ตอนที่ได้อ่านพล็อตกับดูตัวอย่างในทีแรก ความคิดในตอนนั้นของผมมองว่าหนังอาจจะทำมา ในแนวเดียวกับหนังสเปนเรื่อง Sleep Tight (2011) อำมหิตจิตบงการ หรือว่าหนังเกาหลีเรื่อง Door Lock (2018) หรือเปล่า แต่หลังจากดูจบแล้วคงบอกได้ว่า หนังมีส่วนคล้ายกันแค่เรื่องของการซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงเท่านั้นเอง ส่วนที่เหลือนอกนั้นไม่มีอะไรใกล้เคียงกันเลย ยิ่งกับตอนจบของหนังมันกลายเป็นความเศร้า ที่คนดูอย่างเรา ๆ อาจจะกลั้นน้ำตาให้กับสตอลเกอร์โรคจิตอย่าง มิทสึอิ เอาไว้ไม่ได้
คนดูอย่างเราจะเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ มิทสึอิ ตัดสินใจย้ายมาอยู่ใกล้บ้านของ ซาซากิ เลยว่า ผู้ชายคนนี้เป็นสตอลเกอร์แน่นอน เขาคลั่งไคล้เธออย่างมาก ในห้องของ มิทสึอิ มีทั้งหุ่นพลาสติกแทนตัวของ ซาซากิ มีรูปของเธอแปะเต็มผนังห้องไปหมด เขาส่องกล้องมองดูเธอทุกวัน เขาเข้าไปติดเครื่องดักฟังในบ้านเธอ ที่หนักไปกว่านั้นคือลงทุนนุ่งผ้าอ้อมสำเร็จรูป เพื่อเข้าไปซ่อนใต้เตียงแอบฟังผัวเมียเขาจู๋จี๋กัน
ชั่วขณะหนึ่งคนดูอย่างเรา ๆ ก็เหมือนกับ มิทสึอิ นั่นแหละ (ไม่ได้หมายความว่าเป็นสตอลเกอร์เหมือนกันนะ ฮ่าฮ่า) หมายถึงว่า มิทสึอิ ลืมถึงเหตุผลที่ตัวเองอยากรู้คำตอบว่าทำไม ซาซากิ ที่เคยสดใสจึงหายไป แต่หลังจากที่รู้เหตุผลนั้นแล้ว มิทสึอิ กลับไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เมื่อตัวเขาเองที่เป็นพวกสตอลเกอร์ก็ผิดมากอยู่แล้ว อีกด้านหนึ่งเขาก็อยากช่วย ซาซากิ แต่ความกล้ามันมีไม่มากพอ
ตอนที่เราดูมาถึงจุดนี้คนที่น่าสงสารที่สุดจึงเป็น ซาซากิ ที่สามีเป็นพวกใช้ความรุนแรง เขาทำเหมือนเธอไม่ใช่คนแล้วเธอก็ไม่สามารถหนีไปจากเขาได้เมื่อมีลูกด้วยกัน ซ้ำตัวเองยังกลายเป็นเป้าหมายของสตอลเกอร์อย่าง มิทสึอิ เนื้อหาหนังในส่วนนี้ให้พูตรง ๆ ค่อนข้างมีความรุนแรง ชวนหน่วง แล้วก็ฉากต่าง ๆ ก็ค่อนข้างไม่น่ามองประมาณหนึ่งเลยล่ะครับ
แต่อีกด้านหนึ่งหนังก็ค่อย ๆ เผยเรื่องราวของ มิทสึอิ ออกมาว่าทำไมเขาถึงได้ฝังใจกับ ซาซากิ นัก เมื่อถึงฉากสุดท้ายบทสรุปเรื่องราว ในหัวมันจึงสับสนไปหมดว่า ตกลงแล้วเราควรจะสงสาร มิทสึอิ ไหมหรือว่าไม่ควร เมื่อสิ่งที่ทำผ่านมาในการเป็นสตอลเกอร์มันก็แย่จริง ๆ แต่เหตุผลที่เขาตัดสินใจตามเธอมันก็ชวนให้น่าสงสาร เพราะเชื่อว่าทุกคนคงไม่มีใครอยากถูกลืม เพียงแค่การที่ ซาซากิ จดจำชื่อของเขาได้เพียงหนึ่งครั้ง มันก็คือความสุขมากมายสำหรับคนอย่าง มิทสึอิ แล้ว
เป็นหนังที่มีฉากจบที่ผมชอบอีกเรื่องหนึ่ง มันเรียบง่ายเหมือนกับหนังเรื่อง Guilty of Romance (2011) ของ ซิอน โซโนะ ฉากที่ตัวละครวิ่งตามรถขยะไปจนไปหยุดอยู่หน้าสถานที่แห่งหนึ่ง มันอธิบายสิ่งที่หนังพยายามสื่อสารได้ครบถ้วน ส่วนใน Under Your Bed เรื่องนี้ ที่แค่ตัวละคร ซาซากิ เอ่ยชื่อของ มิทสึอิ ออกมาแค่คำเดียว มันก็อธิบายเรื่องราวได้หมดจดเช่นกัน
สรุปแล้ว Under Your Bed (2019) เป็นหนังที่บอกกันตรง ๆ ว่าไม่เหมาะกับทุกคน หนังมีแต่ตัวละครที่หากไม่ป่วยหรือใช้ความรุนแรง ก็กลายเป็นเหยื่อโดนทำร้ายเสียเอง แต่ถามว่าหนังมันมีความน่าสนใจไหม ส่วนตัวผมมองว่ามันน่าสนใจตรงที่หนังจับประเด็น ของการอยากเป็นคนสำคัญของ สตอลเกอร์ ที่แค่ถูกจดจำได้เพียงครั้งเดียว นั่นก็คือความฟินสุด ๆ ของเขาแล้ว