13 มิ.ย. 2020 เวลา 05:11 • ไลฟ์สไตล์
“ที่รัก” ผู้ที่เป็นทั้ง ความสุข ลมหายใจ และ “ที่รัก” ของผม
ผมคือ “เค้า” ของที่รักครับ
เจอกันครั้งแรกตอนผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปจีบคนที่อยู่ท้ายซอยบ้านที่รัก
เด็กอะไร ซ่ากับคนแปลกหน้า ไปอยู่ไม่กี่ครั้งรำคาญก็เลยไม่ไปอีกครับ
หลังจากนั้นไม่นาน ผมกำลังไปธุระ
เห็นด้านหลังคุ้นตา ตัวกลมๆเดินอยู่ข้างทาง ผมเลยจอดรถถาม
ว่าทำไมวันนี้เดินกลับ ที่รัก บอกว่า ตังค์หมด ผมเลยอาสาไปส่ง
ที่รักก็ยอมซ้อนท้ายครับ เจอที่รักเดินอยู่ 2-3 ครั้ง ผมก็ไปส่งทุกครั้ง
ผมเลยให้เบอร์ที่รักไว้ ว่าถ้าถึงแล้วให้โทรหา ผมจะไปส่งที่บ้านให้
ที่รักโทรมาทุกวันที่ไปโรงเรียนเลยครับ
ไม่นานเราก็เป็นแฟนกัน เวลาไปเที่ยวหรืออยู่ด้วยกัน
ที่รักจะไม่ยอมดื่มหรือกินอะไรเลยครับ มารู้ทีหลังว่าที่รักอาย
ทนหิว พอแยกกันที่รักกลับบ้านไปกินข้าวถล่มทลายเลยครับ
คบกันได้ 2 ปีกว่า ที่รักท้อง ผมดีใจมาก
แม่ที่รักเรียกผมไปคุยว่าจะรับผิดชอบยังไง ผมยอมรับทุกอย่างครับ
แม่ที่รักเลยให้ผมไปอยู่ด้วยหลังจากที่รักคลอดลูกแล้วไม่นาน
พอลูกอายู 7 เดือน ที่รักต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ
เราสองคนเสียใจมากที่ต้องแยกกัน
เราเขียนจดหมายถึงกันตลอด ผมยังเก็บไว้ทุกฉบับ
ช่วงที่ที่รักไปเรียนต่างประเทศ วันไหนผมไม่มีงานผมก็เลี้ยงลูกเองครับ
ป้อนข้าวป้อนนม อาบน้ำ พาเดินเที่ยวในหมู่บ้าน กลางคืนก็นอนกับลูกตลอด จนที่รักกลับมา
เราสองคนทำงานกับแม่ของที่รัก
ผมมีหน้าที่ขับรถและคอยเรียนรู้งานจากแม่
จากที่ก่อนจะมาอยู่กับที่รัก ผมเป็นลูกน้องมาก่อน
แม่สอนจนผมสามารถคุมลูกน้องมากมายหลายคนได้
สอนผมเรื่องงานทุกอย่าง พอแม่สร้างโรงงานเอง
กิจการของเราก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ที่รักกับผมมีลูกด้วยกัน 3 คน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมต้องไปหาลูกค้าที่ต่างจังหวัดกับแม่
ผมหลับในรถชนต้นไม้ข้างทางแล้วล้มมาทับหลังคารถ
ตอนรถพยาบาลมา ผมยังมีสติ ขอโทรหาที่รักเพื่อแจ้งข่าวเรื่องอุบัติเหตุก่อน หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ตัว มารู้อีกทีก็ตอนที่รักมาหาที่โรงพยาบาลแล้ว
ตอนนั้นใครถูกตัวผมไม่ได้เลย มันเจ็บไปหมดเหมือนถูกเข็มแทง
พอย้ายมาโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯแล้ว
ที่รักก็เฝ้าผมตลอด ทั้งๆที่แม่ที่รักก็เจ็บมากเช่นกัน
อยู่โรงพยาบาลได้เกือบเดือนก็กลับบ้าน
ระหว่างนั้นที่รักพาผมไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลทุกวัน
เป็นเวลาเกือบปี
อุบัติเหตุทำให้กระดูกสันหลังผมทรุด หมอบอกห้ามยกของหนักเกิน 5 กิโล ไม่งั้นได้นอนเฉยๆตลอดชีวิตแน่ๆ
เวลามีของหนักต้องยก หน้าที่จึงตกเป็นของที่รัก
จนเมื่อไม่กี่ปีนี้เองผมไปตรวจซ้ำ หมอบอกว่าใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ผมจึงเริ่มยกของหนักแทนที่รัก
เราทำงานแยกหน้าที่และสถานที่
จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่รักต้องมาทำงานที่เดียวกับผม
อยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากับเกือบทั้งวันและทุกวัน
แรกๆผมนึกว่าเราจะทะเลาะกันบ่อย
แต่ที่ไหนได้ เวลาไม่เจอกัน เราคิดถึงกันและกันครับ
อยู่ในออฟฟิศเราจะกอดกัน หอมกัน จุ๊บกัน ทุกครั้งที่มีโอกาส
มื้อเที่ยงออกไปทานข้าวด้วยกัน ผมเลือกที่จะไม่เป็นคนเลือกร้านครับ
ให้ที่รักเลือกตามที่เค้าอยากทาน
อยากทานอะไรผมพาไปทานทุกร้าน ใกล้-ไกลแค่ไหนก็พาไป
ที่รักของผมเป็นคนไม่แต่งหน้า ไม่แต่งตัวครับ
เสื้อผ้าของที่รักเรียบง่ายมากๆ คือ ซื้อเหมือนกันทั้งเสื้อและกางเกง
อย่างละ 3 ตัว ใส่ชุดเหมือนกันทุกวันครับ
ที่รักบอกขี้เกียจมานั่งคิดทุกเช้าว่าจะใส่ชุดอะไร เลยแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้
ที่รักเข้าร้านทำผมปีละครั้งครับ ใช่ครับอ่านไม่ผิด ปีละครั้ง ตัดอย่างเดียว
ไม่ดัดไม่ไดร์อะไรทั้งสิ้น ที่รักบอกเสียเวลาครับ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ที่รักของผมเมื่อก่อนเค้าไม่ได้หน้าตาเหมือนเดี๋ยวนี้นะครับ
เค้าเป็นไทรอยด์เป็นพิษเลยทำให้ตาของที่รักโปนออกมา
ซึ่งทำให้ที่รักเสียความมั่นใจมากอยู่หลายปีตั้งแต่เริ่มเป็น
ที่รักไม่ค่อยชอบมองกระจกครับ เค้าบอกว่ารับสภาพตัวเองไม่ได้
จนมีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมกอดและหอมที่รัก แล้วบอกที่รักว่า
“คนสวยของป๊า คนอื่นมองไม่สวยยังไงป๊าไม่สน ป๊ามองว่าสวย”
หลังจากนั้นดูเหมือนว่าที่รักจะยอมรับตัวเองได้ขึ้นมาครับ
วันเกิดที่รักทุกปี ผมจะมีช่อดอกไม้ให้ตลอด จนมาสิบกว่าปีให้หลังที่รักบอกไม่ต้องซื้อให้แล้ว เปลืองเงิน เสียทรัพยากร
เวลาไปข้างนอกด้วยกัน ผมชอบแกล้งที่รักครับ บางครั้งก็แกล้งขัดขา
แต่ผมคอยประคองอยู่ครับ หรือบางทีเดินคุยกันอยู่ดีๆ
ผมไปแอบที่รักที่หลังเสา เห็นที่รักเดินพูดคนเดียวแล้วหันมาหาผมไม่เจอ ทำหน้าเหวอๆ ผมทั้งขำทั้งสงสาร แต่ก็ไม่เลิกทำครับ
บางครั้งที่รักพูดผมจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ต้องโดนเมียบ่นถึงจะสบายใจครับ
บางครั้งที่รักก็เอาคืนผมด้วยการเดินข้างหลังผม แล้วยื่นเท้ามายันพับใน
ผมเข่าแทบทรุดครับ หรือเดินๆอยู่ที่รักเตะก้นผมก็มีครับ
เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร
หน้าที่ของผมในบ้าน คือซ่อมข้าวของเครื่องใช้
และทำความสะอาดห้องนอนครับครับ
ที่รักเป็นพังผืดทับเส้นประสาทที่มือ
แค่ทำความสะอาดกรงแมวกับทำอาหารให้ผมทาน ที่รักก็ปวดมือแย่แล้วครับ ผมเลยช่วยแบ่งเบาด้วยการทำความสะอาดห้องให้
แต่ไม่ได้ทำทุกวันนะครับ วันไหนนึกขึ้นได้ก็ทำ
เรื่องอาหาร อยากทานอะไร บอกที่รัก ทำให้ได้หมดครับ
ขนาดที่รักไม่ทานสัตว์ปีก แต่ผมอยากทานเป็ดผัด หรือไก่ทอด
ที่รักก็ทำให้ครับ แต่เป็ดและไก่ต้องหั่นมาให้เรียบร้อย
ที่รักไม่แตะต้องเป็ดหรือไก่เลย ที่รักไม่ชิมรสชาติ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่รักกะเครื่องปรุงถูกได้ยังไง รสชาติดีเลยครับ
ที่รักเคยถามผม ว่าคิดว่าเริ่มรักที่รักตอนไหน
ผมตอบไปว่าน่าจะเป็นตอนที่ถูกที่รักไถเงิน ตอนไปจีบคนท้ายซอยบ้านที่รักแต่ที่รักบอกว่าตอนนั้นที่รักไม่ชอบหน้าผมเลย
ที่รักถามอีกว่าทำไมต้องเรียกที่รักว่าที่รัก ผมย้อนไปว่า
ถ้าไม่เรียกที่รัก เรียก อีอ้วน ได้มั้ย ที่รักไม่ตอบครับ
ผมจึงเรียกที่รักว่าที่รักมาตลอด
เวลาผมให้ของหรือให้เงิน ที่รักจะยกมือไหว้ผมทุกครั้ง
แต่ผมไม่กล้าถามเหตุผลหรอกครับ กลัวคำตอบ
นี่แหละครับ “ที่รัก” ของผม
ผู้ที่เป็นทั้ง ความสุข ลมหายใจ และ “ที่รัก” ของผมตลอดไป
รูปนี้สิบกว่าปีแล้ว ลูกแอบถ่ายให้ครับ
โฆษณา