27 มิ.ย. 2020 เวลา 11:18
ใครอยากเป็นคนเข้มแข็ง ต้องฝึกหกล้มแล้วลุกขึ้นให้ได้
หลายอาทิตย์ก่อนผมพูดถึงเรื่องคนที่มีร่างกายแข็งแรงดี แต่กลับมี “จิตใจพิการ” ครั้งนี้ผมอยากจะพูดในทางตรงกันข้าม นั่นก็คือ “คนพิการแต่จิตใจกลับไม่เป็นอย่างร่างกาย” โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบดูข่าวกีฬา แน่นอนครับว่าคนเราดูข่าวประเภทนี้ก็เพื่อความสนุก ตื่นเต้น หรือบางครั้งการดูการแข่งขันระหว่างประเทศก็ยิ่งตื่นเต้นและลุ้นมากว่า ประเทศเราจะได้แชมป์ไหม?
สำหรับผมแล้ว เวลาที่ผมดูการแข่งขันพวกนี้ ผมมักคิดอีกมุมหนึ่งตลอดว่า นักกีฬาพวกนั้นเขามีจิตใจในระหว่างซ้อมอย่างไรนะ? หรือระหว่างการแข่งขันพวกเขาใช้จิตใจแบบไหนในการแข่ง หรือแม้แต่กระทั่งหลังจากที่ได้แชมป์หรือเสียแชมป์ไป พวกเขาใช้ชีวิตต่อจากนั้นด้วยจิตใจแบบไหนกัน?
สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าในบรรดานักดูกีฬา หรือนักวิเคราะห์เกมกีฬาอย่างเราๆ คงไม่คาดคิดว่า “จิตใจ” มันจะสำคัญขนาดไหนกันเชียว โดยส่วนมากโค้ช หรือนักวิเคราะห์กีฬาจะให้ความสำคัญกับเทคนิคการเล่น การรับมือกับคู่ต่อสู้ และทักษะของตัวนักกีฬามากกว่า...
วันนี้ผมจึงอยากพูดถึงนักกีฬาคนนึง เขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่กวาดเหรียญรางวัลมาแล้วหลายรายการ เขาชื่อ “คิม เซ-จิน” (Kim Se-jin) เกิดมาพิการตั้งแต่กำเนิด มือขวามีแค่นิ้วโป้งและนิ้วนาง ขาข้างขวามีแค่ต้นขา ส่วนขาซ้ายนั้นไม่มีเท้าครับ ตอนที่แม่แท้ๆ คลอดเขาออกมา แม่คงคิดว่าตัวเองไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กคนนี้ได้ จึงทิ้งเขาไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนนั้นเซจินมีอายุเพียง 5 เดือนเท่านั้น
หลังจากถูกทิ้งให้อยู่ที่นั่นไม่นาน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งได้รับเขาไปเลี้ยง ผมขอเรียกผู้หญิงคนนี้ว่า “แม่เซจิน” นะครับ ตอนวันเกิดครบรอบ 1 ปี แม่ถามเซจินว่าเขาอยากเป็นอะไร? เซจินในตอนนั้นตอบแม่ทันทีว่า “ผมอยากเป็นคนครับ” เขาพูดแบบนี้ซ้ำไปมา และแม่ถามเขาต่อว่าแล้วอยากได้อะไรอีกไหม เขาตอบว่า “ขาครับ”
“แม่เซจิน” รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีปาฏิหารย์ว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะมีขางอกเหมือนคนทั่วไป แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ต่อมาแม่สอนให้เขาหัดเดินด้วยตัวเอง ตอนนั้นแม่จะปูพรมที่พื้นให้ ขณะที่เซจินพยายามจะยืนหรือเดิน แม่ที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็จะดึงพรมออก คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ “ล้ม” นั่นเอง...!!
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงไม่เข้าใจว่าแม่จะทำแบบนั้นกับลูกทำไม? ถ้าเป็นลูกเราคงไม่ทำเช่นนั้น แต่ตอนที่เซจิน “ล้มลง” แม่บอกเขาว่า “การเดินน่ะ มันไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือเวลาเธอล้ม เธอต้องรู้จักลุกขึ้น แต่ถ้าหากว่าเธอลุกขึ้นไม่ได้ เธอต้องร้องขอความช่วยเหลือ ยื่นมือออกไปหาใครสักคนที่ช่วยเธอได้ จิตใจนี้แหล่ะที่สำคัญ”
นี่เป็นสิ่งที่แม่สอนเขามาตลอดเวลาที่ฝึก และทุกครั้งที่เด็กคนนี้กำลังจะเดิน แม่ก็จะสกัดให้เขาล้ม เขาฝึกแบบนี้เป็นเวลาเกือบปี สรุปสิ่งที่เขาฝึกคือ “ฝึกล้ม” เพื่อที่จะเรียนรู้ว่าต้องลุกอย่างไร? และขอความช่วยเหลืออย่างไร? จนในที่สุดเขาก็สามารถเดินได้
หลังจากนั้นเมื่อเขาอายุ 5 ขวบ แม่ก็พาเซจินไปเรียนว่ายน้ำ แม่ให้เขาลองว่ายเองและบอกว่า “เซจินเธออย่าพยายามที่จะรอดด้วยแรงของตัวเอง ถ้าเธอเอาแรงออกไปทั้งหมด เธอก็จะสามารถลอยน้ำได้” สุดท้ายเขาก็เริ่มว่ายน้ำตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เวลาอยู่ในน้ำเป็นช่วงที่มีอิสระที่สุด เพราะขาเทียมไม่จำเป็นสำหรับเขาเวลาที่อยู่ในสระ ทุกวันเขาจะใช้เวลาส่วนมากในการว่ายน้ำ จนในที่สุดในปี 2009 ก็สามารถชนะการแข่งขันคว้า 3 เหรียญทองจาก Disability Sports Events (DSE) ที่จัดขึ้น ณ ประเทศอังกฤษได้ และเขาก็มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันต่างๆ อีกมากมาย
สิ่งที่ผมอยากพูดผ่านตัวอย่างข้างต้น คือคนเรามักใช้ชีวิตโดยที่คิดว่าตัวฉันเองเก่ง มีความสามารถ ประสบความสำเร็จ แต่วันนึงหาก “ล้มลง” พวกเขาไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ เพราะคิดว่ามันเป็นการเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี เพราะอะไรรู้ไหมครับ? เพราะพวกเขาคิดว่าตัวเองยังมีแรงกำลัง มีความสามารถ และอยากจะลุกโดยไม่ต้องการให้ใครมาช่วยเหลือ
การใช้ชีวิตด้วยจิตใจอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ วันหนึ่งหากหมดแรงขึ้นมาจริงๆ จะร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างไรครับ? สิ่งที่ผมพูดนี้ไม่ใช่เพื่อให้พวกคุณร้องขอแต่ความช่วยเหลือจากคนอื่นโดยที่ไม่ทำอะไรเลย แต่ถ้าลองมาคิดดูลึกๆ แล้ว คนแบบไหนกันที่จะสามารถเอ่ยปากขอความช่วยเหลือได้? ก็คือคนที่ “ยอมรับความไม่สมบูรณ์” ของตัวเองได้ ยอมรับได้ว่าตัวเองก็เป็นเพียงคนอ่อนแอคนหนึ่ง อย่าง “คิม เซจิน”
สุดท้ายนี้ผมอยากจะสรุปสั้นๆ ว่า ชีวิตเราก็เหมือนกับต้นไม้ครับ ต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดจากดวงอาทิตย์เพื่อสังเคราะห์แสงและเจริญเติบโตต่อไปได้...
ขอบคุณภาพจาก : chosun.com
โฆษณา