25 มิ.ย. 2020 เวลา 10:16
ครอบครองที่ดินผืนใหญ่ วันหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับความตาย ถูกฝังลงในสุสานขนาด 6 ฟุต ที่ดินผืนใหญ่นั้นจะมีความหมายอะไร? ไปหาคำตอบพร้อมกันครับ
คุณเคยมีคำถามเหล่านี้ไหมครับ “ทำอย่างไรฉันถึงจะหาเงินได้มากกว่านี้” และ “ต่อไปจะกินหรือดื่มอะไรดี?” หรือ “ทำอย่างไรถึงเลื่อนตำแหน่งได้?” ปกติเราจะมีคำถามแบบนี้ผุดขึ้นในหัววันละหลายๆ รอบ แต่คุณเคยถามตัวเองไหมครับว่า ถ้าจากโลกนี้ไปแล้ว ฉันจะไปที่ไหน?
สัปดาห์นี้ผมจะพูดถึงเรื่องความหมายของชีวิต โดยยกตัวอย่างนิยายแต่งโดย คุณลีโอ ตอลสตอย (Leo Tolstoy) นักเขียนชื่อดังชาวรัสเซีย มีชื่อว่า “มนุษย์ต้องการที่ดินเท่าไร” (How much land does man need?) เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของพวกเรา
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อนานมาแล้ว ชาวนาคนหนึ่งชื่อ “ปาฮอม” เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวในชนบทของรัสเซีย มีที่ดิน 123 เอเคอร์ (ครึ่งตร.กม.) ในบ้านหลังใหญ่และปศุสัตว์มากมาย แต่ปาฮอมคิดว่าที่ดินของเขาที่มีอยู่ยังใหญ่ไม่พอ จึงอยากได้ที่ดินใหญ่กว่านี้ จะได้มีพื้นที่เลี้ยงสัตว์มากขึ้น จึงถามตัวเองว่า “ทำอย่างไรถึงจะมีที่ดินมากขึ้นนะ?”
วันหนึ่งนายหน้าค้าที่ดินผ่านมาที่บ้านของปาฮอม เขาจึงพูดคุยกับปาฮอมและเล่าว่า เขาซื้อที่ดิน 13,000 เอเคอร์ (52.6 ตร.กม.) จากนายแบชกีส ในราคา 1,000 รูเบิล (ประมาณ 600 บาท) ทำให้ปาฮอมตกใจมาก “จริงเหรอ! มีใครขายที่ถูกขนาดนี้ด้วยเหรอ เราซื้อที่ 13,000 เอเคอร์ได้ด้วยเงินแค่ 1,000 รูเบิลเนี่ยนะ นี่มันหลอกกันชัดๆ”
“ไม่ใช่นะครับ ลองดูโฉนดที่ดินนี้ก่อนครับ” แล้วนายหน้าก็นำโฉนดที่ดินออกมาให้ดู ก็เห็นว่าเป็นเรื่องจริง “ฉันต้องไปซื้อที่ดินที่นั่นให้ได้” ปาฮอมจึงถามทางไปบ้านนายแบชกีสทันที หลังจากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปกับคนใช้ของเขา เมื่อไปถึงปาฮอมได้ทักทายเจ้าของบ้านและผู้ใหญ่บ้าน พร้อมทั้งนำของฝากที่เขาเตรียมมามอบให้
จากนั้นปาฮอมก็เริ่มออกตัวก่อน “จริงๆ แล้ว ผมไม่เคยเห็นที่ดินที่ไหนจะอุดมสมบูรณ์ และกว้างขวางขนาดนี้มาก่อน ผมอยากจะซื้อที่ดินบางส่วนของที่นี่ครับ” สิ่งที่น่าประหลาดคือ นายแบชกีสตอบว่า “เราขายมันวันต่อวัน วันละ 1,000 รูเบิล เพียงแค่คุณเดินผ่านตรงไหนทำสัญลักษณ์ไว้ ทุกที่ที่เดินผ่านก็จะเป็นของคุณ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งข้อ คือจะต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนพระอาทิตย์ตก มิฉะนั้นทุกอย่างจะสูญเปล่าทันที”
ปาฮอมรู้สึกดีใจมาก ตัดสินใจว่า จะเริ่มเดินตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าจึงรีบเข้านอน แต่ก็นอนไม่หลับ เพราะคิดถึงแต่เรื่องที่ดิน วันถัดมาเขาไปที่เนินและพบกับผู้ใหญ่บ้านที่เอาหมวกขนหมาป่าวางไว้บนพื้นแล้วพูดว่า “เริ่มจากตรงนี้นะ คุณต้องกลับมาที่นี่ก่อนพระอาทิตย์ตก แล้วที่ดินที่คุณเดินได้ครบหนึ่งรอบจะเป็นของคุณ”
“ฉันต้องได้ที่ดินที่ใหญ่ที่สุด และดีที่สุดยิ่งกว่าใครๆ ฉันจะต้องไม่เสียเวลากับอะไรทั้งนั้น” ปาฮอมคิด จากนั้นเขาแบกพลั่วไว้บนบ่าและเริ่มเดินไปเรื่อยๆ เร่งฝีเท้ามองไปที่ดวงอาทิตย์ “ทำไมเวลาถึงผ่านไปไวขนาดนี้นะ” เขาถอดเสื้อคลุมพาดไว้บนไหล่ พร้อมถอดรองเท้าบูทออกแล้วเดินต่อไป เขาเริ่มจะมองไม่เห็นเนินเขาที่เดินจากมา และเห็นผู้คนบนเนินเขานั้นเล็กเท่ามดดำแล้ว
ปาฮอมคิด “สงสัยจะมาไกลพอสมควรแล้ว ถึงเวลาต้องเดินกลับแล้ว แต่ตอนนี้เหงื่อออกเต็มไปหมดและกระหายน้ำมาก” แต่แม้ว่าอากาศจะร้อนมากแค่ไหน ก็ยังเดินต่อไป เขามองกลับไปที่เนินเขาที่จากมา ความร้อนในอากาศทำให้มองเห็นคนไม่ชัดเจน แต่ก็ยังตัดสินใจว่า จะยังไม่กลับเพราะหากอยู่ต่อ เขาก็จะได้ที่ดินมากขึ้นอีก
ปาฮอมเดินไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที เขารีบเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะกลับไปที่เนินเขา แต่ตอนนี้เขาเดินกลับไปอย่างยากลำบาก เพราะเท้าเป็นแผลและฟกช้ำเต็มไปหมด ขาก็เริ่มล้า อยากหยุดพัก แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบนั้น เพราะพระอาทิตย์ไม่เคยรอใคร ความพยายามที่ผ่านมาก็คงจะจบลงด้วย จึงเริ่มวิ่งให้ไวขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าจะรีบวิ่งแค่ไหน ก็ยังอยู่ไกลเกินกว่าจะถึงจุดหมายได้ พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว เขาปวดเท้ามากๆ ทิ้งข้าวของทุกอย่าง เหลือเพียงแค่พลั่วที่ไว้ค้ำตัวเท่านั้น และยังคงวิ่งไปโดยที่ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ปากก็แห้งมาก หัวใจทำงานอย่างหนักและเต้นรัว ขาแทบจะหลุด แม้ว่าปาฮอมจะกลัวความตาย แต่เขาก็ไม่หยุดวิ่ง เมื่อใกล้จะถึงที่หมาย แบชกีสก็ตะโกนเรียกเขา ปาฮอมเริ่มเห็นผู้คนโบกมือให้ จึงรีบวิ่งต่อไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เขาพยายามที่จะประคองร่างกายไม่ให้ล้ม ตอนที่ไปถึงบนเนินเขาก็มองไปยังท้องฟ้า พระอาทิตย์ตกแล้ว!
ปาฮอมร้องไห้โฮออกมา “ความพยายามทั้งหมดของฉันมันสูญเปล่า” ตอนที่กำลังจะหยุดเดิน ก็ยังได้ยินแบชกีสตะโกนเรียก จึงนึกขึ้นได้ว่า คนบนเนินเขายังคงเห็นดวงอาทิตย์อยู่ จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ววิ่งไปบนนั้น เพื่อไปถึงที่หมายพอมาถึงที่จุดเริ่มต้น
ผู้ใหญ่บ้านก็ตะโกนว่า “นายทำได้ดีมาก” “ดูสิเขาได้ที่ดินมากขนาดไหน”
คนใช้ของปาฮอมรีบวิ่งเข้ามาหาเจ้านาย และพยายามจะพยุงให้ลุกขึ้น แต่เลือดไหลออกมาจากปากปาฮอมไม่หยุด สุดท้ายเขาขาดใจตาย เพราะใช้กำลังทั้งหมดของตัวเอง เพื่อให้ได้ที่ดินมากเท่าที่จะมากได้ แต่เมื่อมาถึงที่หมาย กลับล้มตัวลงตาย คนใช้ของปาฮอมจึงได้แต่หยิบพลั่วขึ้นมาและขุดหลุม ฝังศพเจ้านาย ในที่สุดปาฮอมได้ที่ดินเพียง 6 ฟุตเท่านั้นสำหรับฝังศพตัวเอง
เรื่องสั้นนี้เป็นเรื่องที่น่าติดตาม และเป็นภาพสะท้อนถึงชีวิตของพวกเรา คือทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดมีสิ่งที่เราให้ความสำคัญในชีวิตคือ “จะเติมเต็มความต้องการของร่างกายอย่างไร?” เช่น “เราจะหาเงินมากขึ้นได้อย่างไร?” และ “ต่อไปจะกินอะไรดี?” หรือ “จะมีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างไร?” ถ้าเราสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ตลอดไป หรือถ้าร่างกายเป็นอมตะ ก็จำเป็นต้องใช้ชีวิตเพื่อร่างกายของตนเอง แต่เราเกิดมาบนโลกนี้ต้องรู้สิ่งหนึ่งว่า สักวันหนึ่งจะต้องเผชิญหน้ากับความตายแน่นอน หากเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากกลายเป็นผงคลีดินเท่านั้น
สมมติว่าปาฮอม ได้ที่ดินผืนใหญ่นั้นมาจริง ๆ แล้วเริ่มทำไร่ เลี้ยงสัตว์ตามที่เขาต้องการ แต่สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความตาย และยังคงต้องถูกฝังลงในสุสานขนาด 6 ฟุต แล้วแบบนี้ที่ดินผืนใหญ่นั้นจะมีความหมายอะไรครับ?
แม้ว่าเราจะอยู่ในความงดงามของโลกใบนี้ และเอาแต่ทุ่มเทปรนนิบัติร่างกายของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าจะไปที่ใดเมื่อจากโลกนี้ไป “นี่คือการใช้ร่างกายไม่เป็น” หากเป็นเช่นนั้น ชีวิตก็ไร้ค่าและโง่เขลา ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ปัจจุบันผู้คนมากมายก็ยังไม่เห็นถึงความสำคัญของจุดจบชีวิต จึงยังคงติดตามกิเลสตัณหาและความสุขทางร่างกายที่มองเห็นเท่านั้น คนที่มีสติปัญญาจริงๆ ไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตเพื่อค้นหาความสุขบนโลกนี้เพียงอย่างเดียว แต่คือคนที่เตรียมจิตวิญญาณของเขาให้พร้อมสำหรับวันที่ต้องเผชิญกับความตาย หรือวันที่ต้องยืนอยู่ต่อหน้าการพิพากษาของพระเจ้า
เพราะพระองค์ทรงให้โอกาสเราอยู่บนโลกใบนี้ และทรงสร้างร่างกายของเราโดยประทานหูในการฟังพระคำ ประทานตาในการอ่านพระคัมภีร์ เพื่อให้เราเข้าใจถึงการชำระบาป คนที่บริสุทธิ์ก็สามารถไปแผ่นดินสวรรค์ได้ ส่วนคนบาปก็ได้แต่ต้องถูกพิพากษาให้ไปนรกเท่านั้นเอง.
โฆษณา