16 มิ.ย. 2020 เวลา 13:46 • ท่องเที่ยว
Trip#3 เกาะสีชัง ถิ่นนี้มีความทรงจำ
เมื่อก่อนนับจากวันตรุษจีนไปเป็นเวลา 1 เดือนคนไทยเชื่้อสายจีนจะมีประเพณีไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่บนเกาะสีชัง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือชนมีคนเสียชีวิตหลายคน ทำให้ความนิยมลดน้อยลงไป
แต่ความสวยงามและมนต์เสน่ห์ของเกาะสีชังแห่งนี้ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ในแต่ละวันจะมีคนนั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวที่เกาะนี้ โดยเฉพาะวัดหยุดสุดสัปดาห์
แม้ความเจริญและเทคโนโลยีพัฒนาไปทำให้วิถีคนบนเกาะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังคงความเป็นชาวเกาะที่ยังรักษาไว้ซึ่งประเพณีและความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย
ถามว่าทำไมบางคนไปเกาะนี้หลายครั้ง ก็คงเพราะที่ขึ้นไว้ว่า "ถิ่นนี้มีความทรงจำ" ผมเองก็มีความทรงจำที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิตก็ที่เกาะแห่งนี้ แล้วคุณหล่ะมีความทรงจำกับที่นี่หรือไม่ หรือจะไปมีความทรงจำสักครั้งกับเกาะเล็กๆ ที่ไม่ไกลจากฝั่งเช่น เกาะสีชังนี้ ลองไปดูสิครับ
ผมร่างรายการไว้ให้ดูคร่าวๆ คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเวลาและความเหมาะสมโดยปรึกษากับคนขับรถสกายแล็บบนเกาะได้ครับ
การเดินทาง คุณสามารถขับรถส่วนตัวไปที่ อ.ศรีราชา จอดรถที่ เทศบาลศรีราชา แล้วนั่งรถสามล้อต่อมาลงเรือที่ ท่าเรือจรินทร์ ซึ่งเป็นจุดลงเรือข้ามฟาก (ท่าเรือเกาะลอยปิดปรับปรุง 2 ปี)
หรือจะนั่งรถโดยสารประจำทางจากเอกมัยไปลงที่ ท่ารถศรีราชา แล้วต่อรถสามล้อสกายแล็บไปที่ท่าเรือจรินทร์ (ราคาตกลงกันเอง)
จากท่าเรือจรินทร์ไปยังเกาะสีชัง ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที ออกทุกชั่วโมง จะมีสองบริษัทสลับกัน ดังนั้นดูในตั๋วจะมีเวลาเฉพาะของบริษัทที่เรานั่ง แต่เราจะไปเวลาไหนก็ดูนาฬิกาเอา เข็มยาวเลข 12 เรือออก กะเวลาแล้วกัน
ค่าโดยสารคนละ 50 บาทต่อเที่ยว ขากลับไปซื้อบนเกาะ
บนเรือจะมีชูชีพให้ครบคน มีห้องน้ำท้ายเรือ เก้าอี้พลาสติค
ใครคิดว่าเมาเรือก็ทานยาแก้เมาไว้ก่อนก็ดีครับ
ส่วนใหญ่ช่วงเช้าคลื่นลมจะไม่มาก แต่ขากลับช่วงบ่ายไปแล้วจะแรงทำให้เมาคลื่นได้ง่าย
เมื่อถึงเกาะแล้ว สามารถเลือกการเดินทางได้หลายวิธีคือ
1. เช่ารถมอเตอร์ไซด์ขับเทียวเอง เหมาะสำหรับคนที่มีความชำนาญในการขับรถมอไซด์ เพราะบางช่วงจะลาดชันและแคบพอควร พอลงเรือจะมีคนเดินมาถามเลย แล้้วแต่เราจะตกลงราคา
(ล่าสุดมีคนไปมาบอกว่าจาก 250 บาทต่อวันขึ้นเป็น 300 แล้ว ก็ลองต่อรองราคากันดู แต่ที่นั่นเค้ามาตรฐานแน่นอน คนบนเกาะเค้าคุมกันได้ ไม่งั้นคนเที่ยวหายหมดถ้าโก่งราคา)
2. ใช้บริการวินมอเตอร์ไซด์พาเที่ยว อันนี้ไม่แนะนำ ไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่มันไม่น่าจะได้บรรยากาศ นอกเสียจากไปคนเดียว แต่ค่าใช้จ่ายก็ไม่หนีกันมาก
3. อันนี้ขอบอกเลยได้บรรยากาศกว่ากันเยอะ คือ ใช้บริการรถสามล้อสกายแลป ตามรูป คันหนึ่งนั่งได้ 2-4 คน อย่าอัดถึง 6 เลย บางช่วงขึ้นเขามันชัน เสียวรถไปไม่ไหว และอย่างน้อยก็ช่วยอุดหนุนคนขับคันอื่นๆ ด้วย นอกจากคุณไปช่วงเทศกาลรถไม่พอค่อยอัดกันไป
ราคาเหมาคันละ 250 บาทเที่ยวรอบเกาะ ไม่เร่งเวลา เพราะถ้าเราเที่ยวนานก็บอกเค้า เค้าก็อาจจะวิ่งไปทำธุระหรือเข้าบ้านก่อนหรือไปรับคนท้องถิ่นก่อนแล้วมารับเราตามเวลา คนขับแทบทุกคันอัธยาศัยดีมาก เป็นไกด์ให้เราด้วย อยากรู้อะไรบนเกาะถามเถอะ รู้เข้าไปถึงในมุ้งบ้านนั้นเลย 55555
ถ้าตกลงราคากันได้แล้ว ถามไถ่โปรแกรมว่าจะไปไหนกันบ้าง เรียงลำดับที่จะไป ดูแผนที่ที่แนบมาไว้ให้แล้ว ตกลงกันให้แน่นอนว่าจะไปที่ไหนบ้าง ไม่งั้นพอเค้าไม่พาไปจะเสียความรุ้สึกกันเปล่าๆ แลกเบอร์โทรกันไว้ ก็เริ่มต้นการเดินทาง คาราวานสามล้อทัวร์กันได้เลย
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
เมื่อมาถึงก็น่าจะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเค้าซะก่อน
รถจะจอดส่งท่านที่เชิงบันไดทางขึ้น นัดหมายเวลากันไว้ แล้วเริ่มออกกำลังขาเดินขึ้นเขากันไปเลย ก็ขอบอกว่าเรียกเหงื่อและเหนื่อยพอควร ดังนั้นท่านที่สุขภาพไม่แข็งแรงทั้งกายและใจก็ตัดสินใจก่อนว่าจะขึ้นไปมั้ย แต่ระหว่างทางเค้ามีจุดแวะพัก มีเก้าอี้ให้นั่งและมีศาลเจ้าต่างๆ ให้แวะไหว้กันตลอดทาง
ถ้าเป็นวันหยุดอาจจะมีมัคคุเทศก์น้อยมาพาเราขึ้นไปพร้อมเล่าประวัติให้ฟัง ก็ให้กำลังใจน้องๆ เค้าหน่อยจะได้เป็นค่าขนมเด็กๆ
เรื่องน้ำดื่มไม่ต้องห่วง ขึ้นไปข้างบนมีขาย มีน้ำชาของศาลเจ้ากินฟรีด้วย ลงมาเหนื่อยก็มีร้านขายน้ำ ขายกาแฟ ไม่ต้องหิ้วขึ้นไปให้หนักเปล่าๆ อุดหนุนเค้าหน่อย
เตรียมแบงค์ย่อยหรือเศษเหรียญไว้ด้วย เพราะตู้บริจาคเยอะ ยังมีขอทานอีก
เจ้าพ่อเขาใหญ่ (เจี่ยะปึงเถ้า)
สิิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญยิ่งของเกาะนี้
เมื่อเดินขึ้นมาถึงศาล เหนื่อยเอาการเหมือนกัน แต่นี่ยังไม่ใช่ยอดเขานะ มีทางเดินขึ้นไปต่อ จะมีพระบรมสาริกธาตุอยู่ข้างบนอีก แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนขึ้นไปต่อละ หมดแรงแค่นี้ พักให้หายเหนื่อย เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยกันก่อน แล้วค่อยเข้าไปในถ้ำ
ระหว่างรอเพื่อนๆ เข้าห้องน้ำ ก็สามารถไปยืนมองทิวทัศน์ของเกาะก็สวยงามดี ลมพัดเย็นสบายให้หายเหนื่อยเร็วขึ้น
หน้าถ้ำจะมีดอกไม้ธูปเทียนจำหน่าย เข้าไปจุดธุปกราบไหว้ขอพรกันตามอัธยาศัย
สำหรับเจ้าพ่อเขาใหญ่นั้น จะเป็นหินที่มีลักษณะคล้ายหน้าคน (ตามรูป) เมื่อก่อนยังไม่ได้ทาสีทอง แต่มองเค้าออก
คนบนเกาะนับถือกันมาก ผมเคยได้ยินผู้ใหญ่บนเกาะเ่ล่าให้ฟังว่า ปู่ย่าตายายเล่าสืบกันมาว่ามีคนอยู่บนเรือสินค้าที่จอดอยู่หน้าเกาะ ตอนกลางคืนจะมองเห็นคล้ายดวงไฟสว่างลอยหายเข้าไปในเกาะบริเวณนี้ โดยเฉพาะในคืนเดือนเพ็ญ ก็เลยปีนเข้าไปดูก็พบว่าเป็นถ้ำขนาดเล็ก ก็ใช้ตะเกียงส่องดูก็ไม่เห็นอะไร แต่ก็เชื่อว่าที่นี่ต้องมีอะไรสำคัญแน่เพระาเห็นดวงไฟลอยเข้ามาทางนี้หลายครั้งแล้ว เมื่อสำรวจและสังเกตุเห็นผนังถ้ำมองดูคล้ายคนยืน ก็เชื่อกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ทีนี่ จึงเรียกว่า เจ้าพ่อเขาใหญ่ ก็มากราบไหว้ขอพรกัน ศรัทธากันมาหลายรุ่นละ
ในอดีตชาวจีนที่เดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่มาถึงสยาม จุดแรกที่จะได้เหยียบแผ่นดินก็คือที่เกาะสีชังแห่งนี้ ขึ้นมาเพื่ออะไร
ทุกคนจะต้องมาตรวจร่างกายก่อน ถ้าใครเป็นโรคตาแดงกับไทกอ (ขี้เรื้อน) จะไม่อนุญาตให้เข้ามาอยู่เมืองไทย จะไล่ลงเรือกลับไป (จะไปไหนก็แล้วแต่)
คนจีนก็นับถือเทพเจ้า เมื่อเห็นบนเกาะมีศาลเจ้าก็ขึ้นมากราบไหว้ขอพรให้ได้อยู่อาศัยที่ประเทศนี้แล้วให้เจริญรุ่งเรือง เมื่อต่อมาค้าขายทำงานได้จนมีฐานะก็จะกลับมากราบไหว้กันทุกๆ ปี จนกลายเป็นประเพณี
เมื่อประมาณสามสิบปีที่แล้วที่ผมเข้ามาทำทัวร์ใหม่ๆ ทุกปีต้องพาทัวร์มาไหว้เจ้าพ่อ เช้าไปเย็นกลับ เรีียกว่ามาจนเบื่อ แต่ก็ต้องมา เพราะเป็นรายการทัวร์ที่ขายดีมาก ลูกค้าจะเป็นขาประจำที่ทุกปีจะมาไหว้ ถ้ากรุ๊ปไหนระบุขอไกด์คนไหนไป แสดงว่าไกด์คนนั้นเก่ง ลูกทัวร์ชอบ ไกด์ก็เลยจะแข่งกันว่าใครจะถูกจองตัวก่อน แต่ก็มีบางคนก็หนีเหมือนกัน เพราะมันเหนื่อยเช้าไปเย็นกลับ ไปวันเสาร์ พอรุ่งขึ้นวันอาทิตย์ก็ต้องพาไปอีกละ แต่บางคนก็ชอบเพราะได้ทิปเยอะดี
ความทรงจำเริ่มคืนมาบ้างละ ได้ร่ายยาวต่อแน่ ตามไปจุดต่อไปครับ
ช่องเขาขาด
เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม ลมพัดเย็นสบาย ณ ที่แห่งนี้จึงมีพลับพลาของรัชกาลที่ 5
บริเวณแถวนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของนักตกปลาเพราะปลาชุกชุม อากาศดี
แถวนี้เมือ่ก่อนนี้เค้าเรียกว่าช่องเขานางร้องไห้ เพราะชาวบ้านร่ำลือว่าแถวนี้มีผี มีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จากเรื่องที่เล่าขานกันมาว่า มีหญิงสาวชาวเกาะสีชังได้คบหากับชายหนุ่มต่างถิ่น ทั้งสองคนรักกันมาก มาวันหนึ่งชายคนรักลงเรือไปขึ้นฝั่ง แล้วก็หายตัวไปเลย หญิงสาวเที่ยวถามใครต่อใครที่เดินทางกลับมาจากฝั่งศรีราชาว่าเจอชายคนรักหรือไม่ บ้างก็ว่าไปมีเมียใหม่แล้ว ตายบ้าง ถูกจับไปบ้าง นางจึงเสียใจ สุดท้ายมากระโดดผาฆ่าตัวตายที่แถวนี้
(มีคำถามแล้วทำไมไม่ลงเรือขึ้นฝั้่งไปตาม ในอดีตเรือข้ามฟากมีวันละสองเที่ยว เช้ากับเย็น ไม่สะดวกเหมือนปัจจุบันมีแทบทุกชั่วโมง)
บนเกาะนี้เมื่อก่อนไม่มีโจรขโมยเลย เพราะก่อคดีแล้วหนีออกจากเกาะยาก เพราะเรือมีสองเที่ยวเอง แล้วคนบนเกาะรู้จักกันหมดทุกบ้าน วงศาคณาญาติเป็นไงรู้จักกันหมด แต่เดี๋ยวนี้ก็มีคนมาทำงานมาอาศัยมากกขึ้น ก็มีบ้างที่ไม่รู้จักกัน แต่ส่วนใหญ่เค้าจะใช้จำว่า คนนี้เป็นใคร ญาติใคร ทำอะไรเป็นเอกลักษณะ
ที่จุดนี้ก็เป็นที่สำหรับชมวิว ถ่ายรูปลั้นลากัน
จุดชมวิวอัษฎางค์
จุดนี้บางคนก็แวะ บางคนก็ไม่แวะ ก็แล้วแต่จะบอกกับคนขับรถ แต่ต้องระวังรถที่วิ่งสวนไปมาด้วย เพราะอยู่ช่วงทางโค้ง
อ่าวถ้ำพัง
ถ้าคุณเดินทางตามจุดที่แนะนำมาแต่แรก ก็น่าจะถึงที่อ่าวถ้ำพังนี้ประมาณเที่ยง ได้เวลาหิวละ
แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารถ้ำพังได้ อาหารอร่อย ไม่แพง ทานอิ่มแล้วนั่งเก้าอี้ชายหาด นอนพัก ชมวิวกันสักพักก่อนเดินทางเที่ยวกันต่อได้
อ่าวถ้ำถัง เป็นชายหาดเดียวบนเกาะนี้ที่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ จึงมีบริการเก้าอี้ชายหาด ห่วงยางให้เช่าเล่นน้ำทะเล
ถ้าเตรียมชุดไปเปลี่ยนจะเล่นน้ำก็เชิญได้ แต่น้อยคนนักจะเล่น นอกจากคนที่พักค้างคืน
120 ปีศรีจุฑาฑุชราชนิเวศน์
นับจากวันที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้รื้อถอนพระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์จากเกาะสีชัง ไปสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆ ที่กรุงเทพฯ ลุล่วงมาถึง 120 ปีเศษแล้ว ปัจจุบันพระราชนิเวศน์แห่งนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ร่องรอยความสวยงามของพระราชนิเวศน์แห่งนี้ยังคงเค้าเดิมอยู่ แต่ถ้าจินตนาการไปว่า หากพระราชนิเวศน์แห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์และอยู่จนถึงทุกวันนี้ คงจะเป็นพระราชนิเวศน์ที่สวยงามที่สุดและเป็นแห่งเดียวที่ตั้งอยู่บนเกาะ
ผมเองเมือ่ครั้งอยู่ชัยทัวร์ ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารให้จัดงานรำลึก 100 ปีศรีจุฑาธูชฯ โดยจัดให้มีการเดินแฟชั่นในพระราชสำนัก มีการแสดงดนตรีของเด็กนักเรียนโรงเรียนเกาะสีชัง มีการแสดงต่างๆ โดยนำสมาชิกลูกทัวร์ของบริษัทแต่งกายชุดไทย นั่งคาราวานสามล้อเที่ยวรอบเกาะ จบลงที่พระราชนิเวศน์แห่งนี้ ทานของว่างและชมการแสดง ในวันนั้นก็อนุญาตให้คนบนเกาะมาชมได้ด้วย
ที่ทำให้ความเหนื่อยและเครียดจากการจัดงานใหญ่ครั้งแรกมลายหายสิ้นด้วยคำพูดของผู้สูงวัยบนเกาะว่า "เกิดมาจนแก่จนจะลงโลง เพิ่งรู้ว่าบ้านตัวเองสวยและสำคัญเช่นนี้ งามมาก ตายตาหลับละ"
เราสามารถทำให้คนมีความสุขได้ เป็นกำลังใจให้ตั้งใจทำงานต่อไป (งานที่สอง ลวธานี ตรีกาลสมัย)
สำหรับข้อมูลที่นี่สำคัญอย่างไร ติดตามอ่านได้ใน
รถจะจอดส่งท่านที่ด้านหน้าทางเข้า นัดแนะเวลากัน รถจะมารับกลับท่าเรือเพื่อเดินทางกลับ (ประะมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงกำลังดี)
ใครมาอันดับแรกต้องมาถ่ายรูป ณ จุดนี้ ก็สวยงามจริง เป็นเสน่ห์ของเกาะนี้เลย สะพานไม้สีขาวที่ทอดยาวออกไปในทะเล
คุณก็คงไม่พลาด ณ จุดนี้
เรือ่นไม้สีเขียวริมทะเล
เมื่อก่อนสร้างพระตำหนักต่างๆ ขึ้น ก็มีเรือนไม้เล็กๆ อย่างนี้อยู่ริมทะเลอยู่แล้ว ร.5 จึงใช้เป็นที่ประทับ
ณ เรือนไม้หลังนี้ ผมจัดให้มีการแสดงแฟชั่นในราชสำนัก โดยให้ไกด์ของชัยทัวร์ แต่งกายชุดไทยในราชสำนักในแต่ละยุค เดินจากช่องประตูออกมา เดินลงบันได มาโพสต์ให้ลูกทัวร์ถ่ายรูป ช่างเป็นภาพที่สวยงามและประทับใจกับทุกคนมาก เคล้าด้วยเสียงเพลงอันไพเราะจากอังกะลุงโดยเด็กนักเรียนเกาะสีชัง
ณ ที่แห่งนี้บอกได้เลยครับว่า ผมจำไม่มีวันลืมกับปาฏิหาริย์และเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้น บอกได้เลยครับว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่
ผมไม่อายเลยครับว่า ทุกครั้งที่ผมพาทัวร์ไปเกาะนี้ต้องมายกมือไหว้ที่บันไดขั้นบนสุดของเรือนนี้
อยากรู้อินบอกมาคุยกันได้ครับ
ตอนที่ผมจัดงานนี้เรือนหลังนี้ปิดไม่ได้ใช้ทำอะไร แต่ปัจจุบันเป็นร้านกาแฟ ให้นั่งดื่มกาแฟแบบชิลล์ๆ
กลับมาเยือนเรือนนี้อีกครั้ง ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงอีกครั้ง อ.ชัยธวัช ไทยง พีหนุ่ย และพี่ๆ ทีมงานชัยทัวร์ ที่ช่วยบันดาลฝันของผมให้เป็นจริงจนได้ ความทรงจำในครั้งนั้นไม่เคยลืมเลือนไปจากผมเลยครับ
โฆษณา