ท่ามกลางเหมืองหลวงที่วุ่นวายใจกลางกรุงเทพมหานคร "นนท์" เด็กหนุ่มจากต่างจังหวัดคนหนึ่ง ซึ่งเหมือนคนต่างจังหวัดทั่วไป ที่เข้ามาในเมืองที่แห่งนี้ เพื่อหวังหางานทำ ณ เมืองแห่งนี้และฝันอนาคตที่สบายที่ฝันเอาไว้ "นนท์" นั้นประกอบอาชีพเป็นพนักงานเสริฟอาหารอยู่ร้านอาหารกลางคืนอาชีพนี้สำหรับนนท์นั้นเป็นงานที่นนท์ทำมาหลายปี ส่วนมากเวลาเลิกงานของนนท์มักจะเป็นเวลาที่ดึกมากทุกวัน นนท์ เป็นหนุ่มโสด หน้าตาธรรมดา เป็นคนขี้อาย และเป็นคนซื่อ ประสบการณ์ความรักของนนท์นั้นจึงมีน้อยถึงมีก็มักจะประสบกับความเสียใจอยู่เรื่อยไป เขาจึงเป็นคนนึงที่ชอบเก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก
วันหนึ่งนนท์ได้งานใหม่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวห้วยขวาง นนท์จึงจำเป็นต้องหาที่พักใหม่เพื่อจะได้อยูใกล้กับที่ทำงานใหม่ของนนท์ แล้วนนท์ก็ได้เจอที่พักที่หนึ่งในเฟสบุ๊ค ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับที่ทำงานใหม่ของนนท์ ที่สำคัญราคาไม่แพงมากนักซึ่งเหมาะกับคนทำงานรายได้น้อยอย่างนนท์ นนท์จึงติดต่อกับเจ้าของห้องเช่าทันที ช่างโชคดีเหลือเกิน มีห้องให้นนท์เช่าห้องนึงพอดี นนท์ติดต่อไปที่ห้องเช่านี้ทันที แล้ววันรุ่งขึ้น นนท์เดินทางไปดูห้องพักแต่เช้า นนท์เดินทางโดยขึ้นรถเมล์ ตามประสาของคนกรุงเทพ จนมาถึงที่พักที่นนท์ติดต่อขอเช่าในเฟสบุ๊ค สภาพของห้องเช่านั้นเป็นตึกเก่าแก่ประมาณ 3 ชั้นเป็นตึกแถว สภาพภายนอกทาสีฟ้าซึ่งสภาพของสีนั้นร่อนกล่อนจนบอกสภาพว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเพียงใด นนท์ไม่รอช้านนท์รีบโทรหาเจ้าของห้องเช่าทันที ตอนที่นนท์กำลังจะโทรศัพท์โทรหาเจ้าของห้องเช่านั้น ก็มีเสียงจากข้างหลัง "มาหาใครหรอค่ะ" นนท์หันหลังกับไปก็พบกับ หญิงสูงวัยอายุประมาณ 60 กว่าๆ ยืนมองหน้านนท์ด้วยความสงสัย นนท์จึงตอบกับหญิงสูงวัยคนนั้นว่า "ผมมาติดต่อจะขอเช่าห้องอ่ะครับ" หญิงสูงวัยก็ทำหน้าหายสงสัยแล้วตอบนนท์ว่า "อ๋ออ ที่ติดต่อมาทางเฟสบุ๊คใช่ไหม" นนท์จึงตอบ"ครับ" แล้วนนท์กับหญิงสูงวัยก็เจรจาค่าห้องค่ามัดจำต่างๆให้นนท์รับทราบ นนท์รู้สึกพอใจกับค่าเช่าที่มีราคาถูก แล้วหญิงสูงวัยก็พานนท์ไปดูห้องที่นนท์จะได้อยู่ ห้องของนนท์อยู่ชั้นสาม แต่พอเข้าไปภายในตึกห้องเช่าแห่งนี้นนท์รู้สึกว่า มีห้องว่างค่อนข้างเยอะ เพราะหน้าประตูแต่ล่ะห้องถ้ามีคนอยู่ต้องมีรองเท้าวางอยู่หน้าห้อง แต่ที่นนท์ดูๆนั้นมีแค่ ประมาณสามสี่ห้องที่มีคนอยู่ แต่นนท์ก็รู้สึกดีเพราะว่าการที่มีคนอยู่เยอะๆ จะวุ่นวาย คนน้อยๆน่าจะสงบดีสำหรับหอแห่งนี้ แล้วหญิงสูงวัยก็พานนท์จนมาถึงห้องที่นนท์ได้อยู่ซึ่งอยูชั้นสามชั้นบนสุดของตึกนี้ เมื่อนนท์มองไปห้องอื่นก็รู้สึกว่าเหมือนไม่มีใครอยู่เลยนอกจากนนท์ แต่นนท์กลับรู้สึกชอบอีก เพราะรู้สึกเหมือนมีอภิสิทธิที่ชั้นนี้เป็นของเขาคนเดียว "งั้นผมย้ายของมาวันนี้เลยนะครับ" นนท์รีบให้คำตอบกับหญิงสูงวัยทันที ทั้งสองจึงตกลงทำสัญญากันในทันที นนท์รีบกลับไปห้องเช่าเดิมแล้วย้ายของมาห้องเช่าแห่งใหม่นี้ทันที
เมื่อเวลาบ่ายของวันนั้น นนท์ ก็ขนของใช้ทั้งหมดมาโดยรถแท็กซี่ มาถึงที่ตึกแห่งใหม่ นนท์จัดการขนของทั้งหมดขึ้นไปยังห้องใหม่ของเขา นนท์จัดแจงเก็บกวาดจัดห้องจนเสร็จจนเวลาล่วงเลยมาเกือบค่ำ และแล้วห้องใหม่ของนนท์ก็จัดเสร็จสมบูรณ์ เขาดูภูมิในในห้องใหม่อย่างมาก นนท์จึงอาบน้ำ และออกไปหาอะไรกินข้างนอกและออกเดินเที่ยวเล่นตามประสาหนุ่มโสดตัวคนเดียว จนเวลาผ่านมาตอนนี้ก็สี่ทุ่มโดยประมาณ นนท์กลับห้องของเขาทันที ใช้เวลามาถึงห้องเกือบๆห้าทุ่ม นนท์เดินขึ้นห้องอย่างสบายใจมาถึงชั้นสามจนถึงหน้าห้องของนนท์ นนท์ก็มองเห็นห้องต้องข้ามของเขานั้นมีไฟเปิดอยู่ นนท์นึกใจว่า "มีคนอยู่ชั้นนี้ด้วยเหรอเนี่ย" นนท์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยว่ามีคนอาศัยอยู่ด้วยชั้นเดียวกับเขาเพราะคิดว่าเขาอยู่ชั้นนี้คนเดียว นนท์ก็ไม่ได้สนใจอะไรก็ก้มเปิดกุญแจเข้าห้อง ในตอนที่เขากำลังก้มไขกุญแจอยู่นั้นเอง นนท์รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ข้างหลัง นนท์จึงหันกับไปตามความรู้สึกสัญชาตญาณของนนท์ ก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ห้องตรงข้าม เธอแย้มผ้าม่านแอบมองเขาทางหน้าต่าง หญิงสาวคนนั้นหน้าตาสวย ผิวขาว ผมสลวยยาว ใส่เสื้อสีแดง เมื่อนนท์เห็นดังนั้นก็นึกในใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงสวยน่ารักขนาดนี้ ด้วยความเขินของนนท์จึงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องของเขาโดยเร็ว จากที่เมื่อกี้นั้นนนท์รู้สึกผิดหวังว่ามีคนมาอยู่ร่วมชั้นสามกับเขา แต่ตอนนี้นั้นนนท์แอบดีใจที่ได้อยู่ใกล้ๆกับสาวน่ารักๆ นนท์รู้สึกปลื้มใจ จนคืนนั้นนนท์หลับสบายทั้งคืน
เช้าอีกวันนนท์ตื่นขึ้นมาปกติล้างหน้าแปรงฟันเตรียมตัวออกไปหาอะไรกินตอนเช้าเหมือนทุกวัน แต่วันนี้นนท์ดูจะแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ เพราะว่านนท์ตั้งใจอาจจะเจอสาวตรงข้ามห้องของเขาเผื่อเธอจะสนใจนนท์มาบ้าง นนท์เปิดประตูห้องออกไปเผื่อจะเจอกับสาวเสื้อแดงคนเมื่อคืน แต่ห้องของเธอนั้นปิดอยู่และไม่มีรองเท้าหน้าห้องอยู่ นนท์นึกในใจ เธอคงจะไม่อยู่ห้องแน่ๆ นนท์ก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอกต่อ สักพักนนท์ก็กลับมาห้อง นนท์ก็มองห้องตรงข้ามอีกครั้ง ก็ดูเหมือนไม่มีใครอยูเหมือนเดิม นนท์ก็เข้าห้องของเขา จนเวลาประมาณบ่ายสาม นนท์อาบน้ำแต่งตัวชุดทำงานเพื่อจะไปทำงานที่ใหม่ของเขาวันแรกนนท์ออกมาจากห้องก็ยังคงมองห้องตรงข้ามอีกแต่ดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่เหมือนเดิม นนท์ก็ออกไปทำงานต่อ นนท์มาถึงทำงานประมาณบ่ายสี่โมงครึ่งนนท์ไปรายงานตัวกลับผู้จัดการของเขานนท์ก็เริ่มงานของเขาที่เขาเคยทำมาหลายปีจนมาถึงเวลาเลิกงานของนนท์ประมาณตีหนึ่ง เขาก็นั่งแท็กซี่กลับที่พัก เมื่อมาถึงที่พักก็เป็นเวลาตีสองกว่าๆ นนท์เดินขึ้นห้องของเขาอย่างปกติ พอถึงชั้นสามนนท์ก็ยังไม่วายที่จะมองห้องตรงข้าม แต่คราวนี้เขาได้เห็นหญิงสาวคนนั้นทั้งตัว เพราะเธอยืนอยู่หน้าห้องของเธอ เธอดูเป็นผู้หญิงสวยหน้าดูเป็นคนเชื้อสายจีน ผมยาวสลวย สูงประมาณ 150 กว่า ผิวขาวอมชมพู สวมเสื้อสีแดง กางเกงแสล็คสีน้ำตาล ยืนเหมือนรอใครสักคน นนท์เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกเขิลเธอมาก แต่ด้วยความรู้สึกชอบผู้หญิงคนนั้นมาก นนท์จึงเดินไปทักทายเธออย่างอายๆ "หวัดดีครับผมมาอยู่ใหม่อยู่ห้องตรงข้ามสวัสดีครับ" เธอหันมามองนนท์แล้วยิ้มให้นนท์ ในตอนนั้นเองนนท์รู้สึกเคลิ้มไปกับรอยยิ้มของเธอ จนหัวใจของหนุ่มโสดคนนี้นั้นพองโตขึ้นมาทีเดียว เธอไม่ได้พูดอะไรกับนนท์ได้แต่ยิ้มให้กับนนท์ นนท์แนะนำตัวเองแระจึงเอ่ยถามชื่อของเธอ ซึ่งเธอก็คงยังยิ้มให้กับนนท์เหมือนเดิม ซึ่งนนท์รู้สึกแปลกใจทำไมเธอถึงไม่พูดออกมา ก็ได้แต่แอบคิดว่าเธอเป็นใบ้หรือเปล่า นนท์จึงขอตัวเข้าห้องของตัวเอง คราวนี้เธอรู้สึกเหมือนมีสีหน้าเหมือนกับผิดหวังอะไรบางอย่างเมื่อนนท์จะเข้าห้องพัก นนท์จึงตัดสินใจถามเธอไปตรงๆว่า เธอพูดไม่ได้หรือป่าว เธอก็พยักหน้าให้กับนนท์ ที่แท้เธอพูดไม่ได้นี่เอง นนท์ก็เลยคุยกับผู้หญิงคนนั้นต่อ "อยู่กับใครหรอครับ" เธอทำนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้วแสดงว่าเธออยู่คนเดียว แล้วนนท์จึงถามคำถามสำคัญกับเธอว่า "มีแฟนยังครับ" เธอดูเขินอายก่อนจะชูมือและส่ายไปมา คำตอบคือไม่มีนั้นเอง นนท์รูสึกว่าตัวเองมีความหวังขึ้นมาแล้ว ทั้งสองคุยกันซักพักนึง ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนจะขอตัวเข้าห้องของตัวเอง นนท์จึงแยกตัวเข้าห้องของตัวเอง คืนนั้นนนท์รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเขาได้พูดคุยกับสาวที่เขาแอบปลื้มอยู่ แล้วคืนนั้นนนท์ก็หลับฝันดีตลอดทั้งคืน
เช้าวันต่อมา ก็เหมือนกิจวัติทุกวันของนนท์อาบน้ำแต่งตัวออกไปหาอะไรกินปกติ ก่อนออกห้องนนท์ก็มองห้องของหญิงสาวที่เขาพูดคุยเมื่อคืน แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ นนท์นึกในใจว่า เธอคงยังเรียนอยู่คงออกไปเรียนมั้ง นนท์ก็ออกไปกินข้าวปกติ กับห้องนอน บ่ายสามเตรียมตัวไปทำงาน เหมือนทุกวัน วันนี้นนท์ก็เลิกงานถึงห้องเวลาเหมือนเดิม และวันนี้นนท์ก็เห็นหญิงสาวคนนั้นอีกเหมือนเดิม เขาก็ได้พูดคุยกับหญิงสาวคนนั้นในเวลานั้นทุกวัน จนเวลาดำเนินผ่านมาเป็นเดือน จนทำให้นนท์กับหญิงสาวคนนั้นรู้สึกสนิทกับนนท์มากขึ้น นนท์ได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ชื่อ เหมย เธอเคยมีแฟนคนนึงแต่แฟนของเธอไปมีผู้หญิงคนอื่นและทิ้งเธอไป จนทำให้เธอต้องอยู่คนเดียว นนท์รู้สึกว่า เหมยเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารอย่างมากทั้งสองได้คุยกันทุกวันจนทั้งคู่รู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจสำหรับนนท์คือ เวลาที่นนท์ได้คุยกับเหมยจนถึงเวลาตีสามเกือบครึ่งของทุกวัน เหมยมักจะขอตัวเข้าห้องเสมอ เป็นเวลานี้ทุกครั้งที่ทำให้นนท์แปลกใจ แต่นนท์ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นอยู่ในใจ จนวันนึงนนท์ตื่นขึ้นมาเหมือนปกติทุกวันอาบน้ำแต่งตัวออกไปกินข้าว แต่วันนี้นนท์มีความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นว่าห้องที่เหมยอยู่เป็นยังไง วันนี้นนท์จึงไปแอบส่องตรงกระจกห้องของเหมยก่อนไปกินข้าว ด้วยความอยากรู้ว่าห้องเหมยเป็นยังไง นนท์ส่องเข้าไปในหน้าต่างของห้องเหมยซึ่งผ้าม่านแง้มอยู่นิดหน่อยตรงช่องนั้นนนท์จึงส่องเข้าไป ห้องของเหมยนั้นรู้สึกดูมืดมากทั้งๆที่เวลานี้เป็นเวลาเช้า นนท์มองเข้าไปแต่เหมือนรู้สึกห้องของหมวยนั้นดูไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย จะมีเห็นก็เป็นภาพบางอย่างแขวนอยู่กลางห้อง แต่ด้วยความมืดมากจึงทำให้นนท์ไม่เห็นอะไร นนท์ก็ออกไปทานข้าวต่อ นนท์กินข้าวเสร็จก็กลับห้องเพื่อมาพักผ่อนเตรียมตัวไปทำงานเหมือนเดิม นนท์ก้อเดินมาถึงห้อง ก่อนจะเข้าห้องก็มองไปทางห้องของเหมย แล้วเรื่องแปลกก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาจากห้องของเหมย เมื่อเจ้าของห้องเห็นนนท์ ก็ทำหน้าตกใจ แล้วรีบก้มหน้าก้มตาเดินออกไป นนท์ก็สงสัยเจ้าของห้องว่าเข้าไปทำอะไรในห้องเหมย เขาเห็นก็คิดว่าเจ้าของห้องเข้าไปขโมยของอะไรในห้องเหมยหรือไม่ นนท์รูสึกไม่สบายใจ จึงหากุญแจมาล็อคห้องตัวเองก่อนออกไปทำงาน วันนี้นนท์ทำงานค่อนข้างเลิกดึกจึงทำให้กลับบ้านช้ากว่าเดิม นนท์มาถึงห้องวันนี้เป็นเวลาตีสาม นนท์ขึ้นห้องมา แต่วันนี้ไม่เจอ เหมย และห้องเหมยก็ดูเหมือนไม่มีคนอยู่ นนท์ก็คิดว่า เหมยคงไม่อยู่วันนี้ ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นนท์เข้าห้องนอน วันนี้นนท์รู้สึกเพลียมาก จึงไม่อาบน้ำ เลยนอนหลับทั้งชุดทำงานอย่างนั้น ในตอนที่นนท์กำลังจะเคลิ้มหลับ นนท์ก็ได้ยินเสียงบางอย่างมาจากห้องเหมย เสียงนั้นเหมือนคล้ายคนลากเก้าอี้หรืออะไรซักอย่าง ในตอนนั้นเป็นเวลาดึกจึงทำให้ได้ยินเสียงอย่างชัดเจน นนท์รู้สึกสงสัยว่าเหมยไม่อยู่ห้อง แล้วใครมาลากอะไรอยู่ในห้องเหมย ด้วยความสงสัย ว่าเป็นโจรหรือไม่ นนท์จึงแง้มผ้าม่านห้องตัวเอง มองไปทางห้องของเหมย ปรากฎว่าห้องของเหมยเปิดไฟอยู่ และเหมือนมีเงาคนอยู่ในห้องเหมย ในตอนนั้นนนท์คิดว่าต้องเป็นโจรเข้ามาขโมยของห้องของเหมยแน่นอน นนท์จึงหยิบไม้เบสบอลที่พกอยู่ในห้อง ถือออกไปค่อยๆไปทางห้องเหมย เพราะกลัวคนร้ายจะรู้ตัว เมื่อถึงหน้าห้องของเหมย นนท์ลองขยับลูกบิดประตูดู ปรากฎว่าประตูไม่ได้ล็อค เขาจึงเตรียมตัวเปิดประตูห้องเหมย และหมายจะตีโจรให้โจรสยบในทีเดียว นนท์เตรียมบิดลูกบิดรอจังหวะที่จะเปิดประตูเข้าไป และนนท์ก็บิดลูกบิดผลักประตูเข้าไปหมายจะตีโจรให้อยู่หมัด แต่สิ่งที่นนท์เห็นกับไม่ใช่โจรแต่จะเป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันลืม!!! ภาพที่อยูต่อหน้าคือร่างของเหมยที่ผูกคอตัวเองกับพัดลมเพดานที่กำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน นนท์เห็นอย่างนั้นด้วยความตกใจจึงพยายามจะช่วยเหมย แต่ทันทีที่คว้าตัวเหมยนนท์เหมือนกับคว้าอากาศผ่านตัวเหมยไปโดยสิ้นเชิง ทั้งๆที่เขาเห็นเหมยกำลังผูกคออยู่ต่อหน้าต่อตา ในภาพที่นนท์เห็นนั้นเหมยดิ้นอย่างทรมานโดนเชือกรัดคอจนตาถลนออกมาก ลิ้นจุกปาก เลือดไหลออกทั้งทางหูจมูกปาก เป็นภาพที่นนท์เห็นแล้วสยองสุดขีด ด้วยความกลัวสุดขีดนั้นเกินที่นนท์จะรับได้ จึงทำให้นนท์ก็สลบไป
นนท์ฟื้นอีกทีในตอนเช้า เข้าฟื้นมาในโรงพยาบาล เขารู้สึกเบลอในหัวเป็นอย่างมาก ข้างๆนั้นเป็นเจ้าของห้องเช่าที่เหมือนจะมาเฝ้าเขาอยู่ตลอด นนท์จึงถามกับเจ้าของหอว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าของหอได้เล่าเหตุการณ์ให้นนท์ฟังว่า เมื่อคืนคนที่หอเขาได้ยินเสียงนนท์ร้องโหวกเหวกโวยวายอยู่ชั้นสามเขาไม่กล้าขึ้นไปเขาจึงโทรให้เจ้าของห้องขึ้นไปดู ก็พบว่านนท์นอนสลบอยู่ในห้องตรงข้ามของนนท์ เจ้าของห้องเช่าจึงเรียกรถพยาบาลมารับ
นนท์ได้ยินอย่างนั้นจึงถามตรงๆกับเจ้าของหอว่าห้องตรงข้ามของเขานั้นมีอะไร เจ้าของหอก็ดูเหมือนรู้ว่านนท์น่าจะรู้อะไรบางอย่างก็เล่าประวัติห้องตรงข้ามให้ฟังว่า เมื่อก่อนห้องนั้นเป็นห้องที่พี่สาวของเจ้าของเคยอยู่ชื่อเหมยพิการเป็นใบ้ เธออยู่กับสามีของเธอที่ห้องนั้น อยู่มาวันหนึ่งสามีของเหมย ไปติดพันผู้หญิงคนอื่น ทิ้งให้เหมยต้องอยู่คนเดียว ด้วยความที่เหมยมีความรักต่อสามีมากจึงทำใจไม่ได้ จึงผูกคอตัวเองตายที่ห้องนั้น ห้องนั้นจึงปิดตายสนิท แต่เมื่อวาน เจ้าของห้องเห็นนนท์มาตอนกำลังเซ่นไหว้พี่สาวตัวเองอยู่จึงกลัวนนท์เห็นแล้วรู้สึกกลัวไม่อยากอยู่เลยรีบหนีจนลืมล็อคห้องไว้แล้วนนท์ก็เข้าไปนนอนสลบในห้องนั้น นนท์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกลัวอยู่ในใจที่ตลอดมาที่เขาได้พูดคุยกับเหมยนั้น ที่แท้เป็นวิญญานของเหมยนั้นเอง หลังจากที่นนท์ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง นนท์ได้ขอร้องให้เจ้าของห้องเปิดห้องเหมยเพราะเขาอยากเห็นห้องของเหมยอีกซักครั้ง หลังจากที่เจ้าของห้องเปิดห้องเหมยให้นนท์ นนท์ได้มองไปรอบๆห้อง ห้องนั้นไม่มีอะไรนอกจาก กระถางธูปและของเซ่นไหว้ที่แห้งแกรน และที่เหนือของเซ่นไว้นั้น ทำให้นนท์ตกใจอย่างมาก นั้นคือรูปถ่ายของหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย ผมยาวสลวย ผิวขาว สวมเสื้อสีแดง ภาพนั้นก็คือ เหมยนั้นเอง เหมยที่นนท์ได้พบเจอพูดคุยทุกครั้งที่เลิกงานมา นนท์ ตกตะลึง ซักพักชั่วครู่ ก็รู้สึกสงสารเหมยที่ต้องมารับชะตากรรมแบบนี้ ด้วยความที่นนท์นั้นแอบมีใจให้เหมยไปแล้วทำให้เขา ตัดสินใจไม่ย้ายออกและอยู่ที่ห้องเดิม ความรักที่เขามีให้กับเหมยนั้นมันคงจะมากเสียกว่าความกลัวแล้ว เจ้าของห้องก็ไม่ขัดใจอะไรนนท์
วันต่อมานนท์ก้อตื่นมาปกติ อาบน้ำ แปรงฟันออกไปหาอะไรกิน เหมือนเช่นทุกวัน ก่อนออกห้องเขาก็มองไปที่ห้องเหมยเหมือนเดิมด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย หลังจากออกไปกินข้าวเสร็จนนท์ก็กลับมาพักผ่อนที่ห้องรอไปทำงานเหมือนเดิม บ่ายสามกว่าๆ นนท์ก็ออกเตรียมตัวไปทำงาน จนเวลาล่วงเลยจนเลิกงานประมาณตีสองกว่าๆ นนท์ก็นั่งแท็กซี่กลับพอถึงที่พักก็เดินขึ้นห้องปกติ แล้วนนท์ก็ได้มองไปที่ห้องเหมย และภาพที่คุ้นตาของนนท์ก็เห็นผู้หญิงชุดแดง.......