14 มิ.ย. 2020 เวลา 13:20 • บันเทิง
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย:
Badla คาด...ให้ถึง...ฆาต...
ไนนาตื่นขึ้นมาในห้องพักของโรงแรม
และพบว่าชู้รักของเธอนอนจมกองเลือด
ตำรวจที่พังประตูเข้ามา จับกุมเธอในข้อหาฆาตกรรม
ไนนาจำได้ว่าเธอถูกทำร้ายในห้องพักก่อนจะหมดสติ
กัปตะ คือ ทนายความผู้ไม่เคยแพ้คดี และกำลังจะเกษียณตัวเอง
เขาถูกขอร้องให้ช่วยว่าความให้แก่ไนนา
สาวนักธุรกิจที่ชีวิตพังทลายจนบ้านแตก
เพราะชีวิตซ่อนชู้ และ คดีฆาตกรรมชายชู้
เมื่อกัปตะได้พบกับไนนา
เขาพบว่า ไนนามีความจริงที่ไม่ได้ถูกเปิดเผย
ทั้งสองต้องร่วมกันค้นหาระหว่าง
‘ความจริง’ กับ ‘ข้อเท็จจริง’
ทุก ๆ เบาะแส ทุก ๆ รายละเอียด
อะไรที่จะหักล้างให้เธอพ้นผิด
เขามีเวลาเพียง 3 ชั่วโมง
ก่อนที่พยานคนใหม่จะเข้าให้การกับตำรวจ
และไนนาจะต้องถูกจับในข้อหา ‘ฆ่าคนตายโดยเจตนา!’
Badla เป็นหนังอินเดีย ที่เหมือนไม่ใช่หนังอินเดีย!
Badla ไม่มีการให้ตัวละครลุกขึ้นมาร้องเพลง ไม่มีฉากมิวสิคัล
ไม่มีแม้กระทั่งเพลงร้องนำ หรือ เพลงร้องตอนจบ
แต่...Badla เป็นหนังอินเดีย ที่มีภาษาหนังเป็นสากลมาก ๆ
มากจนถ้าเปลี่ยนตัวละครจากบรรดาคนอินเดีย เป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด คุณจะได้หนังฝรั่งเฉือนคมกันเรื่องหนึ่ง
ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะต้นทางของ Badla คือ หนังสเปนเรื่อง The Invisible Guest ที่ถูกนำมารีเมค
เหตุการณ์ของหนังใช้ตัวละครสองคนที่นำคนดูไปสู่เรื่องราวทั้งหมด
หญิงดวงแตกที่ตกเป็นเหยื่อและโดนป้ายความผิด ‘ไนนา’ สาวนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง แต่ชีวิตพังที่คบชู้
จนถูกแบล็กเมล์ ก่อนที่จะจบลงด้วยการที่ชายขู้ตายเป็นศพ และเธอถูกจับ
ภาวะจิตตก กังวล และไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ แม้จะเป็นทนายความของเธอ
อย่างเดียวที่เธอบอกคือ “ฉันไม่ได้ฆ่าเขา”
และ ทนายความวัยเกษียณ ที่คนดูรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า ถ้าจะมีคนทำให้ไนนาหลุดคดีได้ ก็ต้องเป็นทนายเฒ่าคนนี้นี่เอง
ทุก ๆ คำถาม ทุก ๆ ชุดความคิด ทุก ๆ รายละเอียดคือ หนทางนำไปสู่ ‘ความจริง’ หรือ ‘ข้อเท็จจริง’
Badla มีส่วนผสมของหนังในสไตล์ฆาตกรรมในห้องปิดตาย ไร้ทางหลบหนี แต่ฆาตกรก็ยังหนีไปได้
แต่หนังก็ยังมีส่วนผสมของงานหนังแบบ Courtroom หนังเกี่ยวกับการถกเถียงกันในเชิงกฎหมาย และหักล้างกันด้วยหลักฐานที่นำไปสู่ความจริง เพียงแต่ว่ามันไม่มีฉากขึ้นศาลให้ได้เห็น สิ่งที่เราได้เห็นคือการสนทนา ไล่ไปถึงถกเถียงกันระหว่าง หญิงสาว กับ ทนายของเธอ
ขณะเดียวกันหนังก็ใช้วิธีเล่าเรื่องผ่านมุมมองที่แตกต่าง แบบเดียวกับ Rashomon ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจจากงานขึ้นหิ้งของปรมาจารย์ อากิระ คูโรซาวา
ส่วนที่ตีคู่ไปกันหนังคือ เรื่องราวในมหากาพย์ของอินเดีย ‘มหาภารตะ’ ซึ่งถ้าใครมีพื้นฐานเรื่องนี้จะทำให้ดูหนังสนุกขึ้น แต่ถึงไม่มีก็ยังได้รับอรรถรสที่สนุกเต็มที่เช่นกัน
ทั้งหมดถูกคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ภายใต้บทหนังและการนำเสนอที่ยอกย้อน พลิกไป-พลิกมา จนทำให้คอหนังแนวยอกย้อนซ่อนเงื่อนต้องไม่พลาด และได้ทดสอบสติปัญญาของตนเองว่า ‘เท่าทัน’ กับคดีฆาตกรรมอำพรางเรื่องนี้หรือไม่
สำหรับแฟนหนังอินเดียรุ่นเก่า การได้เห็น อมิตาภ ปัจจัน ในหนังอีกครั้งน่าจะอิ่มอกอิ่มใจ ถ้าใครยังจำได้ปู่ปัจจัน คือ นักแสดงหัวใจทองคำที่ยอมใช้เงินตนเองคิดเป็นเงินไทย 25 ล้านบาท เพื่อใช้หนี้ให้แก่ชาวนาในบ้านเกิดของตนเองที่รัฐอุตตรประเทศ เป็นการช่วยเหลือชาวนามากกว่า 1,300 คน ซึ่งเป็นการกระทำที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง
ใน Badla อมิตาภ ปัจจัน รับบทเป็น กัปตะ ทนายความเก๋าเกมที่ต้องคาดคั้นหาความจริง
ส่วนบท ไนนา ศูนย์กลางของเรื่องรับบทโดย เทปซี พานู ด้วยการแสดงที่เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า แววตา หรือการซุกซ่อนบางสิ่งในใจของตนเอง เรียกว่าตีบทแตกกระจุย และเชือดเฉือนกับปู่ปัจจันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
ร่วมด้วย อมริตา ซิงห์ ในบท แม่ผู้สูญเสียลูกชาย
คาด...คาดคั้น...คาดคะเน...คาดไม่ถึง!
ฆาต...ฆาตกร...ฆาตกรรม...ถึงฆาต!
คาด...ให้ถึง...ฆาต...
ความจริงอาจช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของคุณ
ไม่ว่าคุณจะทำผิดหรือไม่ได้ทำผิด
แต่ข้อเท็จจริงต่างหากที่ทำให้คุณหลุดคดี
เพราะมันคือสิ่งที่ใช้พิสูจน์ในชั้นศาล
แต่หัวใจของ Badla คือ...
การแก้แค้นไม่ใช่คำตอบเสมอไป
แต่การให้อภัยก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมเช่นกัน
หนังดี มูฟวี่การันตีครับ!
***สามารถหาชมได้ทาง Netflix ครับ
Badla (2019)
Directed: Sujoy Ghosh/Starring: Amintabh Bachchan, Taapsee Pannu, Amrita Singh, Antonio Aakeel/Screenplay: Sujoy Ghosh, Raj Vasant/Music: Slinton Cerejo, Amal Mallik, Anupam Roy/Cinematography: Avik Mukhopdhyay/Edited: Monisha R Baldawa/Running time: 118 Mins.
ขอบคุณที่มาข้อมูล-ภาพประกอบ: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes,DNA India
โฆษณา