14 มิ.ย. 2020 เวลา 09:02 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนความรักทำร้าย
ทำไมต้อง เจ็บเจียนตาย ใจสลาย เพราะอกหัก!
“อกหัก ดีกว่า รักไม่เป็น” อาจเป็นคำพูดปลอบใจ ที่ใช้กับคนที่อกหักในระดับไม่รุนแรง เพื่อให้สบายใจขึ้นได้ แต่สำหรับคนที่อกหักในระดับรุนแรง มันแทบไม่ได้ผลอะไรเลย
7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนความรักทำร้าย / psychiczin
คนที่ไม่เคยอกหักแบบใจสลาย ไม่เคยสัมผัสความเจ็บปวดในใจชนิดที่เรียกว่า "เจ็บเจียนตาย" แบบจินตนาการกันไม่ถึงเลยทีเดียว อาจยากจะเข้าใจ แต่ก็รับรู้ได้ว่ามันต้องเจ็บ ต้องเศร้า
ความเศร้า ความเจ็บปวดรวดร้าว จะมากน้อยขนาดไหน ขึ้นอยู่กับความรักเสน่หา ความสัมพันธ์ ความจริงใจ ระยะเวลาที่ผูกพันกัน และ ภาพที่วาดฝันไว้ ว่าจะมี จะเป็น ในอนาคต
เมื่อภาพอนาคตที่วาดฝันไว้ของฝ่ายหนึ่งพังทลายลงด้วยน้ำมือของ "คนรัก" ย่อมไม่มีรายไหนไม่เจ็บ
บางคนอาจคิดว่า ...จะอะไรนักหนา อกหักแค่นี้ ไม่ตายหรอก!!
แท้จริง แล้ว ...คนที่มีอาการเจ็บปวดแสนสาหัสจากเรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่การมโน ไม่ใช่พฤติกรรมการเลียนแบบ ไม่่ใช่การเรียกร้องความสนใจ (ยกเว้นบางคนที่ตั้งใจทำเช่นนั้นเพื่อการเอาชนะจริงๆ)
ทางวิทยาศาสตร์นั้นมีคำอธิบายของสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวนี้ค่ะ
Psychiczin จะพามารู้จักเจ้า “ตัวการ” ที่ทำให้เราเจ็บปวดรวดร้าวใจ เศร้าแบบโลกทั้งใบมืดมนในฉับพลัน เสมือนคนและวัตถุรอบกายหยุดเคลื่อนไหว ทำให้เราไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะก้าวเดิน
7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนความรักทำร้าย / psychiczin
เจ้าตัวแสบที่กำลังพูดถึงนี้ เป็นฮอร์โมนที่มีชื่อว่า “คอร์ติซอล (Cortisol)” มันถูกสร้างและหลั่งจากต่อมหมวกไต เป็นฮอร์โมนที่จัดอยู่ในกลุ่มสเตียรอยด์ คอร์ติซอลมีหน้าที่สำคัญในการตอบสนองต่อการอักเสบในร่างกาย และการตอบสนองต่อความเครียด
ส่วนอีกตัวชื่อว่า ”อะดรีนาลีน (Adrenaline)“ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กดการทำงานของสมอง โดยปกติแล้วจะหลั่งออกมาเมื่ออยู่ในสภาวะตึงเครียด หรือสภาวะที่รู้สึกว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย จะหลั่งออกมาจากต่อมหมวกไต และส่งสัญญาณไปที่สมอง ที่เราเคยได้ยินกันเรื่อง คนยกของหนักมากๆ เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ (ถ้าเวลาปกติยกไม่ไหว) เคยเห็นด้วยตาตัวเองเหมือนกัน คนแบกตุ่มมังกรใบใหญ่วิ่งฉิว เมื่อมีเหตุไฟไหม้ในซอยบ้าน วิ่งปรู๊ดแบบไม่พัก มาถึงจุดปลอดภัยได้ไวกว่าคนที่ถือไม้แขวนเสื้อเปล่าๆ วิ่งอีกค่ะ
คนส่วนใหญ่รู้จัก อะดรีนาลีน กันพอประมาณแล้ว งั้นเรามาทำความรู้จัก คอร์ติซอล กันค่ะ
ปกติร่างกายจะหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติซอล ออกมาปริมาณมากที่สุดในตอนเช้า ทำให้เรารู้สึกสดชื่น มีพลังที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ในทุกวัน และปริมาณฮอร์โมนนี้จะลดลงเหลือเพียง 10% ในช่วงเย็น หรือที่เรารู้สึกเมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงานว่า… “พอละ วันนี้หมดแรง สมองไม่ไหวแล้วจ้า...ไปหาอะไรทานดีกว่า” นั่นเอง
1
ดูเหมือน คอร์ติซอล ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวนี่นา
นั่นคือ คอร์ดิซอล ในระดับปกติ แต่เพราะมันเป็นฮอร์โมนที่ตอบสนองต่อความเครียด เมื่อปริมาณคอร์ดิซอลในร่างกาย สูงหรือต่ำกว่าปกติ นั่นไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย
คอร์ติซอลจะส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้แย่ลง ขัดขวางการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ ระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวน ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารแปรปรวน ประจำเดือนมาไม่ปกติ ส่วนผู้ชายก็มี สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลง ในรายที่มีอาการหนักก็ทำให้เกิด ภาวะซึมเศร้า
บางคนเครียดแล้วกินอะไรไม่ลง บางคนยิ่งเครียดยิ่งกิน อารมณ์สับสนอลหม่าน เพราะเจ้าฮอร์โมนนี่เอง
คอร์ติซอล เป็นฮอร์โมนที่ขยันทำงานและรู้มาก เมื่อร่างกายเกิดความเครียด หรือมีเรื่องกังวลใจ เศร้า ทุกข์ คอร์ดิซอล ก็จะรีบวิ่งแจ้นทำงานเพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตื่นตัว ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายอยากกินโน่นนี่ โดยเฉพาะของหวาน น้ำตาลในเลือดก็จะมากขึ้น เจ้าของร่างกายนั้นก็จะอ้วนขึ้น จนคนทั่วไปมักจะคิดว่า กินประชดจนอ้วน
คอร์ติซอล ยังมีบทบาทช่วยกระตุ้นการสูบฉีดเลือดและเพิ่มความดันโลหิต ดังนั้น ถ้าคนที่อกหักใจสลาย มีภาวะของความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว เป็นเรื่องอันตราย เพราะคอร์ดิซอลจะยิ่งขยันเพิ่มการสูบฉีด ความดันโลหิตพุ่งปรี๊ด จึงควรหยุดอาการเศร้าเพราะอกหักนี้ให้เร็วที่สุด
งั้น..ถ้าระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลต่ำล่ะ ดีมั๊ย?
7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนความรักทำร้าย / psychiczin
เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอล เกี่ยวพัน เกี่ยวโยง เกี่ยวแขน กันอยู่กับระบบการทำงานของต่อมหมวกไต หากค่าคอร์ติซอลต่ำลง อาจหมายถึงต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ
ถ้าภาษาทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า เกิดภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องชนิดทุติยภูมิ (Secondary adrenal insufficiency) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคแอดดิสัน (Addison's Disease)
หรือ เข้าใจง่ายๆ คือทำให้ ร่างกายอ่อนแรง วิงเวียนศีรษะ ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน
7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนความรักทำร้าย / psychiczin
ยามมีความรัก น้ำต้มผักก็ว่าหวาน
ก็เพราะสมองจะหลั่งสารโดปามีน หรือบางแหล่งข้อมูลเรียกว่า โดพามีน (Dopamine) หรือเรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความรัก (Love Hormone) ซึ่งทำให้คนเกิดความพึงพอใจ มีความสุขแบบอยากจะหยุดโลกทั้งใบที่หน้าเธอ นอกจากนี้ก็ยังมี ออกซิโทซิน (Oxytocin) ลดความเครียด คลายความกังวล และทำให้รู้สึกอบอุ่นใจกับคนที่ผูกพัน และเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ที่ทำให้มีความสุข เข็มจิ้มนิ้ว หนามกุหลาบตำ หรือโดนหยิกแขนก็ไม่เจ็บมาก นั่นจึงทำให้รู้สึกดีเมื่อมีความรัก
ทว่าเมื่ออกหักผิดหวังจากรักขึ้นมา ฮอร์โมนความเครียด คอร์ติซอล (Cortisol) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กดการทำงานของสมอง ที่เคยเป็นพระเอกช่วยให้เราเอาตัวรอดจากอันตรายภายนอก กลับทำให้เรารู้สึกแย่ลง
คอร์ติซอล มีผลทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายต้องการเลือดไปหล่อเลี้ยงมากขึ้น
ส่วนอะดรีนาลีน จะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย
และนี่คือ…..สาเหตุที่ทำให้เจ็บปวดที่หัวใจ เพราะหัวใจถูกบังคับให้ทำงานหนัก แล้วจะไม่รู้สึกเจ็บหัวใจเสมือนโดนมีดหลายๆๆๆๆ เล่มมารุมแทงตรงนี้ ตรงที่หัวใจ ได้อย่างไรกัน
อาการดังกล่าว ในทางการแพทย์เรียกว่า “กลุ่มอาการหัวใจสลาย” (Broken Heart Syndrome) หรืออาจเรียกเล่น ๆ ว่า “โรคอกหัก”
เพราะฉะนั้น สาเหตุที่แท้จริงๆ ของอาการเจ็บปวดรวดร้าวใจ ใจสลาย ชีวิตจะอยู่ต่อได้อย่างไร หมดเรี่ยวแรง ไม่มีแรงเดิน เพราะเธอ เพราะมัน อะไรก็แล้วแต่ แท้จริง... ไม่มีใครเอามีดมาแทงที่กลางใจ ไม่มีใครมากดเราไว้ไม่ให้ลุกเดิน แต่เป็นเพราะตัวเราไปทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเข้าใจผิด ฮอร์โมนจึงทำงานแบบผิดๆ ทำร้ายตัวเรานั่นเอง
แล้วจะทำอย่างไร เมื่อรู้สึกใจสลาย ?
เมื่อเรารู้กลไกการทำงานของฮอร์โมนแล้ว และเราก็รู้ว่า เราจะรู้สึกมีความสุขได้ถ้าสมองหลั่ง เอนดอร์ฟิน และ โดพามีน ออกมา แล้วจะรอช้าอยู่ใย ไปต่อกันเลยค่ะ
7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนความรักทำร้าย / psychiczin
7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนความรักทำร้าย
1. ร้องไห้ ซะให้พอใจ
อ่านไม่ผิดค่ะ ถ้าไม่ไหวก็จงร้องไห้ซะให้พอใจ
การหลั่งน้ำตาของคนเรา มีอยู่ 3 แบบ คือ 1. น้ำตาจากอารมณ์ 2.น้ำตาจากสิ่งเร้า 3.น้ำตาหล่อลื่น ซึ่งที่เกี่ยวกับบทความนี้ ขอพูดถึงน้ำตาจากอารมณ์นะคะ
การหลั่งน้ำตาจากอารมณ์ จะเกี่ยวพันกับระดับ ออกซิโทซิน ที่เคยกล่าวถึงไปแล้วว่า ช่วยลดความเครียด คลายความกังวล การร้องไห้ยังช่วยลดความดันโลหิต ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้ดีขึ้น ช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด คุณจะผ่อนคลายลง ฮอร์โมนความสุขจะเข้ามาเติมเต็ม
2. พูด ปรึกษา กับคนที่ไว้ใจได้ พ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่
การได้พูด ได้ระบายออกมา เป็นวิธีหนึ่งของการลดอาการเครียด ซึ่งเป็นกลไกของร่ายกาย แม้ว่าผู้ที่เราปรึกษาด้วยอาจจะมีข้อแนะนำ หรือเพียงแต่รับฟัง ก็จะทำให้ผู้ที่กำลังเป็นทุกข์รู้สึกดีขึ้น คนที่ต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้ ไม่ควรเก็บปัญหาไว้คนเดียว นอกจากว่า ระดับของอาการอกหักไม่รุนแรงนัก
เคยมีอยู่เคสหนึ่ง ริน (นามสมมุติ) ต้องแยกทางกับชายคนรักที่คบกันมา 6 ปีกว่า ซึ่งได้มีกำหนดแต่งงานกันกลางปีของปีที่ไม่คาดคิดว่าต้องเลิกลากัน ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย ก็มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เหตุเกิดเพราะฝ่ายชายไปคุมงานที่ Site งานต่างจังหวัด 4 เดือน และดันไปทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง ซึ่งมารู้อีกทีหลังจากกลับมาประจำที่สำนักงานในกรุงเทพฯ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นและญาติมาตามหาถึงที่ทำงาน ซึ่งฝ่ายชายไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบในตัวเด็ก ตั้งใจส่งเสียเลี้ยงดู แต่ฝ่ายผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ญาติก็จะเอาเรื่อง จะแจ้งความ จะฟ้อง ไปขอพบเจ้านายของฝ่ายชายถึงที่ทำงานทุกวัน รินกลัวว่าชายคนรักจะมีปัญหากับหน้าที่การงานที่กำลังไปได้ดี จึงพูดคุยกับชายคนรักด้วยเหตุผล และตัดสินใจสิ้นสุดความสัมพันธ์เพื่อให้ชายคนรักไปทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดี
เคสนี้ ดูเหมือนจะจบกันด้วยดี ไม่เคยมีใครเห็นน้ำตาของริน รินยังคงทำงานได้ตามปกติ ยังคุยเล่นกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน กินขนม กินพิซซ่า ฮาเฮ เหมือนไม่มีอะไร เมื่อกลับถึงบ้าน รินก็ไม่เคยร้องไห้ ให้คนในบ้านเห็นเลย แต่เมื่ออยู่ในห้องนอนส่วนตัว ไม่มีใคร รินกลับร้องไห้อยู่คนเดียวนาน 3 สัปดาห์ จึงหยุดร้องและใช้ชีวิตตามปกติ
หลังจากนั้นประมาณ 4 เดือน ซึ่งรินไม่ได้คิดถึงเรื่องราวนี้อีกแล้ว แต่รินเริ่มมีอาการแปลกๆ เวียนศรีษะ จะอาเจียน อาการจะเกิดประมาณ 10 โมงเช้า ของทุกวัน ช่วงเริ่มต้นที่มีอาการ มีคนแนะนำให้รินทานน้ำหวาน ของหวานบ้าง เพราะเดาว่าน่าจะเพราะความดันต่ำ ซึ่งพอได้ทานน้ำหวานไป ก็ดีขึ้น
วันหนึ่ง รินรู้สึกเวียนศรีษะ จะอาเจียน รู้สึกว่าอาการหนักกว่าทุกวัน และมีอาการตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้า รินยังไม่ทันได้บอกใคร ก็ล้มลง รินไม่สามารถทรงตัวให้ยืนอยู่ได้ แม้ตอนที่ล้มลงไปแล้ว ก็ยังรู้สึกปั่นป่วนในสมอง ลืมตาไม่ได้ เมื่อพยายามจะฝืนลืมตา รินก็จะปวดจี๊ดและพะอืดพะอม
หลังจากที่เพื่อนร่วมงานพารินไปส่งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจไม่พบเชื้อใดๆ ในร่างกาย (ส่วนรายละเอียดของการรักษาโดยแพทย์ ไม่ขอกล่าวถึงในบทความนี้) แพทย์ได้ถามพี่ชายของรินเมื่อมาเยี่ยมประมาณว่า รินเคยได้พบเจอเรื่องที่สะเทือนจิตใจอย่างรุนแรงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาหรือไม่
แน่นอนว่า พี่ชายรับรู้แค่ น้องสาวเลิกกับคนรักที่คบกันมา 6 ปีกว่า ไม่เคยทะเลาะกันเลยตลอดเวลาที่คบกัน พี่ชายก็ไม่เคยเห็นน้องสาวร้องไห้ เมื่ออยู่บ้าน ยังพูดคุยกันปกติ
แม้แต่ตัวรินเอง ซึ่งเหมือนไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว ไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองได้เก็บกดความรู้สึกนั้นไว้ในจิตส่วนลึก ซึ่งมันสะท้อนออกมาในความฝัน บ่อยครั้งที่รินสะดุ้งตื่นกลางดึก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโอดครวญอยากเรียกร้องความหลังกลับมา ทุกเช้าเมื่อตื่นขึ้นจากความฝันที่เห็นอดีตคนรัก รินก็จะกลบด้วยเหตุผลว่า เขาไปทำหน้าที่ที่ถูกต้องของเขาแล้ว แค่นั้น
แต่เจ้าฮอร์โมน หรือ สารเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกายนี่แหละ ตัวการที่ทำงานไม่หยุดหย่อน และส่งผลให้รินป่วย แบบเจ้าตัวยังคิดไม่ถึง
ดังนั้น การได้ระบาย ได้ปรึกษา เป็นทางหนึ่งที่ลดการเก็บกดความรู้สึกเศร้า เจ็บปวดรวดร้าวที่เผชิญอยู่ แต่ต้องเลือกคนที่เราปรึกษาได้ ไว้ใจได้
3. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารโดพามีน (ฮอร์โมนความสุข ฮอร์โมนแห่งความรัก) การได้ปล่อยพลังจะทำให้เรารู้สึกได้ปลดปล่อยความทุกข์ และยังควบคุมปริมาณ คอร์ดิซอล (ฮอร์โมนตอบสนองความเครียด) ให้อยู่ในระดับปกติ ควรออกกำลังกายไม่น้อยกว่า 30 นาทีต่อวัน เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
ผู้ชายบางคนเมื่ออกหัก มักหาเรื่องชก ชกมวย ชกต้นกล้วย ชกกำแพง แต่อย่าไปชกหน้าใครนะคะ ไปออกกำลังกายดีกว่า จะวิ่ง จะเตะบอล เข้าฟิตเนสก็สุดแต่สะดวก
ผู้หญิงยุคใหม่หลายๆ คน ก็ระบายออกด้วยการเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย ดีไม่ดี เจอคนถูกใจคนใหม่ ไลฟ์สไตล์เดียวกัน ดีเลิศไปอีก
4. นั่งสมาธิ ไปทำบุญ ทำทาน บริจาค ทำอาหารแจก และอื่นๆ ทำนองเดียวกัน
การนั่งสมาธิ ช่วยลดความเครียด ผ่อนคลายทั้งกายและใจ การทำสมาธิมีหลายวิธีด้วยกัน บางคนใช้สมาธิบำบัดหรือการสวดมนต์ บางคนใช้การฝึกโยคะ บางคนใช้การฝึกสติหรือการเจริญสติ หรือวิธีทำสมาธิแบบอื่น
การทำบุญ ทำทาน บริจาค เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของตัวเรา และเพื่อนมนุษย์ แม้แต่สัตว์ร่วมโลกที่เราบริจาค ให้ทาน ให้ชีวิต ทำให้เราหันกลับมารู้จักตนเองมากขึ้น มุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งที่เราทำในปัจจุบันและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ลดอารมณ์หรือความคิดในแง่ลบ ช่วยให้เกิดช่วยเพิ่มจินตนาการและความคิดที่สร้างสรรค์
5. ทำงานอดิเรกที่ตนเองชอบ
งานอดิเรกเป็นกิจกรรมในยามว่างที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดได้ดี เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จะได้ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องที่ตนเศร้า ทุกข์ ส่งผลดีต่อสุขภาพ งานอดิเรกมีมากมายหลายชนิด แตกต่างกันไปตามความสนใจและความถนัดของแต่ละคน เช่น อ่านหนังสือ วาดภาพ ร้องเพลง ดูซีรีย์ เขียนบทความ ดูแลต้นไม้ จัดสวน เลี้ยงสัตว์ ขายของออนไลน์ เป็นต้น
หลายคนมีงานอดิเรกที่ชอบอยู่แล้ว ทำแล้วมีความสุข ทำเลยค่ะ
6. ปล่อยวาง ใช้เวลาในการเยียวยาความรู้สึก
 
ข้อนี้เอาไว้ทำหลังจากที่ทำข้อ 1 - 5 แล้ว เพราะการปล่อยวางตั้งแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นสดๆ คงยากยิ่ง เว้นซะแต่ว่า คนนั้นเป็นผู้ชำนาญการในการอกหักไปแล้ว แต่อย่าเป็นเช่นนั้นเลย เพราะใครๆ ก็อยากมีรักที่สมหวัง จริงมั๊ยคะ
ช่วงที่ปล่อยวาง ไม่ควรรับรู้เรื่องของคนรักเก่าอีกต่อไป ไม่ใช่เพราะเกลียด แต่เพื่อให้ร่างกายได้พัก ฟื้นฟูความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่ ใช้เวลานานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน มีงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารวิชาการ the Journal of Positive Psychology ให้ข้อมูลว่า 71% ของวัยรุ่น 155 คน ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน (ประมาณ 11 สัปดาห์) ในการเห็นแง่ดีของการเลิกรา
แต่หลายๆ คนก็ใช้เวลาน้อยกว่านั้นนะ !
7. เห็นคุณค่าตัวเอง กินอาหารที่มีประโยชน์
การรักตัวเองให้มากพอ จะเป็นภูมิคุ้มกันจิตใจที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่กำลังมีความรัก หรือขณะสสูญเสียความรักไป หรือแม้แต่เป็นโสดอยู่ก็ตาม
การรักตัวเอง แตกต่างจากความเห็นแก่ตัว การรักตัวเองจนมากเพียงพอเท่านั้น จะมีพลังแบ่งปันความรัก ความรู้สึกดีๆ ความอบอุ่น ความสุข ให้กับคนที่อยู่ใกล้ชิด จนเขารู้สึกได้ โดยไม่ต้องใช้คำพูดด้วยซ้ำ
“ฉัน/ผม รักคุณ มากกว่าตัวเองอีกนะ ทำทุกอย่างเพื่อคุณ คุณควรรักฉัน/ผมให้มากๆ”
ในฐานะที่คุณเป็นผู้ฟัง คุณรู้สึกอย่างไร?
7 วิธีเอาตัวรอดเมื่อโดนความรักทำร้าย / psychiczin
การรักตัวเอง ดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิตให้ดี ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชอบ พูดคุยพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ เปิดตัวเองให้รู้จักเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ การเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีคอร์สออนไลน์ต่างๆ หรือกลุ่มต่างๆ ให้เราได้ศึกษา ฝึกทักษะเพิ่มเติม ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนใหม่ๆ ทั้งแบบออนไลน์ ออฟไลน์ ช่วยให้เราผ่อนคลาย จิตก็ไม่ไปยึดติดกับสิ่งที่ทำให้ทุกข์ ฮอร์โมนแห่งความสุขก็ทำงาน จิตใจแจ่มใส เป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่อาจทำให้มีคนตกหลุมรักคุณอีกครั้ง
เมื่อถึงวันนั้น….คุณพร้อมรับความสุขอีกครั้งหรือยัง ?
psychiczin
#จิตวิทยา #ความรัก #การใช้ชีวิต
ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา