20 มิ.ย. 2020 เวลา 01:24 • ไลฟ์สไตล์
ในความทรงจำ (3)
เด็กน้อยในกระบุงหาบไม้คาน
ย้อนวัยไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อน (อุ๊ย บ่งบอกอายุปัจจุบัน) ครอบครัวชาวนาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในแถบชนบทของตัวเมืองเพชรบุรี ฮ่า ๆ ๆ ทั้งที่อยู่อำเภอเมืองแท้ ๆ แต่บ้านเราดูเหมือนห่างไกลความเจริญจัง
วาดเองมือไม่ถึงศิลป์ เอาแค่ดูเป็นภาพประกอบละกันเนอะ
ไปกันต่อดีกว่า บ้านเรามี 5 คน และแน่นอนว่าทำนาเป็นอาชีพหลัก แต่ที่นาส่วนใหญ่เช่าจากคนอื่นทำ เมื่อถึงฤดูทำนาในช่วงเดือนพฤษภาคม ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูการ ชาวนาในหมู่บ้านก็ออกจากบ้านตั้งแต่ก่อนไก่โห่ แสงตะวันยังไม่แตะขอบฟ้า เพื่อไปยังผืนนาของตนเองซึ่งอยู่รายล้อมรอบหมู่บ้านเหมือนหมู่บ้านเราเป็นเกาะอยู่กลางทุ่งนา มีถนนแยกย่อยจากสายหลักทอดยาวผ่านกลางหมู่บ้าน
ทุก ๆ เช้าพ่อเราจะออกไปนาก่อนส่วนแม่ต้องเตรียมหุงหาข้าวปลาอาหารใส่หาบคาน ตามไปทีหลัง ส่วนเด็ก ๆอย่างเรา อันประกอบไปด้วย
ตัวเรา น้องสาว และน้องชาย ยังไม่ตื่นนอนจนกว่าจะถูกเรียกให้ลุกขึ้นเมื่อตะวันเริ่มจับขอบฟ้าแล้วนั่นล่ะ
ท้องทุ่งนา โดยแม่หมวย
ผืนนาที่บ้านเราทำ อยู่ห่างไกลจากบ้านเราพอสมควร (ความรู้สึกเราในวัยเด็กว่าไกลมาก) ไม่มีทางถนนแม้เส้นเล็ก ๆ ผ่านไปยังนาได้ วิธีจะไปให้ถึงคือเดินบนคันนาเล็ก ๆ จากนานี้ไปนานั้นไปนาโน้นเรื่อยไปจนกว่าจะถึง
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสาง พวกเรา เด็ก ๆ ถูกปลุกให้ตื่นเตรียมตัวออกเดินทาง แม่เตรียมอาหารใส่กระบุงหนึ่งข้าง ที่สอดในสาแหลกพร้อมไม้คานหาบ ไว้แล้ว ส่วนอีกข้างมีขวดน้ำสองสามขวดวางในนั้น แม่จัดการล็อกกุญแจบ้านเรียบร้อยแล้ว ร้องบอกพวกเรา “ป๊ะ ..ไปกันได้แล้ว” แม่ยกคานหาบขึ้นเทินบ่า ปรับสมดุลให้หาบทั้งสองข้างหนักเท่า ๆ กัน ก่อนจะออกเดินนำหน้าพวกเราไป
ด้วยความที่ต้องช่วยกันทำมาหากินจึงไม่มีใครอยู่บ้านคอยดูแลพวกเรา ดังนั้นไม่ว่าจะไหนพวกเราก็ต้องไปด้วยกันหมดทั้งบ้าน
พวกเราเดินตามหลังแม่ไปบนคันนา รู้สึกว่าแม่เดินเร็วมาก เดินตามแทบไม่ทัน ไม่รู้เดินมานานแค่ไหนแล้วรู้แต่ว่าพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ทอแสงอ่อนๆแล้ว แม่หยุดเดินวางหาบกระบุงลงกับพื้น หยิบขวดน้ำสองขวดส่งให้ เรากับน้องสาวถือไป จัดให้กระบุงข้างหนึ่งมีพื้นที่ว่าง "แม่จะทำอะไรหว่า" จากนั้น แม่ยกตัวน้องชายที่เล็กๆ ใส่ลงไปในกระบุงหาบข้างนั้น “ โอ๊ะ!..แม่จะหาบน้องไปด้วยเหรอ ” นึกอยู่ในใจ แล้วแม่ก็ทำอย่างที่เราคิดจริง ๆ “โห สบายเลยน้องเรา “ แต่หลังจากที่แม่เอาน้องลงหาบคานไปด้วย เราทั้งหมดก็เร่งฝีเท้าได้ไวขึ้น แม้จะเดินตามหลังแม่อยู่ห่าง ๆ แต่ก็ยังคงเดินตามต่อไปจนถึงผืนนาของเราในที่สุด
เราและน้องสาวเหนื่อยหอบไปตามกัน เมื่อแม่วางหาบลงตรงที่ร่มไม้สำหรับพักเหนื่อย ก็เป็นเวลาสาย พ่อวางมือจากงานที่ทำเดินมาที่พวกเรา แม่จัดแจงข้าวปลาอาหารออกมาวางพร้อมให้เราทุกคนได้นั่งกินข้าวเช้าพร้อมกันกลางทุ่งนากว้างนั้น อย่างหิวโหย
หลังจากอิ่มข้าวแล้ว ยังมีอาหารอีกส่วนหนึ่งไว้สำหรับกลางวัน จากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองก็ลงท้องนาทำงานกันต่อไป เด็กๆสามคนก็ลงนาเหมือนกันแต่เพื่อเล่นโคลนนะ นอนแถกไถตามเหมืองน้ำ สนุกสนานกันตามประสาเด็กบ้านนอกคอกนา .....😁😁
เครดิตภาพ : เพจบ้านสวนพอเพียง.คอม
เรื่องราวเด็กน้อยในกระบุงหาบคาน เป็นที่เล่าขานของคนในหมู่บ้าน เพราะต่างคนต่างทำนาด้วยกันนั้นไม่มีบ้านไหนทำกันอย่างบ้านเรา เป็นภาพที่คนในทุ่งนาเห็นกันอยู่บ่อย ๆ จวบจนเมื่อเราโตกันกว่านั้นแล้ว ภาพเช่นเดิมก็ไม่มีให้เห็นอีก เป็นแต่เพียงภาพในความทรงจำเท่านั้นที่ยังคงอยู่
ปัจจุบันนี้ยังคงมีผู้ใหญ่ในสมัยนั้นนั่งคุยกัน เมื่อใดที่เจอเราเขายังเล่าเรื่องเด็กน้อยในกระบุงหาบรวมถึงเรื่องราวที่เราสามคนพี่น้องมักจะเล่นสนุกคลุกขี้เลนในท้องนาจนเหนี่ยงไปทั้งตัว ให้ฟังกันอยู่เลย เล่าพลางหัวเราะขำกันเพลินไป เราฟังไปยิ้มขำตัวเองไปด้วยเหมือนกัน
จบแล้วค่ะเด็กน้อยในกระบุงหาบไม้คาน หวังว่าอ่านแล้วจะได้รับความเพลิดเพลินกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
---ดินสอสี--- 20/6/63

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา