21 มิ.ย. 2020 เวลา 09:41
เรื่องสั้น “คำขอสามครั้งที่แตกต่าง” (แนวนิยายอิงประวัติศาสตร์จีนนะครับ)
หลายวันก่อนเพจใจดีได้มีโอกาสอ่านบทลำนำของ “กัวอวี้คุ่ย” กวีแห่งเซียงถัน เขียนถึงวานรตัวหนึ่ง โดยใช้ชื่อบทลำนำว่า “วานรผู้ล้ำเลิศมโนธรรม” จนเกิดความประทับใจ เลยขอคัดลอกบทลำนำบางส่วนนั้นมาแบ่งปันกัน และ ลองแต่งเป็นเรื่องสั้นตามสไตล์เพจใจดีให้อ่านกันนะครับ
“วันนี้ข้าได้บทเรียนที่เศร้าเหลือเกิน นั่นก็คือ อย่าไปคิดทวงบุญคุณกับผู้มีอำนาจ” เสียงทอดถอนใจจากผู้เฒ่าวัยชราผู้หนึ่ง
“ท่านปู่ นี้ก็วันที่ เจ็ดแล้ว เราจะหนีไปทางทิศใดดี “ ชายหนุ่มมองหน้าชายวัยชรา แล้วหันกลับไปมองแนวเทือกเขาที่อยู่ตรงหน้า
แววตาของชายชรา เกิดอาการแข็งเกร็ง มือไม้สั่นเทา สีหน้าสับสน บางครั้งก็แสดงสีหน้าได้เหี้ยมหาญ บางครั้งสีหน้ากลับสิ้นหวังและโกรธแค้น
“เจ้าจูหยวนจาง!!”
“เจ้าคนเนรคุณคน”
1
แววตาของชายชรา ก็กลับมาเหม่อลอยอีกครั้ง จนชายหนุ่มที่นั่งรอคำตอบอยู่ ก็ได้แต่ทอดถอนใจตาม แต่แววตาของชายหนุ่มกับส่องแสงเปล่งประกาย นั่นเพราะอะไร! นั่นเพราะจิตใจที่ดิ้นรนไม่ยอมสยบให้กับโชคชะตา ต้องบอกให้รู้ก่อนว่าตัวเขาเป็นใคร คุณชายใหญ่ของสายเลือดตระกูลซือหม่า ผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเหล่าคุณชายใหญ่ในเมืองหลวงของราชวงค์หมิง
ต้องบอกให้รู้ก่อนนะว่า ผู้ที่จะยืนอยู่เหนือตระกูลซือหม่าของพวกเขาได้ ก็มีเพียงแต่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงผู้นั้น
“เจ้าจูหยวนจางเจ้าช่างอำมหิตนัก” เสียงของชายชราคำรามขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้ชายหนุ่มหลุดออกมาจากความเพ้อฝัน ที่เคยมีอยู่ในอดีต ชนิดที่เรียกว่า ใครก็ห้ามมาปลุกข้าคุณชายคนนี้ ถ้าข้าจะตายก็ขอให้ตายอยู่ในความเพ้อฝันนี้เถิด..
ก็คงจะเป็นเหมือนที่คนสมัยโบราณเคยกล่าวกันไว้ “ความตายแม้จะน่ากลัว แต่ถ้าได้ตายในฝันหวาน ตายแบบนี้สักหมื่นครั้งข้าก็ยอม”
“ท่านแม่ทัพใหญ่” เสียงของชายวัยกลางคนที่มีท่าทางดุดัน ร้องตะโกนเรียกด้วยความเคารพและนอบน้อมอย่างถึงที่สุด
“ท่านลุงจีเต๋อ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ!”เสียงชายหนุ่มทักถามด้วยความเคารพ จะไม่ให้เขาเคารพได้อย่างไร นั่นใคร นั่นมันเทพสงครามจีเต๋อ เทพสงครามไร้พ่าย ร้อยศึกแพ้สักหนึ่งยังไม่มี แม้ท่านลุงจีเต๋อจะสวมใส่เพียงชุดพ่อค้าเร่ แต่กลิ่นไอความเป็นเทพนักรบก็ยังฟุ้งกระจายออกมาในความรู้สึกของชายหนุ่ม
ชายวัยกลางคนที่ถูกชายหนุ่มเรียกว่า ลุงจีเต๋อกับไม่ได้หันมาสนใจเขา ได้แต่เข้าไปทำความเคารพต่อชายวัยชราที่อยู่ตรงหน้า
“ท่านแม่ทัพ กองทัพไล่ล่าของจูหยวนจาง ตามมาถึงชายเทือกเขาผาโถวแล้ว!!”
“ใกล้แค่ไหนแล้ว” เสียงของชายชราที่ถูกเรียกว่าแม่ทัพใหญ่ ทักถามออกมาเพียงแผ่วเบา แบบหมดอาลัยตายอยาก
“น่าจะไม่เกิน เย็นพรุ่งนี้แล้วนายท่าน ถ้าเราเดินทางกันแบบไม่หยุดพัก ข้าคาดว่าพรุ่งนี้เย็นเราคงได้ออกไปนอกด่านผาโถวได้แน่นอน”
“ออกเดินทาง” เสียงชายชรากล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย แต่ผู้ที่รู้สึกไม่เรียบง่ายตามก็คงเป็นชายหนุ่มหน้าขาว ที่เดินตามอยู่ข้างหลัง บอกตามตรงตัวชายหนุ่มเกิดมาในตระกูลใหญ่ แค่คิดจะเดินไปห้องน้ำยังมีข้ารับใช้แทบจะแย่งกันแบกไป แต่นี้เขาเดินทางมาตลอด เจ็ดวันแล้ว จะไม่ให้เขาเหนื่อยล้าก็คงไม่ได้ ตอนนี้ตัวเขาเป็นทายาทของตระกูลซือหม่าที่เหลือรอดเพียงคนเดียวจะมาถูกสังหารทิ้งเสียก็คงไม่ได้
ในขณะที่ทั้ง สามคน กำลังเดินทางลงจากเทือกเขาผาโถว ก็ได้พบวานรใหญ่ตัวหนึ่งที่เดินทะเล่อทะล่าออกมาจากแนวป่า
การที่ได้เจอวานรตัวใหญ่ ก็ดูจะน่าแปลกใจแล้ว แต่ที่ยิ่งแปลกใจไปกันใหญ่ก็คือ เจ้าวานรตัวนั้นมันกำลังนั่งคุกเข่า โขกศีรษะลงกับพื้น สามครั้ง แล้วลุกขึ้นมองพวกเขาทั้งสาม เหมือนอยากจะบอกให้พวกเขาเดินตามมันไป
ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา ไอ้ความสงสัยใคร่รู้มันก็มีอยู่หรอกนะ แต่ชีวิตตอนนี้ของพวกเขาทั้งสามคนเล่า ยังจะมาอยากรับรู้เรื่องแปลกพิศดารอะไรกันอีกในตอนนี้
“เจ้าจะขออะไรหรือ” ในที่สุดชายหนุ่มก็อดทนต่อความสงสัยตรงหน้าไม่ไหวอีกแล้ว?
ชายชราที่ได้ยินเสียงชายหนุ่มที่กำลังถามไปยังเจ้าวานรตัวนั้น พลันร่างกายสั่นเทา แสงในแววตาเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง
“นายท่าน” เสียงของเทพสงครามจีเต๋อ ดังขึ้นมาเพื่อเตือนสติ ชายชรา ชายหนุ่มถึงแม้จะทำหน้าสงสัย แต่ตัวเขาเองนั้นรู้ดีว่าคำ คำนี้มันคืออะไร เขายังจำคำนี้ได้ดี เพียงห้าประโยคสั้นๆแค่นี้กับทำให้ตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งถึงกับล่มสลาย
“ข้า ไม่เป็นไร จีเต๋อพวกเราตามเจ้าวานรตัวนั้นไปเถอะ” ชายชราพูดแล้วก็สะบัดมือเพื่อบอกกับชายวัยกลางคนว่า ข้าไม่เป็นไรเจ้าไม่ต้องห่วงข้า
ณ ที่นั้น พวกเขาทั้งสามก็พบชายชราผู้หนึ่ง นอนตัวแข็งทื่ออยู่ใต้ซอกเขา ข้างๆศพของชายชรา มีตะกร้า สองใบ กับไม้คานวางอยู่ ภายในตะกร้าบรรจุเครื่องแต่งตัว หน้ากากอันเป็นของใช้สำหรับนักแสดง
หลังจากนั้นเจ้าวานรตัวใหญ่ ก็ส่งเสียงเรียกร้องครำ่ครวญขอความเห็นใจต่อพวกเขาทั้ง สามคน พร้อมกับเปิดตะกร้าหยิบเอาห่อผ้าซึ่งมีเงินอยู่ราวๆ สามตำลึง ออกมายื่นให้พวกเขา
“เจ้ามอบเงินจำนวนนี้ให้ เพื่อขอให้พวกเราช่วยฝังร่างเจ้านายของเจ้าใช่ไหม?” เสียงเค้นถามของชายหนุ่ม ร้องถามออกไป
วานรตัวนั้นรีบผงกหัว ให้พวกเขาทั้งสาม แต่ชายวัยกลางคนกับส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา
“นายน้อย เราไม่มีเวลาแล้ว ถึงมันจะดูน่าสงสาร แต่เราเองก็ต้องรีบไป ไม่อย่างนั้นไม่แน่ พวกเราอาจจะหนีคราวเคราะห์ครั้งนี้ไม่พ้นเป็นแน่”
ชายชราที่นิ่งอยู่ตลอดกับ ถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปมาพร้อมกล่าวว่า “จีเต๋อ ครั้งนี้เพราะเจ้าจูหยวนจางสารเลวผู้นั้นเนรคุณเรา เราเจ็บแค้นน้ำใจครั้งนั้นเป็นอย่างมาก”
“พูดก็พูดเถอะ ความซื่อสัตย์ของเจ้าวานรตัวนี้ ทำให้เราประทับใจมาก หลังช่วยฝังร่างของนายมันแล้วข้าจะนำมันไปด้วย”
“นายท่าน!” เพียงแค่สายตาที่มองมาเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้จีเต๋อที่ได้ชื่อว่าเทพสงครามไร้พ่ายต้องรีบกลื่นคำพูดหลังจากนั้นลงไปทันที ต้องบอกให้รู้ก่อนนะว่า แม้ตัวเขาจะชนะศึกสงครามมานักต่อนัก ก็ยังไม่กล้าที่จะต่อต้านคำสังของชายชราที่อยู่ตรงหน้าลงได้ พูดก็พูดเถอะ ความเก่งกาจที่มีของตัวเขาเองยังไม่ถึงครึ่ง ความสามารถของท่านแม่ทัพใหญ่ซือหม่าเซียงได้เลย ตอนที่ตัวเองยังดูดนมแม่อยู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ก็ยึดดินแดนแถบทางเหนือหมดแล้ว ทั้งความห้าวหาญ และเหี้ยมโหด ก็มีชื่อเสียงทั้งสองด้านไม่ต่างกันเลย แค่คิดถึงวิธีการทรมานศัตรูที่ท่านแม่ทัพใหญ่ใช้ ตัวเขาเองก็หนาวสั่นขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่พวกเขาฝังศพชายชราเจ้าของวานรตัวนั้นเสร็จแล้ว ก็หันไปเรียกให้วานรตัวนั้นรีบติดตามพวกของตัวเองไป จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
แต่ภาพที่เห็นคือเจ้าวานรตัวนั้นกับกำลังเดินวนอยู่รอบๆ หลุมศพประหนึ่งไว้อาลัยอาวรณ์ผู้มีพระคุณ วานรตัวใหญ่ร้องไห้ไม่หยุด และแล้วสิ่งที่พวกเขาทั้งสามไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“ท่านปู่ มันกำลังวิ่งเอาหัวพุ่งชนโขดหิน” เสียงของชายหนุ่มยังไม่ทันขาดเสียง ร่างของวานรตัวนั้น ก็ดิ้นด้วยความเจ็บปวดแล้วขาดใจตายไป
ชายชราได้แต่ทอดถอนใจ ในความกตัญญูรู้คุณของเจ้าวานรตัวนั้น และเผลอทำให้คิดปลงตกกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา
จนทำให้เกิดความละคลายทุกข์ ที่เกิดจากความไม่ยินยอม ในการถูกหักหลัง จนเผลอตัวรำพันความคิดออกมา
“อันจริยธรรม หรือ จารีตประเพณี ที่ถูกสืบต่อกันมาก็เป็นแต่เพียงเรื่องให้ขบขัน ตัวข้าเองพูดถึงความซื่อสัตย์ ก็เป็นแค่ลมปาก”
“เมื่อครั้งที่ข้าได้ยินคำว่า เจ้าจะขออะไรหรือ? ครั้งนั้นก็เป็นตัวข้าเอง กล่าวกับเจ้าจูหยวนจาง สมัยนั้น เจ้านั่นก็เป็นแค่เพียงรัชทายาทตกอับผู้หนึ่ง เดินทางมาขอให้ข้าช่วยยึดอำนาจ จากพี่ชายตนเอง เอยปากสัญญาต่างๆนาๆ ออกมามากมาย ต่างคนต่างหวังผลประโยชน์ ขาดความจริงใจ”
“ครั้งที่สองก็เป็นมัน จูหยวนจาง เป็นผู้กล่าว เจ้าจะขออะไรหรือ? กับข้าที่เข้าไปทวงบุญคุณที่ช่วยให้มันได้เป็นฮ่องเต้ ก่อตั้งราชวงศ์หมิงขึ้นมา แต่สิ่งที่มันมอบให้ข้า คือการเข่นฆ่าล้างตระกูลซือหม่าของข้า คำขอของข้าก็มากไปด้วยความโลภ ส่วนมันกับมอบความอำมหิต ให้แก่ตระกูลของข้า”
“และครั้งที่สามที่เจ้าซือหม่าน้อยถามเจ้าวานรว่า เจ้าจะขออะไรหรือ? ข้าเลยส่งสัยว่าเจ้าสัตว์หน้าขนตัวนี้ จะตอบแทนพวกเราอย่างไรที่ช่วยเหลือมัน “
“สุดท้ายมันตอบแทนพวกเราด้วยการมอบเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเรา เพื่อทำการฝังศพให้นายของมัน และสุดท้ายมันก็ตอบแทนความจงรักภักดีต่อนายของมัน ด้วยความตาย”
“ข้าเลยได้คุ่นคิด ถึงเรื่องจริยธรรม จารีตประเพณีที่เคยได้เล่าเรียนมา ว่าแท้ที่จริงคงเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น”
“มันที่เป็นสัตว์ ขาดการศึกษาทางด้านจริยธรรม และ จารีตประเพณีต่างๆ กับทำให้ข้ารู้สึกแปลกใจที่มันรู้จักความซื่อสัตย์ และ ความกตัญญูรู้คุณ “
“แต่ตอนนี้ข้าถึงได้เข้าใจ อันว่าจริยธรรม หรือ จารีตประเพณีต่างๆ ที่สืบทอดต่อๆกันมาจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ถ้าขาดซึ่ง “มโนธรรม” “
เรื่องสั้น เรื่องนี้เพจใจดีจะสื่อถึงเรื่อง”มโนธรรม” การมีความรู้ในเรื่องคุณธรรม หรือ จริยธรรมมากเท่าใด แต่ถ้าบุคคลเหล่านั้นขาดซึ่ง มโนธรรมในจิตใจ คุณธรรมหรือจริยธรรมต่างๆที่เคยได้เรียนได้ฟังมา ก็คงเป็นแต่แค่เพียงลมปาก แต่กลับกัน ผู้ที่มีมโนธรรมอยู่ในจิตใจ ถึงแม้จะไม่รู้จักว่าคุณธรรมคืออะไร จริยธรรมคืออะไร ก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีคุณธรรมอย่างแท้จริง
ขอบคุณนะครับที่เข้ามาติดตามอ่านกันจนจบ นะครับ🙏💕
สามารถติดตามใจดี ได้อีกช่องทางที่ App :facebook blockdit และ instagram
#ถ้าใจเราดี.อะไรๆก็ดีไปหมด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา