18 มิ.ย. 2020 เวลา 06:10 • ประวัติศาสตร์
Section 2: การปฎิวัติเกษตรกรรม(The Agriculture Revolution)
Chapter 3:ระเบียบแบบแผนตามจินตนาการ(An Imagined Order)
เรื่องราวที่ส่งต่อกันมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์ที่เป็นเครื่องมือในการควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมปัจจุบันจุดเริ่มต้นของสิ่งนี้เกิดจากเมื่อประมาณปี1776 ก่อนคริสกาล เรียกว่า การประมวลกฎหมายของพระเจ้าฮัมมูราบีซึ่งเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิบาบิโลน เพราะการประมวลกฎหมายนี้ก็ส่งไปมายังชาวอเมริกันยุคสมัยใหม่นับล้านคนในการประกาศอิรภาพ วันนี้เราจะมาพูดถึง2เรื่องใหญ่ในประวัติศาสตร์กัน
เมื่อ4,000 ปีก่อนในยุคเมโสโปเตเมียจักรวรรดิบาบิโลนถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีประชากรอาศัยมากกว่า1ล้านคน ซึ่งในปัจจุบันนั้น พื้นที่ดังกล่าวนี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอิรักซึ่งเมื่อในปีพ.ศ.2562ก็พึ่งได้รับให้เป็นพื้นที่มรดกโลก
พระราชาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในปกครองบาบิโลนในยุคนั้นก็คือ ฮัมมูราบี ซึ่งชื่อเสียงที่มาจากการจารึกเกี่ยวกับกฎหมายลงบนแท่นหินดิโอไรท์สีดำ
แท่นหินสีดำ ปัจจุบันอยู่พิพิธภัณฑ์ที่ปารีส
ด้วยอักษร คูนิฟอร์มหรือที่บ้านเราเรียกกว่ากันอักษรลิ่ม ซึ่งท่านฮัมูราบีก็ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของการสร้างระบบกฎหมายและแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมรวมทั้งความเท่าเทียมกันในสังคม
ซึ่งในการประมวลกฎหมายที่เกิดขึ้นหลังจากพระเจ้าฮัมมูราบีสิ้นพระชนม์ มีการกล่าวถึงเทพประชาชนบาบิโลนนับถือกันในยุคนั้นคือ เทพอนู เอนลิล และเทพสูงสุดคือ เทพมาร์ดุก ที่เล่าขานกันว่าเป็นเทพที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของดาวทุกดวงในจักรวาลนี้ และเป็นเทพที่ปกปักรักษาคุ้มครองเมือง
ซึ่งชาวบาบิโลนก็มีความเชื่อว่าเทพมาร์ดุกได้มอบหมายให้พระราชาฮัมมูราบี เป็นผู้สร้างความยุติธรรม ปกป้องการกดขี่ข่มเหง
ซึ่งระบบกฎหมายที่ใช้ถ้าคิดให้เชื่อมโยงกับทางพระพุทธศาสนาของเราก็คือ ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น หรือ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครทำให้ผู้อื่นตาบอด ผู้ที่กระทำนั้นก็ต้องโดนทำให้ตาบอดเช่นกัน หรืออีกกรณีหนึ่ง ถ้าใครก็ตามไปสังหารภรรยาของผู้อื่นในขณะที่ท้องอยู่ด้วยหรือบุตรสาว
จะต้องสังหารบุตรสาวของคนนั้นตามไป
ต่อมากฎหมายของฮัมมูราบีได้กล่าวว่า หลักยุติธรรมนั้นที่เป็นสากลและนิรันด์ได้มาจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งได้มีการแบ่งลำดับชนชั้นออกเป็น 2 เพศและ 3 ชนชั้น คือ อภิชน สามัญชน และทาส
ในการประมวลกฎหมายยังกล่าวลำดับขั้นภายในครอบครัวว่าเด็กๆนั้น เป็นเพียงทรัพย์สินของพ่อแม่ แต่ไม่ได้เป็นอิสระชน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าถ้าอภิชนไสังหารลูกสาวของใครก็ตาม ให้สังหารลูกสาวของฆาตกรนั้นไป
ซึ่งถ้าในมุมมองของยุคปัจจุบันนั้นดูเหมือนว่าจะอำมหิตเกินไป เพราะว่า บุตรสาวของฆาตกรนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำความผิดอะไรเลยแล้วทำไมถึงต้องถูกลงโทษด้วย แต่วิธีคิดแบบนี้ในยุคสมัยชาวบาบิโลนเนียนเป็นวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุด
3,500ปีหลังจากนั้น อณานิคมของอังกฤษ13แห่งที่อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ได้รวมตัวกันที่เมืองฟิลาเดเฟีย วันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1776 เพื่อที่จะประกาศว่าพวกเค้านั้นไม่ใช่ราษฎรของราชวงศ์อังกฤษซึ่งในช่วงนั้นประชาชนของทวีปอเมริกาเหนือรู้สึกว่า กษัตริย์อังกฤษคือ พระเจ้าจอร์จที่ 3 ไม่ให้ความยุติธรรมกับชาวอเมริกา จึงเป็นที่มาของการปฎิวัติอเมริกา ซึ่งคำประกาศอิสรภาพดังนั้น
"เรายึดสัจธรรมอันเห็นประจักษ์แจ้งชัดในตนว่า มนุษย์ทุกคนล้วนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน โดยพระเจ้าผู้สร้าง(Creator) ได้มอบสิทธิบางประการอันไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ บรรดาสิทธิดังกล่าวนั้นได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และการเสาะแสวงหาความสุข"
ซึ่งคำพูดที่กล่าวมานี้ก็ค้ลายกับการประมวลกฎหมายของฮัมูราบีที่ให้ความหมายที่คล้ายกันคือ ถ้ามนุษย์ปฎิบัติตนถูกต้องตามหลักการจากสวรรค์หรือเทพเจ้า คนนับล้านก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
แต่สิ่งที่แตกต่างกันเล็กน้อยคือ เอกสารของอเมริกาบอกว่า มนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน แต่ฉบับของบาบิโลนจะมีการแบ่งลำดับชั้นที่แสดงถึงความไม่เท่าเทียม
แต่ถ้าจะไปกล่าวหาว่าระเบียบแบบแผนของฮัมมูราบีผิดก็คงจะพูดได้ไม่เต็มากเพราะ นั่นอาจจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้คนจำนวนมากขนาดนั้นไม่ยุคสมัยก่อนทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ จึงเป็นที่มาของ “ระเบียบแบบแหนตามจินตนาการ”
:th.wikipedia.org/wiki/จักรวรรดิบริติช
:travel.trueid.net/detail/LqNxGvlA4gzo
:Yuval Noah Harari
โฆษณา