17 มิ.ย. 2020 เวลา 16:00
เรื่องสั้น “จันทร์เจ้าขา”
(บทที่ 2 ตอนที่ 3)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
วันนี้ขอส่งความสุขด้วย.. เรื่องสั้นตอนที่ 3 และคลิปเพลงจังหวะสนุกๆ ให้เพื่อนๆ มีความสุข สดชื่น ท่ามกลางบรรยากาศสายฝนนะครับ..
สุขสันต์วันพุธครับ
-
บทที่ 2 รุ้งวาริท
ตอนที่ 3 พระอสุนิบาต,
แดดยามสาย ที่ลอดผ่านช่องไม้ลายฉลุ ที่เหนือบานหน้าต่างช่องรับแสง วันนี้
ทำให้ แสง..เงา..
ในเรือนคัดสรรช่างดูสงบเงียบ..เรียบร้อย..นุ่มนวล..
กว่าทุกวัน
หรืออาจจะเป็นด้วยว่า..
..เด็กๆที่เจ้าคุณสันติ ได้คัดสรร ไปครั้งนี้.. ท่านได้คัดเด็กหัวโจก ที่มักชอบเล่นทะโมน ..ส่งเสียงทะลึ่งตึงตัง และ หัวเราะเสียงดัง ผิดกุลสตรี ไปด้วยนั่นเอง..
ครูช้อยนึกตาม ก็อดจะอมยิ้ม..แล้วหันกลับมามองที่ลูกศิษย์..กลุ่มเด็กน้อย ที่กำลังร้อยพวงมาลัย ในชั้นเรียนของครูช้อยในตอนนี้..ที่กำลังขะมักเขม้น ใส่ใจ ประณีตสวยงาม..
..เสียงตะโพน ที่ลอยตามลมมา จากสวนไม้ไทย ของ อีกกลุ่มเด็กๆ ที่กำลังซ้อมรำ.. เสียงตะโพนนั้น..
ก็ดังแว่วมาตลอด มิขาดสาย..มิได้ หยุดพัก หยุดซ้อม .. พักเล่นงอแง เหมือนเช่นเด็กรุ่นก่อนหน้า..
“หึหึหึ..” ครูช้อยแอบหัวเราะ น้อยๆ ยามเมื่อ..คิดถึง หน้าตาทะเล้นยียวน..และคิดถึงมารยา เด็กน้อยเจ้าน้ำตาหยด..
คนนั้น..
จากนั้น ครูช้อย จึงค่อยๆนำจดหมาย ที่ได้รับ เมื่อวานนี้จากเด็กๆที่ถูกคัดสรรเหล่านั้น มาแกะออกอ่านทีละฉบับๆ..อย่างช้าๆ..
จดหมาย ฉบับแรก มีกลิ่นหอม ผิดจากฉบับ อื่นๆ.. จะว่าเป็น กลิ่นหอมของ อบร่ำ หรือ ดอกไม้ ก็ออกจะเข้มข้น และมีกลิ่นออกจะเค็มมัน มากกว่าปกติ..
เนื้อจดหมายสีน้ำตาลนั้น มีลายมือหวัดบรรจง เขียนว่า
“กราบคุณครูแม่ฉ๊อย
(ขีดฆ่าวรรณยุกต์ไม้เอก, ก่อนเขียนไม้ตรีกดทับไม้เอก.. ตัวใหญ่ กว่าอักษร ฉ.ฉิ่ง) ..
ที่เคารพรัก..นะเจ้าคะ
คุณครูแม่ฉ๊อย..
หนูพา มาอยู่ที่ตำหนักเสด็จท่าน ครบ 15 วัน แล้วนะเจ้าคะ ..คุณครูแม่ฉ๊อย คิดถึงหนูพา ใช่มั้ย นะเจ้าคะ..
แต่หนูพา.. คิดถึงคุณครูแม่ฉ๊อย มากๆ..มากที่สุดกว่า..
ทุกคนเลย เจ้าค่ะ..
ธรณีประตูตรงทางเข้า..ที่คุณครูแม่ฉ๊อย คอยพร่ำสอนสั่ง หนูพา ให้ระมัดระวัง อย่าเหยียบท่าน..
วันแรก หนูพา พาคุณพีระ พี่ไกสน และ นายทองดี เหาะผ่านเข้ามาโดยไม่สัมผัสธรณีประตูเลย นะเจ้าคะ..
หนูพา พี่หนูพิม พี่หนูพลอย อยู่ที่นี่สบายดี นะเจ้าคะ..
เสด็จท่าน เมตตา ให้คุณครูแม่น้อย คอยเอาใจใส่ดูแล จัดการให้ พี่หนูพิม พี่หนูพลอย เปลี่ยนมาแต่งตัวอย่างสาวชาววัง จน..
สวย.. หอมติดกระดาน.. มากเลย เจ้าค่ะ.. สีสไบก็เปลี่ยนสีสไบตามวันกันเลย นะ เจ้าคะ..
แต่สีสไบ กับผ้านุ่ง หนูพา ว่า “แปลกๆ” นะเจ้าคะ..
นอกจากนี้ ยังมีคุณเพ็ญ ที่คอยเป็นพี่เลี้ยง ใกล้ชิดคอยแนะนำ..พาไปไหนมาไหน..ในวัง และที่ต่างๆอีกด้วยเจ้าค่ะ.. คุณเพ็ญ ท่านดูจะสนิท คุ้นเคย กับเจ้าพนักงานโขลนเป็น อย่างดี เลย เจ้าค่ะ..
เจ้าพนักงานโขลน
คุณเพ็ญ ท่านพาหนูพา และเพื่อนๆ ไปเปิดหู เปิดตา ในส่วนต่างๆ จนทะลุปรุโปร่ง เลยเจ้าค่ะ.. คุณเพ็ญท่านมีเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย เล่าให้ฟังเพลิน เลยล่ะ เจ้าค่ะ.. โดยเฉพาะ..เรื่องเล่าผีๆ ในรั้วในวัง..
ส่วนการหุงหา ดูแลสำรับอาหาร.. ก็ได้ คุณมด ท่านเอาใจใส่ดูแล จนพี่หนูพลอยติดอกติดใจ ..คอยชมอยู่ มิขาดปาก เจ้าค่ะ..
ส่วนหนูพา เสด็จท่านว่า หลังพระราชพิธีโสกันต์ จะให้หนูพา กลับเรือนเจ้าคุณพ่อ..ให้โกนจุกให้เรียบร้อย
แล้วหนูพาก็จะเป็นสาว ให้แต่งตัว ได้เหมือน พี่หนูพิม พี่หนูพลอย เจ้าค่ะ..
หนูพาไม่อยากเป็น สาวเลยเจ้าค่ะ ..แต่หนูพาอยากแต่งให้เหมือนคุณพี่ทั้งสอง..
หนูพาจึง ตัดสินใจจะยอมสละจุกงาม นี้ นะเจ้าคะ..
คุณเจ้าขา พี่ไกสน คุณหนูภัท (บั๊ค) พี่ผาด และ นายทองดี เสด็จท่าน ให้ ไปสังกัด มหาดเล็กไล่กา เก่าเจ้าค่ะ .. จึงไม่ค่อยได้เจอกัน อย่างแต่ก่อน..
แต่ยังดี ที่บ่ายวัน พุธ กับพฤหัส ได้เรียนภาษา ฝรั่งเศส ด้วยกัน เจ้าค่ะ
ครูพิเศษคนใหม่ ที่สอนฝรั่งเศส ท่านนี้ หนวดเครา ท่าน รกรุงรังเอานกไปทำรัง สัก 2 ฝูงได้เลย เจ้าค่ะ..
ชื่อท่าน เรียกง่ายมากเลยนะเจ้าคะ.. “ปาวี..”
...“ป่าวี๊ย” ..
คุณหนูนา เค้าเก่งภาษามากเลยนะเจ้าคะ คุยกับ ครู “ป่าวี๊ย” เร็วมาก..จนหนูพา และเพื่อนๆ อ้าปากค้างตามๆกันเจ้าค่ะ.. และดูเหมือนครู ”ป่าวี๊ย” ท่านจะชอบแอบมอง “คุณพีระเจ้าขา” และเรียกใช้ทำโน่น ทำนี่ เหมือนแกล้งกันเลยเจ้าค่ะ.. แต่คุณพีระเจ้าขาก็ไม่เคยนำพา.. อารมณ์เย็นเหมือนสายน้ำ อยู่ตลอด..
แต่หนูพานี่ขัดใจมากๆเลย เจ้าค่ะ.. คุณครูแม่ฉ๊อย..
ส่วนคุณหนูดี และคุณหนู
ฆฤณ ..คุณหลวงหนุ่ม ท่านเป็นผู้อาสานำคุ้มกันคุณหนูดี กับ คุณหนูฆฤณ ขึ้นไปส่งมณฑลทางเหนือ ด้วยตัวเองเลย เจ้าค่ะ..
ท้ายสุด หนูพาแอบใส่ขนมครองแครง 2 ชิ้น กับ ขนมน้ำตาลเคี่ยว ที่ คุณมด ท่านทำ .. มาในซองจดหมาย ให้คุณครูแม่ฉ๊อย ได้ชิมนะเจ้าคะ..
แล้วหนูพาจะเขียน.. จดหมาย มาหาคุณครูแม่ฉ๊อย อีกนะ เจ้าคะ..
รัก และเคารพคุณครูแม่ฉ๊อย ..
มากที่สุดกว่า ทุกๆคน นะเจ้าคะ
หนูพา,
ครูช้อย วางจดหมายฉบับแรกลง ยิ้มแล้ว ถอนหายใจหัวเราะขำอยู่พักใหญ่ แล้วฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบ จดหมายของคุณหลวงขึ้นมาอ่าน
.
.
เขียนที่ วังบูรพา
วันเสาร์ที่ 24 แรม 15 ค่ำ
เดือน 6 พุทธศักราช 2426
กราบเรียน ครูช้อยที่เคารพ
กระผม ได้รับมอบหมายจากท่านเจ้าคุณสันติ ให้เขียนส่งข่าว ให้ครูช้อย ได้รับทราบถึง ข่าวคราวของเด็กๆ จากเรือนคัดสรร ว่า..
ท่านเจ้าคุณได้นำเด็กๆจาก เรือนคัดสรร จำนวน 14 คน เข้าฝากในตำหนักต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย ดีแล้ว..
จะมีเรื่องตื่นเต้น บ้างเล็กน้อย คือ ในวันแรกที่ผ่านเข้าประตู..เจ้าพนักงานโขลน ได้สอนกลุ่มเด็กๆ ถึงวิธีการเดินผ่าน ว่าจะต้องไม่เหยียบพระธรณีประตูท่านโดยเด็ดขาด..และ ต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง
เพราะถ้าหากเดินเหยียบ พระธรณีประตู.. จะกลับต้องมาหมอบกราบขอโทษ..ขอขมากัน..
คุณหนูพา และพรรคพวก อีก 4 คน คือ นายไกรสร คุณหนูพีระ นายผาด และนายทองดี ..จึงได้วิ่งเรียงแถว ตามกัน และกระโดดสูงข้าม พระธรณีประตู ..
คุณหนูพาข้ามพระธรณีประตู
และเมื่อกระโดดเสร็จ ก็ยืนปรบมือชื่นชมว่าใครกระโดดสูง
กว่ากัน..
จนเจ้าพนักงานโขลน ต้องเรียกทั้ง 5 คนนั้น..กลับมาให้นั่งหมอบกราบค้างไว้ จนทุกคนเดินจากเรือนคัดสรร เดินผ่านเข้ามาจนครบ.. จึงได้รับอนุญาต ให้ลุกขึ้น และ เดินตามคณะเข้าไปไหน..
กระผม และเจ้าพนักงานโขลน ต้องแอบกลั้นหัวเราะจนปวดท้อง เมื่อเห็นทั้ง 5 คนนั้น ในท่าหมอบกราบแบบตัวลีบๆ ค้างไว้อย่างนั้น..
นอกจากนี้ ท่านเจ้าคุณสันตินำเด็กชาย จำนวน 5 คน เข้าถวายตัว ในสังกัด มหาดเล็กไล่กา เก่า โดยมีพระยาสุรศักดิ์มนตรี เป็นเล็บเตอร์เนนท์โคโลเนล (นายพันโท) ผู้บังคับการทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กลุ่มนี้..
และ กระผม ก็ได้รับให้เป็น ธุระนำ คุณหนูดี และคุณหนู ฆฤณ ขึ้นมาฝากตัวในคุ้มหลวง มณฑลทางเหนือ ..
ขณะเดียว กัน ก็ให้สืบข่าวของการขยายตัวแทรกซึม ของกองโจรในบริเวณตะเข็บชายแดน เหล่านั้น..
ถ้ากระผม ส่งคุณหนูทั้งสอง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว.. จะแจ้งข่าวครูช้อย ในจดหมาย อีกฉบับ ขอรับ..
สุดท้ายนี้ กระผม ได้ฝากยันต์ พระอสุนีบาต จำนวน 8 แผ่น มาให้ครูช้อย ใช้บ่าวผู้ชายที่เกิดวันอังคาร หรือ วันเสาร์..นำไปมัดติดกับหัวมุมเสา ของเรือนคัดสรร ทั้ง 4 มุม และ อีก 2 แผ่น ให้ติดที่ที่เรือนนอนของเด็กๆ และเรือนครูช้อย
และอีก 2 แผ่นให้ติดที่เรือนของบ่าวไพร่ ..
ขณะที่ติดยันต์ดังกล่าว ให้ครูช้อย กล่าวกำกับพระคาถา ด้วยทุกครั้งว่า
“พระอสุนีบาต ฟาดใหญ่ อย่ากำแหง,
หยุดทำแกล้ง แสร้งทำ นัยน์ตาใส,
อันมนต์ดำ จำแลง
สำแดงภัย,
ไปให้ไกล อ้ายเหลือบริ้น
อลัชชี,”
เมื่อกระผม เสร็จกิจทางภาคเหนือ จะรีบกลับไปกราบขอบพระคุณ ครูช้อย ด้วยตัวเอง อีกครั้งหนึ่ง..
ที่ช่วยเป็นธุระ ในงานต่างๆของราชสำนักสยาม ในครั้งนี้..
ขออำนาจพระรัตนตรัย ในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ คุ้มครอง ครูช้อย และทุกคนในเรือนคัดสรร เสมอไป..
ลงชื่อ
หลวงวิสุทธิ์ภุชงค์ (ธัช)
-
.
.
ครูช้อย ค่อยๆหยิบ และพลิกดูยันต์พระอสุนิบาต ที่เป็นรูปยักษ์..พร้อมกับ อ่านพระคาถากำกับตาม..
ทันใดนั้นเอง.. ก็มีแสงสว่างวาบ และสายฟ้าพาดผ่า กิ่งไม้นอก เรือนคัดสรร กึกก้องกัมปนาท..เสียงดัง..
“เปรี้ยง”.. จนกิ่งไม้นั้นหักลงมา ..โดยยังมีไฟไหม้ กิ่งไม้นั้น และมีนกตัวใหญ่ ถูกฟ้าผ่าดำจนเป็น “ตอตะโก”..
บ่าวไพร่ได้ยินเสียงฟ้าผ่า แล้ว จึงรีบวิ่งมาดูที่เรือนคัดสรร อย่างเป็นห่วง ในอัศจรรย์..
ฟ้าเปรี้ยงผ่า กลางแจ้ง ..
และเมื่อบ่าวไพร่ ได้พิจารณา ซากนกสีดำไหม้เกรียม ตัวดังกล่าว .. ก็รีบวิ่งมารายงานครูช้อย ว่า
“ลักษณะซากสีดำนั้น ดูคล้ายกับตัวเวตาลในนิทานมากกว่านก .. ขอรับ นายท่าน..”
ครูช้อยรำพึงกับตัวเอง..ถึงวิปริตอาเพศนี้ ..ก่อนจะสั่งให้บ่าวนำผ้าขาวมาห่อซากดังกล่าว แล้วนำไปยังวัดในละแวกนั้นต่อไป..
จบบทที่ 2 ตอนที่ 3,
.
.
#เกร็ดเพิ่มเติม
#พระอสุนีบาต,
-พระอสุนีบาต นั้นถือเป็นการชำระล้าง อวมงคลทั้งหลายโดยเทวดาอารักษ์.. ดังนั้น ยันต์พระอสุนีบาต จึงเป็นอาคมชั้นสูง ในการชำระล้าง อาถรรพ์มนต์ดำ ภูตผีทั้งหลาย..
โดยมีตัวอย่าง ปรากฏในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี มีข้อความว่า
"ณ วันอาทิตย์ เดือน 7 ขึ้น 1 ค่ำ ปีระกาเอกศก เวลาบ่าย 3 โมง 6 บาท อสุนีบาติพาดสายตกติดหน้าบันมุขเด็จเบื้องทิศอุดร ไหม้ตลอดทรงบนปราสาท ปลายหักฟาดลงพระปรัสซ้ายเป็นสองซ้ำลงซุ้มพระทวารแต่เฉพาะไหม้
พระโองการตรัสว่า เราได้ยกพระไตรปิฎก เทวาให้โอกาสแก่เรา ต่อเสียเมืองจึงเสียปราสาท ด้วยชะตาเมืองคอดกิ่วใน 7 ปี 7 เดือน เสร็จสิ้นพระเคราะห์เมือง จะถาวรลำดับกษัตริย์ถึง 150 ปี"
พระอสุนิบาตนี้ เป็นการแก้ล้างพระเคราะห์ อวมงคลทั้งปวงที่เกิดขึ้น..เมื่อคราวลงเสาหลักเมือง ในสมัยรัชกาลที่ 1..
สวัสดี และขอจบ เพียงเท่านี้ขอบคุณครับ,
ร้อยเรียง บรรจงเขียนเรื่องสั้น (T.Mon&Prame)
17/6/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา