20 มิ.ย. 2020 เวลา 03:33 • ธุรกิจ
ขุนทอง 4.0 เปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาส
เทคโนโลยีดิสรัปชั่น และไวรัสโควิด-19 ผลักดันให้ธุรกิจต่าง ๆ ปรับตัว หลายธุรกิจต้องลุกขึ้นทำหลายสิ่งที่ไม่เคยทำเพื่อรับมือความไม่เหมือนเดิม “ธนาคาร”ก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังไทยพาณิชย์ (เอสซีบี) มีนโยบายทำงานจากที่ไหนก็ได้ พร้อมประกาศลงสนาม บริการ “ฟู้ด ดีลิเวอรี่” พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม “โรบินฮู้ด” อาสามาแก้ปัญหาให้ร้านค้ารายย่อย และเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค
อีกแบงก์ยักษ์ของไทยไม่รอช้า นำโดย “KBTG”บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทยถือโอกาสแนะนำเทคโนโลยีไร้สัมผัส (contactless) หลากหลายรูปแบบ
เช่น Face Check-in การสแกนตรวจสอบใบหน้าระบุตัวตนได้แม้สวมหน้ากากอนามัย, KLox ล็อกเกอร์ ที่เปิด/ปิดได้โดยการสแกนตรวจสอบใบหน้าแบบไร้การสัมผัส ทั้งร่วมกับร้านกาแฟ Black Canyon พัฒนาบริการสั่งอาหาร และชำระเงินผ่านตู้อัตโนมัติได้ รวมถึงการพัฒนา Contactless Menu ระบบสั่งอาหารผ่านหน้าจอแท็บเล็ตที่ตรวจจับความเคลื่อนไหวของมือทำให้ลูกค้าทำรายการได้โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ เป็นต้น
เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG
ล่าสุด เปิดตัว โซเชียล แชทบอท “ขุนทอง เหรัญญิก 4.0” บนแอปพลิเคชั่น ไลน์ (LINE)
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิสซิเนส–เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่าขุนทองเป็นเทคโนโลยีที่ธนาคารกสิกรไทย และKBTG ร่วมกันพัฒนา เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบรวมกลุ่มตั้งกรุ๊ป LINE ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กินข้าว, เก็บเงินเที่ยว เป็นต้น และพบว่า Pain Point ที่คนส่วนใหญ่มีร่วมกัน คือการหารบิล และการทวงเงิน
อันเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา ขุนทอง 4.0 ภายใต้แนวคิด 3 ด้าน คือ 1.เพื่อเป็นเหรัญญิกในการบริหารจัดการเรื่องเงินทองในกลุ่มเพื่อน 2.พัฒนาฟีเจอร์ใช้งานครอบคลุมไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายในกลุ่มเพื่อน เช่น หารค่าข้าว เก็บเงินทริปเที่ยว แชร์เงินกองกลาง และ3.เป็น Cashless Payment ทำให้การจ่ายเงินสะดวก และลดการจับต้องเงินสด
“น้องๆ ในKBTG รวมทีมกันพัฒนาโดยไม่มีงบการตลาดใดๆ แต่รู้ว่ามาถูกทางเมื่อนำไปเปิดตัวในงานหนึ่งแล้วมีคนรีทวีตทันที 1.5 หมื่นคน มีการแชร์ถึง 3 หมื่น แสดงว่า problem solution fit ละ สเต็ปถัดไป คือการพัฒนาบริการให้เมคชัวร์ว่าจะใช้งานได้จริง โดยเริ่มจากการทดลองใช้งานภายในแซนด์บ็อกซ์ของเราเองก่อน"
นายเรืองโรจน์บอกว่า ประสบการณ์การทำงานในซิลิกอนวัลเลย์ และกูเกิลทำให้เขารู้ว่าจะมีช่วงเวลาเดียวเท่านั้นในการสร้างความประทับใจจึงบอกทีมงานว่าช่วงที่ใช้กันเองไม่เพอร์เฟ็คได้ แต่เมื่อไรที่จะนำไปให้ลูกค้าใช้จะต้องสมบูรณ์ที่สุดระดับ “พิกเซล เพอร์เฟค”
“ขุนทอง”เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อลูกค้าโดยหวังที่จะสร้างประสบการณ์แบบไร้สัมผัสรับวิถีชีวิตปกติใหม่ในยุค augmented intelligence ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาเสริมเติมศักยภาพให้ผู้บริโภค ตอบโจทย์ชีวิตในยุคที่เวลาเป็นสิ่งมีค่า
ทีมขุนทอง จาก hackathon สู่ new service new business model
"เราเชื่อว่าถ้าพัฒนาโปรดักต์ดี ๆ ให้ลูกค้าที่ยังไม่ได้ใช้ K-Plus ได้สัมผัสประสบการณ์เบื้องต้นของโมบายแบงกิ้งว่าเป็นอย่างไร เมื่อเขาชอบ ต่อไปก็จะมาเปิดบัญชีกับ KBank ปัจจุบันมียอดเปิดกว่า 1 แสนบัญชีต่อเดือน ถ้านำไปผูกบัญชีกับขุนทองจะยิ่งทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น คาดว่าทรานแซ็กซั่นจะเพิ่มขึ้นราว 30%"
ปัจจุบัน “ขุนทอง”มีผู้ใช้งานกว่า 3 หมื่นราย และเข้าไปทำหน้าที่จัดการบิล และจ่ายเงินรวมมูลค่ากว่า 135 ล้านบาท แล้ว จากการใช้งานพบว่า 90% สามารถปิดบิลได้ภายใน 1 วัน และคาดว่าในปีนี้จะมีผู้ใช้กว่า 6 แสนราย เพิ่มธุรกรรมทางการเงินผ่าน K-Plus ที่ปัจจุบันมี 277 ล้านธุรกรรมต่อเดือน เฉลี่ยคนละ 30 ครั้ง/เดือน เป็น 40 ครั้ง/เดือน
“ธนาคารต้องอยู่ไปทุกที่ ไม่ใช่แค่ในมือถือ เทคโนโลยีที่ธนาคารสร้างขึ้น มีหน้าที่ทำให้ชีวิตคนดีขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หรือรูปแบบในการดำรงชีวิต เราอยากให้คนมีประสบการณ์ในการดำรงชีวิตที่ดี แม้ยังไม่เป็นลูกค้าชองเราก็ไม่เป็นไร จงเอาเวลาไปใช้ชีวิต ส่วนอื่นๆ ให้เทคโนโลยีทำให้ คุณมีหน้าที่สะสมช่วงเวลาดี ๆ "
Future of banking ในมุมมองของผู้บริหาร KBTG คือการทำให้เทคโนโลยีรู้จัก และรู้ใจ “ลูกค้า”เป็นการนำเทคโนโลยีมาเติมเต็มศักยภาพให้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค New Normal ที่คนเรามาเจอกันน้อยลง ดังนั้นทุกครั้งที่เจอจึงควรเป็นช่วงเวลาที่ดีหรือมีประสบการณ์ที่มีค่าร่วมกัน
โฆษณา