15 มิ.ย. 2020 เวลา 09:52 • ประวัติศาสตร์
#ประวัติศาสตร์จีนฉบับย่อ_4-3
ยุคสามก๊ก : แคว้นเว่ย แคว้นฉู่ และแคว้นอู๋
ในช่วงปลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เกิดความเสื่อมโทรม
ของระบบการเมือง การปกครอง ทั้งในราชสำนัก
และระบบบริหารงานส่วนภูมิภาค ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายไปทั่ว
เกิดกบฏโพกผ้าเหลืองซึ่งแม้จะถูกปราบปรามไปได้
แต่บรรดาขุนนางที่นำทัพทำศึกตามหัวเมืองต่าง ๆ
ก็ได้ใช้โอกาสนี้สะสมกำลังทหารและสู้รบแย่งชิงดินแดนกันเอง
เพื่อความเป็นใหญ่
เฉาเชา (โจโฉ) เป็นหนึ่งในขุนศึกเหล่านั้น เขาเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจมาก
สามารถเข้าควบคุมราชสำนัก และองค์จักรพรรดิฮั่นเซี่ยนตี้
ให้กลายเป็นเด็กอมมือก็ได้
ในปี ค.ศ. ๒๐๐ หัวเมืองทางภาคกลางและภาคเหนืออยู่ในปกครอง
ของเฉาเชา ในขณะที่พื้นที่ภาคใต้ถูกแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน
ปกครองโดยขุนศึกอีกสองคนคือ หลิวเป้ย (เล่าปี่) และซุนเฉวียน (ซุนกวน)
เมื่อถึงปี ค.ศ. ๒๐๘ เฉาเชายกทัพสองแสนนายลงใต้เพื่อยึดครองดินแดนของซุนเฉวียน ฝ่ายหลิวเป้ยเห็นว่าถ้าซุนเฉวียนอยู่ไม่ได้ดินแดนของตนก็อยู่ไม่ได้ จึงนำกำลังที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดร่วมมือกับซุนเฉวียนที่คุมอำนาจอยู่ในเจียงตงทำศึกกับกองทัพของเฉาเชา
ด้วยปัญญาของจูเก๋อเลี่ยงหรือจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) ที่เป็นมันสมอง
ฝ่ายหลิวเป้ย และกำลังทหารของซุนเฉวียน ผนึกกำลังต้านทัพใหญ่
ของโจโฉในการศึกที่ชื่อปี้ ผลคือเฉาเชาพ่ายแพ้ย่อยยับ
จำต้องล่าทัพกลับไปภาคเหนือ ขณะที่หลิวเป้ย
ฉวยโอกาสเข้ายึดจิงโจวกลับคืนมาอีกทั้งเข้ายึดเฉิงตูเพื่อใช้เป็นที่มั่นในการทำศึกครั้งต่อไป ก่อเกิดเป็นสภาพขุมกำลังสามเส้าคานอำนาจกัน
อันเป็นที่มาของยุคสามก๊ก
ปี ค.ศ. ๒๒๐ เฉาเชาสิ้นชีวิต เฉาพี (โจผี) ผู้เป็นโอรสได้สืบทอด
ตำแหน่งเว่ยหวางต่อ เมื่อเฉาพีสามารถแผ่อิทธิพลไปถึงขุนนางในราชสำนัก
จนมั่นใจว่าไม่มีใครคัดค้านจึงใช้อำนาจบังคับให้พระเจ้าฮั่นเซี่ยนตี้
สละราชบัลลังก์ให้แก่ตน แล้วสถาปนาราชวงศ์เว่ยขึ้นแทน
ในขณะเดียวกันหลิวเป้ย ก็ได้สถาปนาตนเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นฉู่
และซุนเฉวียนก็สถาปนาตนเป็นจักรพรรดิปกครองแคว้นอู๋ เช่นเดียวกัน
ในช่วงเริ่มต้น ทั้งสามแคว้นต่างก็ทุ่มเทให้กับการบริหารบ้านเมือง
ฟื้นฟูระเบียบทางสังคมและพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองให้เข้มแข็ง
แคว้นที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดก็คือแคว้นเว่ย ได้ทำการปฏิรูป
ระบบการปกครองที่เคยเป็นจุดอ่อนของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก นั่นคือ
จำกัดอำนาจของเหล่าเจ้าที่ดิน กวาดล้างอำนาจของบรรดาขุนนาง
และเชื้อพระวงศ์ เพื่อดึงกลุ่มคนที่เป็นชนชั้นกลางและชั้นล่างในสังคม
ให้มาเข้าร่วมกับตน มีการแบ่ง ขุนนางปกครองท้องถิ่นออกเป็น ๙ ระดับชั้น
เปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่ได้มาจากตระกูลสูงได้มีโอกาสเข้ามารับราชการ
ทำให้ระบบการปกครองสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิเว่ยเหวียนตี้ (ค.ศ.๒๖๐ – ๒๖๕)
ศูนย์กลางอำนาจในแคว้นเว่ยก็เริ่มคลอนแคลน เกิดการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ
กันเองภายในราชสำนักระหว่างเฉาส่วงและซือหม่าอี้
ผลที่สุดเฉาส่วงพ่ายแพ้ต้องถูกสำเร็จโทษ ตระกูลซือหม่าก็เข้ามากุมอำนาจทางการเมืองของแคว้นเว่ยไว้ได้ทั้งหมด
ในปี ค.ศ. ๒๒๓ กองทัพของแคว้นเว่ยภายใต้การนำทัพของตระกูลซือหม่า
ได้ยกทัพไปบุกแคว้นฉู่ของหลิวเป้ยจนปราบได้สำเร็จ
หลังจากนั้น ๒ ปี ซือหม่าเอี๋ยนบุตรของซือหม่าเจา บีบจักรพรรดิ
เว่ยเหวียนตี้ให้สละราชบัลลังก์ และสถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้นมา
ในปี ค.ศ. ๒๘๐ ซือหม่าเอี๋ยนได้ยกทัพไปปราบแคว้นอู๋ได้สำเร็จ
ทำให้อาณาจักรที่เคยแตกออกเป็นสามก๊กกลับมารวมกันอีกครั้งหนึ่ง
แผ่นที่ยุคฮั่น
โฆษณา