18 มิ.ย. 2020 เวลา 07:56 • ประวัติศาสตร์
"โอตาคุ" กลุ่มคนที่ต้องตกเป็นแพะรับบาปในสังคมญี่ปุ่น หลายๆคนรังเกลียดโอตาคุและกล่าวหาว่าเป็นความวิบัติและน่าขยะแขยงในสังคมญี่ปุ่น
เหตุผลที่ทำให้ผู้คนต่างเกลียดโอตาคุนั้นเป็นเพราะชายเพียงคนเดียว นามว่า ซึโตมุ มิยาซากิ
ย้อนกลับไปในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 1962 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึโตมุ มิยาซากิได้เกิดมาพร้อมกับมือที่พิการ อีกทั้งซึโตมุยังได้พบว่าตนเป็นลูกที่เกิดจากพ่อได้ร่วมเพศกับพี่สาวแท้ๆของพ่อตนเอง นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ซึโตมุมีความผิดปกติทางร่างกายก็ได้
ในวัยเด็ก ซึโตมุมักจะถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนๆที่โรงเรียนเสมอๆเพราะความพิการของเขา อีกทั้งพ่อแม่ของซึโตมุยังบังคับขู่เข็นให้ทำผลการเรียนออกมาให้ได้ดี หลังจากที่ไม่สามารถตอบรับความคาดหวังของครอบครัวได้ ซึโตมุจึงได้เข้าเรียนมหาลัยในท้องถิ่นด้านช่างภาพแทน
ครอบครัวของซึโตมุมีเพียงปู่ของเขาเท่านั้นที่สนับสนุนซึโตมุ แต่หลังจากที่ปู่ตายไป ซึโตมุก็โศรกเศร้าและเริ่มปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวทันที
หลังจากที่ความโศรกเศร้าเป็นเชื้อฟืนชั้นดีที่ได้สุมไฟในใจของซึโตมุขึ้นมา ทำให้เขาเริ่มออกนอกลู่นอกทางจนไม่อาจจะหวนกลับได้
รูปภาพซึโตมุกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
เหยื่อรายแรกของซึโตมุคือมาริ คอนโนะ เด็กหญิงตัวเล็กวัย4ขวบ เหตุการณ์เริ่มต้นในวันที่ 22 สิงหาคม ปี 1988 ซึโตมุได้ลักพาตัวมาริจังไปที่เนินเขาแห่งหนึ่ง ต่อมาซึโตมุได้รัดคอเธอจนเสียชีวิต ทันทีที่เธอเสียชีวิต ซึโตมุก็ข่มขืนศพของมาริจังบนเนินเขาพร้อมกับถ่ายรูปการกระทำอันเหี้ยมโหดนี้ไว้ด้วย และนั่นก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการฆาตกรรมต่อเนื่องที่น่าเศร้าที่สุดในญี่ปุ่น
เหยื่อรายต่อมาคือมาซามิ โยชิซาว่า อายุ 7 ขวบ ซึโตมุได้ก่อเหตุคล้ายกับคดีแรกโดยการลักพาตัวเธอในขณะที่เธอเดินไปตามถนนก่อนจะพาเธอไปยังที่เกิดเหตุคดีแรก และได้ฆ่ารัดคอและข่มขืนเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งนั่นก็ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น
ต่อมาในวันที่ 12 ธันวาคม ปี 1988 เอริกะ นัมบะก็ได้ถูกลักพาตัวในขณะที่กลับจากการเล่นที่บ้านเพื่อนไปที่ลานจอดรถในนากุริ จังหวัดไซตามะ ครั้งนี้ซึโตมุได้กระทำการโหดเหี้ยมกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยเริ่มจากบังคับให้เธอถอดเสื้อผ้าพร้อมกับถ่ายรูปของเธอ หลังจากที่เธอหวาดกลัวจนขีดสุด ซึโตมุก็ได้ลงมือสังหารเธอ กำจัดเสื้อผ้า และทิ้งศพไว้ที่ลานจอดรถ
เหยื่อรายสุดท้ายคือ อายาโกะ โนโมโตะ วัย 5 ขวบ ซึโตมุได้สังหารเธออย่างเหี้ยมโหดก่อนที่จะข่มขืนศพของเธอและหั่นศพออกเป็นชิ้นๆ และได้นำส่วนลำตัวไปซ่อนที่สุสานแห่งหนึ่ง และส่วนหัวได้ถูกทิ้งที่เนินเขา ไม่เพียงเท่านั้น ซึโตมุยังได้นำมือของเธอมากินอีกด้วย
ในท้ายที่สุด วันที่ 23 กรกฏาคม ปี 1989 ซึโตมุได้ถูกพ่อของเด็กที่กำลังจะตกเป็นเหยี่อรายที่ 5 แจ้งตำรวจให้จับเขาในขณะที่กำลังถ่ายรูปเปลือยของเธอ
ต่อมาตำรวจก็ได้ทำการตรวจค้นบ้านของซึโตมุพร้อมกับพบวีดีโอการกระทำอันโหดร้ายกับรูปถ่ายของเหยื่ออยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาสื่อของประเทศญี่ปุ่นก็ตั้งฉายาให้แก่ซึโตมุว่า "ฆาตกรโอตาคุ" ผู้ชื่นชอบอนิเมะ หลังจากที่พ่อของซึโตมุทราบข่าวก็เกิดความละอายใจในตัวลูกของตนและปฏิเสธที่จะประกันตัวซึโตมุ แต่นั่นก็ไม่ได้สะกิดซึโตมุแม้แต่น้อย
ในช่วงที่ขึ้นศาลซึโตมุได้ให้การว่าทุกอย่างเกิดจากบุคลิกอีกอย่างของเขา โดยซึโตมุเรียกมันว่า "มนุษย์หนู" เป็นฝ่ายลงมือฆาตกรรม สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือซึโตมุไม่ได้สำนึกผิดแม้แต่น้อยพร้อมยังภาคภูมิใจและบอกว่านั่นเป็น "ความเมตตากรุณา" จนท้ายที่สุดซึโตมุได้ถูกประหารในวันที่ 17 มิถุนายน ปี2008 เป็นการปิดฉากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอย่างสมบูรณ์
คดีนี้เป็นอีกคดีน่าเศร้ามากครับ และหลายๆคนมักจะโทษว่าทั้งหมดเป็น "ความผิดของอนิเมะ" ซึ่งนั่นอาจจะเป็นการเหมารวมเกินไปครับ เหมือนกับที่เราโทษเกมนั่นแหละครับ เพราะจนแล้วจนรอด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือจิตใจของมนุษย์ครับ ไม่ว่างานอดิเรกของเราจะเป็นอะไรแต่การที่ทำให้ผู้อื่นต้องเสียหายทางความรู้สึก ร่างกาย และทรัพย์สินก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีเลยครับ
ขอบคุณขอมูลดีๆจาก wikipedia
โฆษณา