีที่ว่า
“ความใฝ่ฝันของเรายิ่งใหญ่กว่าอุปสรรคใดๆในโลก”
วันนี้รีบลุกขึ้นมา ติดปีกแห่งความฝันแล้วลงมือทำกันนะจ๊ะ
โฆษณา