14 มิ.ย. 2020 เวลา 15:04 • สุขภาพ
การท่องเที่ยวในประเทศ: สิ่งที่จะช่วยเยียวยาจิตใจและเศรษฐกิจหลังคลาย Lockdown (จากฟิจิถึงไทยแลนด์)
รีสอร์ทริมอ่าวนันตาโดล่า ประเทศฟิจิ
หลายคนเริ่มมีความหวังหลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการคลาย lockdown ต่างๆเบื้องต้น โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ถึงแม้ว่า
หลายคนจะไม่ต้อง work from home เพราะความจำเป็นที่จะต้องเดินทาง
ออกไปทำงานข้างนอกในชีวิตประจำวันยังคงมีอยู่ แต่เราก็ยังรู้สึกอดอู้และ
หดหู่อยู่ดี แต่การที่รู้ว่าเราจะได้ออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้งในเร็วๆนี้แล้ว ก็ได้สร้างความหวังให้แก่ผู้คนไม่มากก็น้อย
สาเหตุหลักของความรู้สึกอัดอั้นในจิตใจต่างๆที่เกิดจากการไม่ได้เดินทาง
เหล่านี้ เกิดขึ้นมาจากพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ของเราเอง ที่นอกจากเรา
จะเป็นสัตว์สังคมแล้ว การใช้ชีวิตนอกบ้านหรือกิจกรรมกลางแจ้ง (โดย
เฉพาะในตอนกลางวัน) ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของการอยู่รอดมาตั้งแต่
สมัยบรรพบุรุษนักล่าของมนุษย์เรา แต่ต่อเนื่องมาจนถึงในยุคปัจจุบัน ที่ถึง
แม้การเดินทางไม่ได้เป็นไปเพื่อการหาอาหารอีกแล้ว แต่การใช้ชีวิตนอก
บ้านหรือกิจกรรมกลางแจ้งก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในแง่ของความอยู่รอดทางจิตใจ
มนุษย์เงินเดือนหลายคนทำงานเก็บเงินแทบตาย เพียงเพื่อจะรอให้ถึงวันลาหยุดไปพักร้อนและจะได้ออกไป “ชาร์จพลัง” ด้วยการท่องเที่ยว(ทั้งในและ
ต่างประเทศ) ก่อนกลับมาทำงานหาเงินอย่างหนักอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์
การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หลายคนต้องระงับแพลนท่องเที่ยว และหลายคนต้องยกเลิก booking ต่างๆ ตั้งแต่ ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก จนถึงทัวร์
ต่างๆ ที่ได้ทำการจองไว้ล่างหน้าตั้งแต่ก่อนมีการระบาดของไวรัส หลายคนก็พลันใจคอห่อเหี่ยวไปในทันที เพราะการตั้งหน้าตั้งตารอไปเที่ยวนั้นสูญเปล่า ความหวังพังทลายลงอย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา เนื่องจากไม่รู้ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นเช่นใด
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อาจจะโชคดีมากกว่าคนอื่น คนกลุ่มนี้มีกำลังทรัพย์
และความมั่นคงทางการเงินมากพอที่จะเลือกใช้ชีวิตในช่วงกักตัวในสถานที่ท่องเที่ยว ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรีสอร์ท 5 ดาวแห่งหนึ่งในประเทศฟิจิ ซึ่งสามี
ของผู้เขียนทำงานอยู่นั้น ทำให้ผู้เขียนมีโอกาสได้พบครอบครัวชาวจีน 2
ครอบครัว (รวมทั้งสิ้น 15 คน) ที่เลือกที่จะจ่ายค่าห้องพัก 130 USD หรือ
4,200 บาทต่อห้องและต่อคืนโดยประมาณ ยาวนานต่อเนื่องตั้งแต่เดือน
กุมภาพันธ์จนถึงเดือนพฤษภาคม แทนที่จะเลือกบินกลับบ้านตนเองในช่วง
วิกฤติโรคระบาด
เมื่อสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในฟิจิดีขึ้นตามลำดับตั้งแต่
ปลายเดือนเมษายนเป็นต้นมา ก็มีแขกทั้งชาวฟิจิเองหรือชาวต่างชาติ
(expatriates หรือ expats) ที่อาศัยและทำงานอยู่ในฟิจิ ซึ่งมีทุนทรัพย์เพียงพอ มาเที่ยวพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่รีสอร์ท และเมื่อฟิจิประกาศว่าในประเทศไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดเหลืออยู่อีกแล้ว หรือโควิดฟรี ก็มีนักท่องเที่ยวเที่ยวกันเอง
ในประเทศมากยิ่งขึ้น จากที่มีเพียง 2-3 โรงแรมเท่านั้นที่เปิดให้บริการใน
ช่วงการระบาด (หนึ่งในรีสอร์ทที่ผู้เขียนพักอยู่เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ไม่ได้ปิด
เมื่อมีการระบาด เนื่องจากยังมีแขกชาวจีนอาศัยอยู่ในโรงแรมตามที่ได้เล่า
ไปแล้วข้างต้น) ตอนนี้โรงแรมอื่นๆก็ทยอยเปิดให้บริการแล้วอีกครั้ง จาก
แขกที่มาพักในสุดสัปดาห์เป็นส่วนใหญ่ ก็กลายเป็นว่าในวันธรรมดาก็มีแขกมาพักมาขึ้น ล่าสุด รีสอร์ทที่ผู้เขียนพักอยู่ก็ได้มีการจัดงานแต่งงานเป็นครั้ง
แรกในรอบหลายเดือน ถึงแม้ว่าจะมีแขกได้ไม่เกิน 20 คน เนื่องจากรัฐบาล
ฟิจิยังคงไม่ยกเลิกกฎหมายการปฏิบัติตัวและบทลงโทษในช่วงที่มีผู้ติดเชื้อ
โควิด-19 รวมทั้งเคอร์ฟิวก็ยังคงอยู่
โบสถ์หรือวิหาร (chapel) ขนาดเล็กที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา โดยเฉพาะในงานแต่งงาน
จุดจัดงานแต่งงานริมทะเลหรือนอกอาคาร (outdoor) ของทางโรงแรมที่ผู้เขียนพักอยู่
จะเห็นได้ว่าผู้คนอยากเดินทางเพื่อพักผ่อนและท่องเที่ยวมากเพียงใด สาเหตุหลักก็เพราะการเดินทางท่องเที่ยวช่วยเยียวยาฟื้นฟูจิตใจนั่นเอง มีรายงาน
จากนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพและจิตวิทยาหลายท่าน ที่ผู้เขียนอ่านเจอจากการ subscribe รับข่าวสารจาก National Geographic ผ่านทาง
อีเมล์ ได้กล่าวไว้ว่า การท่องเที่ยว โดยเฉพาะในแง่ของกิจกรรมกลางแจ้งนั้น ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ แต่ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการต่างๆในเด็ก
ช่วยให้(แม้แต่ผู้ใหญ่เอง)มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และช่วยลดความ
วิตกกังวลและความกลัวได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
สีสันยามพระอาทิตย์ตกดิน ณ อ่าวนันตาโดล่า ประเทศฟิจิ
ตัวผู้เขียนเองพบว่าการได้ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งข้างนอกนั้นดีต่อใจ
จริงๆ โชคดีที่ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรีสอร์ท ทำให้พอที่จะสามารถออกไปเดินยืดเส้นยืดสายชื่นชมธรรมชาติได้บ้างตราบใดที่ไม่ออกไปข้างนอกรีสอร์ท ใน
ช่วงแรกๆที่มีข่าวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในฟิจิ ผู้เขียนรู้สึกเครียดมาก และถึงแม้จะออกไปเดินเล่นรอบๆรีสอร์ทได้ แต่ในตอนนั้นผู้เขียนรู้สึกเครียดและกังวลจนไม่อยากที่จะออกไปจากห้องพักด้วยซ้ำ เวลาผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ ผู้เขียนกลายเป็นคนที่หงุดหงิดง่ายกว่าเดิม (จากที่เป็นคนหงุดหงิดง่ายอยู่แล้ว) แค่ล้างจานก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายและโมโหแล้ว จนสามีผู้เขียนต้องหาข้ออ้างเพื่อที่จะให้ผู้เขียนออกมาจากห้องพัก โดยการมอบหน้าที่ให้ผู้เขียนเป็นคนไปให้
อาหารแมวจรจัด 6 ตัว ที่อาศัยอยู่ในบริเวณรีสอร์ท ในช่วงเริ่มต้นผู้เขียนก็
แค่ออกไปให้อาหารแมว แต่พอได้เดินผ่านชายหาดทุกวันในตอนเย็นก็เริ่ม
สังเกตเห็นพระอาทิตย์ตก จนวันหนึ่งก็หยุดดูวิวพระอาทิตย์ตกดิน หลังจาก
นั้นก็เริ่มมองหาดวงดาว และจากนั้นเป็นต้นมา ผู้เขียนชอบนั่งรอพระอาทิตย์ตกจนกระทั่งเริ่มเห็นดาวศุกร์ (Venus) ซึ่งเป็นดาวที่สว่างสดใสที่สุดบนท้องฟ้ารองจากดวงจันทร์ แล้วจึงค่อยเดินกลับห้อง สีสันของพระอาทิตย์ตกที่
แตกต่างกันไปในทุกวันแล้วแต่ก้อนเมฆและสภาพอากาศ บวกกับทะเลสุด
ลูกหูลูกตาที่ไปบรรจบกับขอบฟ้าไกล ทำให้จิตใจของผู้เขียนสงบลงหลังจากความคิดฟุ้งซ่านและความวิตกกังวลวิ่งวนเวียนอยู่ในใจตลอดทั้งวัน
หาดาวศุกร์จากรูปถ่ายข้างบนเจอกันไหมคะ?
นอกจากนั้นแล้ว การท่องเที่ยวในประเทศยังช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อีกด้วย
หนึ่งในรายได้หลักของฟิจิคือการท่องเที่ยวเช่นเดียวกับประเทศไทย ถึงแม้ว่ารายได้หลักจะมาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่การที่คนในประเทศเริ่ม
กลับมาท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้ง ก็ส่งผลให้การจ้างงานกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่นในรีสอร์ทที่ผู้เขียนพักอาศัยอยู่ ในตอนที่
สถานการณ์ยังคงปกตินั้น โรงแรมมีพนักงานอยู่ทั้งสิ้น 450 คน รวมพนัก
งานที่เป็นชาวต่างชาติ (เช่น สามีของผู้เขียน) และพนักงานที่เป็นลูกจ้าง
ชั่วคราวหรือรายชั่วโมงแล้ว พอมีการปิดประเทศเนื่องจากการระบาดของ
โควิด-19 ก็เหลือพนักงานที่ยังคงได้ทำงานรับเงินเดือนทั้งสิ้นประมาณ 50
คน ซึ่งจำนวนพนักงานที่ได้รับการเรียกให้กลับมาทำงานเพิ่มขึ้นตามลำดับ
จาก 50 คน เป็น 70 คน และตอนนี้มีประมาณ 100 คนที่ได้กลับมาทำงาน
แล้ว เนื่องจากจำนวนแขกที่มาพักในรีสอร์ทที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับเช่นกัน
ในประเทศไทยเองนั้น รายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยเองมี
มากถึง 989,613.29 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2560 (รายงานล่าสุดที่ผู้เขียนค้นเจอคือของปี พ.ศ. 2560) และจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ท่องเที่ยวใน
ประเทศไทยเองก็มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี (ข้อมูลจากกระทรวงการ
ท่องเที่ยวและกีฬา) มาตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ลองคิดดูว่ารายได้จากการที่ “ไทยเที่ยวไทย” ซึ่งมีมากถึงเกือบล้านล้านบาทต่อปี จะ
ช่วยเยียวยาเศรษฐกิจได้มากเพียงใด เพราะฉะนั้น เรามาช่วยกันเที่ยวไทย
เถอะค่ะ แม้ตอนนี้คุณอาจจะไม่มีกำลังทรัพย์มากพอสำหรับทริปค้างคืน
เพียงแค่ออกไปเที่ยวทริปหนึ่งวันแบบไปเช้าเย็นกลับ (day trip) ในจังหวัด
ใกล้ๆ ก็ช่วยกระจายรายได้ไปสู่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้แล้วค่ะ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การ์ด (guard) เราต้องไม่ตกนะคะ ตราบใดที่ไวรัสนี้ยังอยู่กับเรา มันก็มีโอกาสจะกลับมาระบาดได้อีกทุกเมื่อค่ะ ฉะนั้น เราควร
วางแผนก่อนออกไปเที่ยว หลีกเลี่ยงสถานที่และร้านค้าที่มีคนแน่นเกินไปจน
เราอาจจะไม่สามารถรักษาระยะห่างได้พอ เลือกไปเที่ยวหรือพักกับโรงแรมที่มีชาดหายส่วนตัวในช่วงนี้จะดีกว่าไปหาดสาธารณะ เพราะชายหาดส่วนตัว
เฉพาะตามที่พักต่างๆสามารถควบคุมจำนวนคนได้ดีกว่าหาดสาธารณะ เป็นต้น และอย่าลืมรักษาสุขอนามัยที่ดี(ที่เราทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว)ด้วยการกิน
ร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากกันด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้ หาข้อมูลก่อนไปเที่ยว เป็นนักท่องเที่ยวที่รักษ์สิ่งแวดล้อม และทำ
ตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีด้วยนะคะ แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร และโรงแรม
หลายที่ได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงมากพอแล้วจากพิษ
ของโรคโควิด-19 หลายๆที่อาจจะไม่สามารถกลับไปตั้งราคาของสินค้าและบริการได้ในระดับเดิมในช่วงเริ่มคลาย lockdown และอาจจะมีราคาโปร-
โมชั่นหรือจำเป็นต้องลดราคาอยู่แล้วในช่วงแรกเพื่อดึงดูดลูกค้าให้กลับมา
ใช้บริการอีกครั้ง ดังนั้น ขอให้ทุกคนเป็นลูกค้าที่ดีนะคะ ไม่ drama หรือ
complain โดยไม่จำเป็นเพื่อขอส่วนลดหรือของฟรี อย่าเอาเปรียบสถาน
ประกอบการและทำให้คนอื่นต้องลำบากไปมากกว่าเดิมเลยนะคะ แต่ถ้าคุณไปใช้บริการแล้วรู้สึกไม่ประทับใจหรือโดนเอาเปรียบจริงๆโดยเฉพาะใน
เรื่องของราคา คุณสามารถแจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้
บริโภคได้ที่ “ติดต่อเรา” บนเว็บไซต์ของ สคบ. https://www.ocpb.go.th/ หรือสายด่วน 1166 ค่ะ
ขอให้ทุกคนเที่ยวกันอย่างมีสติ สนุก และปลอดภัยกันทุกคนนะคะ
*หมายเหตุ ฟิจิมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 18 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต รายงานมีผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อกลางเดือนมีนาคม ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม
มาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน และเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน ผู้ติดเชื้อที่เหลือ
อีก 3 ราย ก็ได้รับการตรวจอีกครั้งและพบว่าหายจากการติดเชื้อแล้ว ทำให้ในที่สุดฟิจิก็กลายเป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่ประเทศในขณะนี้ที่โควิดฟรี
(สามารถอ่านรายละเอียดประสบการณ์ Lockdown ในฟิจิของผู้เขียนเพิ่ม
เติมได้ที่ https://cities.trueid.net หรือตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ)
เครดิตภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน
ขอบคุณข้อมูลจาก
National Geographic และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
อ้างอิง
รายงานสถิติการท่องเที่ยวประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2560 โดย สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จาก https://www.mots.go.th/old/ewt_dl_link.php?nid=11588
โฆษณา