13 มิ.ย. 2020 เวลา 13:05 • ธุรกิจ
คุณเคยประสบปัญหาไหม แล้วคุณอาจอยากให้ใครสักคนทำบางสิ่งบางอย่างให้แก่คุณ โดยต้องการให้เขาทำออกมาจากใจเขาเองไม่ใช่การบังคับตามหน้าที่
บางครั้งถึงคุณจะพูดอะไรมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะทำในสิ่งที่คุณปรารถนาเลยแม้แต่น้อย
ครั้งหนึ่งเดลคาร์เนกี้ กำลังจะจัดงานสำหรับการอบรมของเขา สำหรับงานนี้เขาต้องใช้เวลาถึง20 คืนเลย เขาก็ประสบปัญหาที่น่าปวดหัวอย่างมาก
นั่นก็คือการปรับขึ้นราคาแบบกระทันหันสูงขึ้นหลายเท่าตัวสำหรับค่าเช่าห้องใช้สำหรับอบรม
ถ้าปกติเขาเพียงแค่เปลี่ยนโรงแรม แล้วไปหาสถานที่ใหม่ราคาพอเหมาะมันก็จบจริงไหม แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นนะสิ
เหตุผลเพราะเขาประกาศสถานที่ในการจัดงานออกไปแล้ว พิมพ์ตั๋วออกมาหมดแล้วด้วย
มันคงลำบากที่จะเปลี่ยนแปลงกระทันหัน
เดลคาร์เนกี้บอกว่าไม่ยอมแน่ๆที่จะให้เป็นแบบนี้
และเขาก็รู้ว่าทางโรงแรมก็คงไม่ยอมเช่นกันเพราะพวกเขาสนใจเพียงแค่กำไรเท่านั้น
เดลคาร์เนกี้จึงเข้าพบผู้จัดการโรงแรมแห่งนี้แล้วพูดว่า "ท่านผู้จัดการตอนที่ผมทราบเรื่อง
ผมตกใจมาก แต่ผมไม่ได้โทษคุณหรอกนะ ถ้าผมเป็นคุณก็คงทำอย่างนั้น
เพราะการเป็นผู้จัดการหน้าที่คือการสร้างกำไรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากคุณไม่ทำคุณก็อาจถูกไล่ออก จริงไหม
แต่ขอถามคุณได้ไหมว่า การที่คุณคิดราคากับผมแพงแบบนี้มันจะเป็นผลดีหรือผลเสียกับทางโรงแรมล่ะ"
จากนั้นเดล คาร์เนกี้ก็นำกระดาษมาขีดแบ่งสองฝั่ง
ข้อดีและข้อเสีย
เขาเขียนลงไปว่า ห้องประชุมว่าง แล้วอธิบายให้ผู้จัดการฟังว่า
" คุณสามารถสร้างรายได้จากการปล่อยเช่าห้องประชุมสำหรับปาร์ตี้และได้เงินค่าเช่ามากกว่าการให้ผมเช่าห้องประชุมจัดงานอบรม ผมเช่าเป็นระยะเวลา 20 คืน มันอาจทำให้คุณสูญรายได้อย่างมาก"
เขาพยายามอธิบายต่อว่า ผลกระทบอีกด้านสำหรับการขึ้นค่าเช่า ปัญหาแรกก็คือ
"ผมไม่สามารถรับราคาที่สูงขึ้นขาดนี้ได้ ผมอาจไปเช่าสถานที่อื่นแทนและคุณจะไม่ได้เงินจากผมเลย
มากกว่านั้นคือขณะผมจัดงานอบรมก็จะมีคนมาใช้บริการร้านอาหารของโรงแรมของคุณและคนที่เข้ามาอบรมก็หลายพันคน มันไม่ได้เป็นการช่วยโฆษณาร้านอาหารให้กับทางโรงแรมหรอกเหรอ
แม้คุณจะจ่ายเงิน 5000 ดอลลาร์ในการลงโฆษณากับสื่อต่างๆคุณก็ไม่มีทางได้ลูกค้าเท่ากับคนที่มาอบรมแบบนี้อย่างแน่นอน นี่มันเป็นผลดีหรือผลร้ายกับโรงแรมของคุณ"
หลังจากนั้นเขาก็เขียนข้อเสียและส่งกระดาษให้ผู้จัดการโรงแรม และพูดว่า "ผมหวังว่าคุณจะเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียทั้ง 2 ด้านตัดสินใจอย่างไรแล้วจึงมาบอกผมนะครับ"
วันต่อมาเขาก็ได้รับส่วนลด50% ของราคาใหม่สำหรับการเช่าที่อบรมจากโรงแรม
จากตัวอย่างนี้จะสังเกตว่า เดล คาร์เนกี้ไม่ได้พูดถึงประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับเลย เขาพูดถึงแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้จัดการโรงแรม มันชัดเจนว่าผู้จัดการยอมรับในความคิดเห็นของเดล คาร์เนกี้ ทำให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
ในทางกลับกันถ้าหากเขาโวยวายเหมือนคนทั่วไป โดยการเข้าไปต่อว่าทะเลาะกับผู้จัดการ เช่นพูดว่า
" ผมออกตั๋วมาหมดแล้วคุณมาหักหลังผมแบบนี้ได้อย่างไร ทุกคนเขารับรู้การจัดอบรมของผมหมดแล้ว
คุณก็มาเพิ่มค่าเช่าถึงสามเท่าเสียนี่ คุณบ้ารึเปล่า หรือเสียสติผมไม่จ่ายแน่นอน"
ถ้าไปคุยทำนองนี้แบบคนหัวร้อนทั่วๆไปมันจะล้มเหลวแค่ไหน เพราะคนส่วนใหญ่มักเป็นแบบนี้แน่นอนจริงไหม
คุณคิดว่ามันจะแก้ไขปัญหาได้ไหมแม้ผู้จัดการจะรู้ว่าตนผิดแล้วยังไงละ เขาจะยอมรับเหรอ แน่นอนคงไม่ยอมหรอก
ถ้าหากคุณอยากเปลี่ยนความคิดของคนอื่น
พยายามอย่าทำให้เขาไม่พอใจหรือไปต่อว่าพวกเขา คุณควรทำให้เขารู้สึกอยากทำงานให้คุณจะดีกว่า
ร่วมแลกเปลี่ยนได้ที่คอมเม้นเลย
อย่าลืมกดติดตามเพื่อมาเก็บอาหารสมองกันกับ 9richer ก้าวที่ดีขึ้น
โฆษณา