17 มิ.ย. 2020 เวลา 12:12 • ธุรกิจ
ชี้ช่องทางธุรกิจออนไลน์ ขายเป็นเห็นเงินล้าน!
ชี้ช่องทางธุรกิจออนไลน์ ขายเป็นเห็นเงินล้าน!
ธุรกิจขายของออนไลน์ช่างหอมหวน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีอาชีพหลักอยู่แล้ว หรืออยากทำเป็นอาชีพเสริม จะอยู่ในแวดวงไหนก็ตาม ต่างก็อยากมีโอกาสได้ลองทำการค้าขายออนไลน์ให้ได้สักครั้ง เพราะต่างเห็นข้อดีของการขายของออนไลน์ที่แทบไม่ต้องเสียเงินลงทุน ไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ตั้งของ ซื้อง่ายขายหมดเร็ว หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อยากยืนหนึ่งในธุรกิจขายของออนไลน์ มาดู Checklist ที่ต้องมีต่อไปนี้
ชื่อร้านต้องปัง
ตั้งแต่คิดเริ่มต้นจะเปิดร้านค้าออนไลน์แล้ว คุณควรที่จะมีชื่อร้านที่สื่อถึงสินค้าที่คุณต้องการจะขายอยู่ในใจไว้บ้างอยู่แล้ว ถูกไหมครับ หลักการตั้งชื่อร้านไม่ได้มีอะไรซับซ้อน คือ ต้องอ่านง่าย สั้นกระชับ ฟังแล้วติดหู ตั้งแต่ครั้งแรก นอกจากนี้ควรตั้งชื่อร้านให้มีความเกี่ยวโยงกับสินค้าที่คุณต้องการขายในร้านด้วย เช่น ร้านขายกระเป๋าผ้า ก็ควรมีคำว่า Bag หรือ Clutch อยู่ในชื่อร้าน แบบนี้เป็นต้น
ช่องทางการชำระเงินยิ่งเยอะยิ่งดี
เทคนิคสำคัญอีกอย่างที่จะช่วยทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณขายของได้ง่ายขึ้น และขายได้เพิ่มมากขึ้น นั่นคือการมีช่องทางการชำระเงินให้ลูกค้าได้เลือกหลายช่องทาง เราเรียกว่า การชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet Payment) ซึ่งมีหลากหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
1. การโอนเงิน จะเป็นการตัดบัญชีเงินฝากผ่านบริการ Internet Banking ของธนาคาร เป็นวิธีที่ร้านค้าออนไลน์นิยมใช้มากที่สุด สามารถใช้ได้ทุกช่องทางการขาย ทั้ง Facebook, Line, IG, Twitter หรือแม้แต่เว็บไซต์
2. การชำระผ่านเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ ด้วย e-Money วิธีการนี้คุณต้องมีแอปพลิเคชั่น e-Money จากนั้นเติมเงินเข้าบัญชีให้เพียงพอก่อนจึงจะชำระเงินได้ ผู้ให้บริการ e-Money ที่เราคุ้นชิน ก็อย่างเช่น TrueMoney, Rabbit LinePay, Smart Purse หรือ mPay เป็นต้น
3. การชำระผ่านเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ ด้วย e-Money วิธีการนี้คุณต้องมีแอปพลิเคชั่น e-Money จากนั้นเติมเงินเข้าบัญชีให้เพียงพอก่อนจึงจะชำระเงินได้ ผู้ให้บริการ e-Money ที่เราคุ้นชิน ก็อย่างเช่น TrueMoney, Rabbit LinePay, Smart Purse หรือ mPay เป็นต้น
4. การชำระเงินผ่าน Paypal ด้วยบัตรเครดิต วิธีนี้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นของร้านค้าออนไลน์และไม่มีเว็บไซต์หน้าร้าน การชำระเงินด้วยวิธีนี้เห็นได้จากร้านค้าใน IG และใน Facebook เป็นส่วนใหญ่ เป็นการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ซึ่งเมื่อลูกค้าตกลงซื้อสินค้ากับเจ้าของร้านแล้วจะทำการชำระเงิน ทางร้านค้าจะส่ง Link PayPal เพื่อให้ลูกค้ากดเข้าไปกรอกหมายเลขบัตรเครดิต เพื่อทำการชำระสินค้า
จะเห็นว่า การที่คุณมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการเลือกชำระเงิน ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจ้ซื้อยิ่งขึ้นด้วย
เงินทุนหมุนเวียน
หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการขายของออนไลน์ไม่ต้องใช้เงินลงทุนอะไรเลย แต่ถ้าคุณต้องสต็อกสินค้านั่นหมายความว่า คุณต้องมีเงินทุนแล้ว รวมไปถึงถ้าคุณขายของผ่านช่องทางเว็บไซต์ แต่หากคุณขายในช่องทางเฟสบุ๊ค ก็ควรมีการทำการตลาด เพื่อโปรโมทเพจ อินสตาแกรม หรือไลน์ เป็นต้น รวม ๆ แล้วก็ไม่ใช่น้อย ๆ โดยในช่วงเริ่มต้นแบบนี้ คุณจึงต้องมีเงินทุนไว้หมุนเวียน และสำรองจ่ายไว้ด้วย
มีแผนการขายและการตลาดที่รัดกุม
คุณกำลังเข้าใจผิด ถ้าคิดว่าขายของออนไลน์ไม่ต้องทำการตลาด ไม่ต้องวางแผนการขายใด ๆ ถ้าคิดแบบนั้นคุณกำลังไปผิดทางแล้วครับ อันดับแรกเลยคุณควรมีความชัดเจนในสินค้าที่ขายเพื่อให้การวางแผนการตลาดง่ายขึ้น เพราะบางคนจับทุกอย่างขายยำรวมกันหมดเลย เช่น ขายทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์ไอทีก็ขาย เครื่องเขียนก็ขาย อยู่ในช่องทางเดียวกัน ลูกค้าก็จะงงว่านี่เว็บไซต์หรือเพจจับฉ่ายหรือเปล่า ฉะนั้นจุดยืนของสินค้าคุณต้องมี จากนั้นให้วางแผนการตลาดดังนี้
............. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น ภายใน 1 ปี ต้องขายสินค้า คือ เสื้อผ้าให้ได้ 5,000 ชิ้น เป็นต้น
............. มีลำดับขั้นที่ชัดเจนว่าจะกำหนดทิศทางร้านอย่างไร เช่น ขายสินค้าให้ได้มากที่สุดในช่องทางใดช่องทางหนึ่ง หรือเลือกที่จะทำให้เพจเป็นที่รู้จักมากที่สุด
............. ตั้งงบประมาณให้กับแต่ละขั้นตอนก่อนไปถึงเป้าหมาย เช่น ขั้นที่ 1 กำหนดงบประมาณในการสร้างเว็บไซต์ 2 กำหนดงบประมาณในการโปรโมทเว็บไซต์
............. มีการประเมินผล หรือการวัด KPI นั่นเอง ด้วยการตรวจสอบประเมินผลงาน และมีการปรับปรุงแผนทุก 2 เดือน เป็นต้น
มีหลากหลายช่องทางการขาย
ต้องบอกเลยว่าช่องทางการขายสินค้า (Channel) ของคุณจะขึ้นอยู่กับงบประมาณที่คุณมี ถ้าต้องการมีให้ครบวงจรเลย ควรเริ่มต้นจากมีเว็บไซต์เป็นเหมือนหน้าร้าน แล้วจึงมีช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ซัพพอร์ต ในขณะที่หลายคนอาจจะเลือกโฟกัสหรือขายของในช่องทางใดช่องทางหนึ่งเท่านั้นก็ได้ ซึ่งแต่ละช่องทางก็จะมีการเซ็ตทาร์เก็ตที่แตกต่างกันไป เหมาะกับผู้ขายของออนไลน์ที่ทำคนเดียว เพราะจะสะดวกในการบริหารจัดการ โดยที่ช่องทางการขายมีดังนี้
Facebook ช่องทางนี้ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีผู้ใช้งานมากที่สุด กลุ่มลูกค้าจะมีวงกว้างและมีปริมาณมาก ง่ายในการทำการตลาดผ่าน Facebook Ads มีเงินตั้งต้นเพียง 100 บาท คุณก็สามารถ Boost Post หรือซื้อ Page Like AD ได้แล้ว ทำให้ลูกค้ารู้จักเรามากขึ้นด้วย ขั้นตอนก็ง่ายแสนง่ายซื้อแอดได้ด้วยตัวเองผ่านโทรศัทพ์มือถือ โดยการตั้ง Target ที่คุณต้องการ เลือกเวลา และใส่จำนวนเงิน โดย Facebook จะหักเงินค่าโฆษณาจากบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่คุณลงทะเบียนไว้ แสนจะสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการขายได้หลายแบบที่สามารถนำไปใช้เพิ่มยอดขายได้ เช่น การ Live สดขายสินค้า เพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้านแต่ละโพสต์ขายด้วยการเขียนแคปชั่นที่โดนใจ สั้น และสื่อสารได้ชัดเจน ควรเป็นคำที่อยู่ในกระแส เป็นต้น
Instagram ยังคงเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยอินสตาแกรมเน้นกลุ่มคนฮิป ๆ ที่ถ่ายรูปต้องสวย แฮชแท็กต้องมี ฉะนั้นถ้าคุณเลือกช่องทางนี้เพื่อขายสินค้า ควรต้องมีทักษะการถ่ายภาพในระดับหนึ่ง และควรมี Follower อยู่จำนวนหนึ่ง บางคนประสบความสำเร็จจากการขายของในอินสตาแกรม จนต่อยอดไปมีหน้าร้านรับลูกค้าเลยก็มีให้เห็นเยอะทีเดียว
Line ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่นิยมมี Line@ ไว้สนทนาซื้อขายสินค้ากับลูกค้าแบบตัวต่อตัวอย่างเป็นส่วนตัว เพราะสะดวกในการคุยตอบคำถามเรื่องสินค้า ช่วงเริ่มต้นคุณอาจเลือกใช้แบบฟรี ที่สามารถตอบข้อความได้ 1,000 ข้อความ แล้วค่อยขยับเป็นแพ็คเกจ Starter ที่มีผู้ติดตามได้ถึง 200 คน ราคาต่อเดือนอยู่ที่เดือนละ 200 บาท เป็นต้น โดยคุณสามารถโพสต์สินค้าได้ในหน้า Timeline
Twitter ช่องทางของวัยใส สายเกาหลีโดยเฉพาะ ช่องทางโซเชียลขายของออนไลน์ช่องทางใหม่นี้ ที่มักเน้นไปที่สายติ่งเกาหลีจ๋า แต่ทราบไหมว่า ซื้อง่ายขายเร็วมาก ฉะนั้นถ้าคุณขายในช่องทางนี้ สินค้าคุณต้องเป็นแนวดารา นักร้องเกาหลี ทั้ง Gadget ต่าง ๆ เครื่องสำอาง ของมุ้งมิ้ง เป็นที่ต้องการสูงมากในช่องทางนี้ ข้อความใน Twitter ต้องยิ่งสั้นและกระชับมาก บอกวิธีการชำระเงิน หรือติดต่อไว้อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่จะไปจบการขายที่ Line
พร้อมอุทิศเวลาให้ลูกค้า
ขึ้นชื่อว่าขายของแล้วละก็ สิ่งสำคัญเลยที่คุณควรต้องมีคือ Service Mind นั่นหมายความว่าพร้อมขายตลอดวลา ขยันตอบคอมเม้นต์ ขยันลงรีวิวสินค้า เมื่อคิดจะขายของออนไลน์แล้วจะคิดว่าเราทำงานแค่วันละ 8 ชั่วโมง เข้า 9 โมงเลิก 6 โมงเหมือนงานออฟฟิศ ไม่ได้ ลูกค้าส่วนใหญ่อาจมาตอนดึกหลัง 6 โมงไปแล้ว เพราะเป็นเวลาที่เขาสะดวกหลังเลิกงาน แต่คุณก็ควรมีกำหนดเวลาในการตอบด้วยเช่นกัน เช่น ตอบไม่เกินสี่ทุ่ม เริ่มตอบตั้งแต่ 8 โมงเช้าเป็นต้น หรือตอบเกินเวลาในกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เพื่อให้เราเองได้มีเวลาพักผ่อน และเป็นการกำหนดเวลาให้ลูกค้าไปในตัว
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว การที่จะยืนหนึ่ง ในโลกการค้าขายออนไลน์ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากเลยใช่ไหมครับ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เตรียมจะเปิดร้านแล้ว คุณสามารถปฏิบัติตามเทคนิคที่ได้แนะนำไปได้เลย การจะประสบความสำเร็จนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องยาก แต่หากคุณมีร้านค้าอยู่แล้วอยากจะประสบความสำเร็จก็ควรทำการปรับแผนการตลาดตามที่ได้แนะนำ และที่สำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือคุณต้องหูตาไว อัพเดทข่าวสารและคอยติดตามเทรนด์ตลอดเวลานั่นเอง
โฆษณา