เม้าท์กับสาวอวบตอน “คนของใคร”
เชื่อเถอะว่าทุกออฟฟิศมีวัฒนธรรมแบ่งกรุ๊ป แบ่งแก๊งค์ แยกประเภท แยกฐานันดร หรือง่ายสุด แค่อยู่เฉยๆ พวกก็โดนบูลลี่จับให้อยู่ในกลุ่มชนชั้นต่างๆ กันบ้างแหละ
ออฟฟิศเราก็มีแก๊งค์นางฟ้า แก๊งค์ไฮเทค สมาคมแม่บ้าน 4เหล่าทัพ โซนแม่ค้า โซนชะนีแฟชั่นวีค กลุ่มตะลอนทัวร์ สายแด้ว สายตื้ด สายดริ๊งค์ ชมรมหวย พวกบ้าเที่ยว นักวิชาการ เด็กหลังห้อง โอ๊ย สารพัดจ้าแม่
เมื่อตกอยู่ในสถานะ “คนของใคร” จะเอาตัวรอดอย่างไรดี
แต่มีอีกกลุ่มชนที่เป็นที่จับตามองจากทุกคน “คนของใคร หรือ เด็กนาย” เคยได้ยินใช่ป่ะ งัยล่ะ ทำซะที่เม้าท์มาเมื่อครู่ดูมุ้งมิ้งใสปิ๊งไปเลย อืม เราเคยถูกเม้าท์ว่าอยู่ในกลุ่มนั้นอ่ะ
“ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ต้องแลกมาด้วยมูลค่าของมันทั้งนั้น” บทบาทหรือสถานะในสังคมออฟฟิศก็เช่นกัน จำให้ขึ้นใจ !!!!
เรามีประสบการณ์ทั้งในฐานะลูกรักและลูกชังของเจ้านายมาครบนะเธอ มา มา จะเล่าให้ฟัง
งานท่วมหัว ปั๋วก็ไม่มี
ช่วงขาขึ้นสุดๆ คือ ถูกเรียกตัวให้ไปเป็นเลขาของเบอร์ 1 ในที่ทำงาน จากพนักงานคนนึง โดดข้ามสายงานไปเป็นเลขา (แถมเป็นเลขคนเดียวด้วย) แม่เอ๊ย สารพัดจะโดนเม้าท์ หาว่าเป็นเด็กนาย เป็นกิ๊กนาย จ้าแม่ แต่เราผ่านจุดนั้นมาได้ยังงัย ????? แถมมั่นใจว่า เจ้านายรักเราแทบทุกคนด้วยนะ
พิสูจน์ตัวเองสิคะ การเป็นคนของเจ้านายที่ดี สำหรับเราการประจบ เลียแข้งเลียขา มันอาจตอบโจทย์ได้ในระยะสั้น วิธีที่เราเลือกเลยเน้นไปที่แรงกายและแรงสมอง (โง่เนอะ) เราเน้น Support เจ้านายด้วยการทำงาน ทุกครั้งที่นายถาม เราต้องเตรียมคำตอบ พร้อมทางเลือกอย่างน้อย 2 ทางออก หาข้อมูลสนับสนุน ถ้าหาคำตอบไม่ได้ก็จะหา “คน” ที่จะช่วยแก้ปัญหา และหา “ทีม” ที่จะช่วยกันผ่านด่านแต่ละด่านแทน แบบนี้ล่ะสไตล์ของเรา
คิดเล่นๆ กัน ถ้าเราเป็นหัวหน้า เราจะเลือกสนับสนุนลูกน้องสายเลีย แต่งตัวสวยไปวันๆ หรือ ลูกน้องที่ช่วยให้เราเหนื่อยน้อยที่สุด
ขอยาย้อมผมหงอกแทนโบนัสนะคะเจ้านาย
แต่ในชีวิตจริงของการทำงาน ไม่มีอะไรมั่นคงถาวร ไม่มีคำว่าตลอดไป มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด มีคนสนับสนุนก็ต้องมีคนหมั่นไส้เป็นธรรมดา หลังจากทำงานรับใช้เจ้านาย ผ่านไป 5 ท่าน หลังเจ้านายท่านที่ 5 หมดวาระการทำงานไป วันที่สาวอวบตกกระป๋องก็มาถึง
ตลกร้ายในสังคมออฟฟิศ มักจะมีกลุ่มผู้หวังดีต่อโลก รักสิ่งแวดล้อม และเป็นมิตรต่อทุกสรรพสิ่ง(ยกเว้นตู) จะแฝงตัวเข้าหาเจ้านายคนใหม่คอยให้ข้อมูลเสมอว่า “อย่าไปไว้ใจ อย่าไปเรียกใช้ เราเป็นเด็กของคนนั้น เป็นคนของคนนี้“ นี่แหละโลกแห่งความจริงอันแสนโหดร้าย
เรื่องเม้าท์มันก็เยอะ การเมืองในที่ทำงานมันก็มี เอาคนของเค้าเองเข้ามาทำงานด้วย และที่สำคัญคือ “เจ้านายคนใหม่เค้าไม่เลือกเรา” เราก็ต้องถูกย้ายไปสู่หน้าที่อื่น เอาล่ะสิ จากลูกรัก กลายเป็นลูกเมียน้อยหมู่บ้านข้างๆ ทันที
ให้ผลงานพิสูจน์ว่าเรามีคุณค่า ดีกว่าเสียเวลาอธิบาย
นอยด์สิ เสียใจสิ แต่พอยอมรับได้ ใช้เวลาหน่อยเท่านั้นเอง ในวันที่จิตใจถูกดึงให้ตกต่ำที่สุด เราไม่ร้องไห้นะ คิดในใจว่า “ชั้นไม่ยอมแพ้หรอก คอยดู ชั้นจะไม่มีวันร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้” จำไว้ว่า เมื่อเค้าไม่เลือกเรา อย่าไปหาเหตุผลให้เค้าเปิดใจให้เรา เสียเวลา
คำว่า “คนของใคร” เหมือนรอยสักกลางหน้าผากแย่ๆ รอยนึงเลยนะ ขนาดโดนเด้งไปทำงานหน่วยงานอื่น คำๆ นี้มันดันติดตามเรามาด้วยซะนี่ แล้วจะกำจัดมันยังงัยน่ะเหรอ
“อย่าให้เครดิตกับอคติที่คนอื่นมีต่อเรา”
แทนที่จะเสียเวลาแก้ข่าว อธิบายกับคนโน้นทีคนนี้ที เอาเวลามาชนะตัวเองดีกว่ามั้ย เหนื่อยนะ แต่สู้เพื่อให้ได้ศักดิ์ศรีคืนมา มันคุ้มนะ แค่เริ่ม “ลงมือทำ” เอาความสามารถของเราออกมาให้คนอื่นได้เห็น ยากแค่ไหนกันเชียว
สังคมมนุษย์ออฟฟิศ จะยังมีคำว่า “เด็กนาย” , “คนของใคร”, “เด็กเส้น” ไปอีกหลายชั่วคน นั่นเพราะส่วนนึงยอมให้มันเป็นแบบนั้นงัย ถ้าเริ่มเปลี่ยนที่ตัวเราเอง ทำให้เค้าได้ทึ่งในความรู้เรา ทำให้เค้าอึ้งในความสามารถเรา ให้เค้าได้ใช้ประโยชน์จากการทำงานของเราแทนสิ นี่แหละวิธีเจ๋งๆ ในการลบคำสบประมาทพวกนั้นไปจากชีวิตออฟฟิศของเรา
ชีวิตออฟฟิศของสาวอวบไม่ได้สวยหรู จากจุดสูงสุดก็เคยตกกระป๋องมาแล้ว หยุดหาเหตุผลเวลาที่เจ้านายไม่เลือกเรา ปรับใจปรับสภาพ สนุกกับการเรียนรู้งานใหม่ๆ อยู่เสมอ และลอยตัวจากเรื่องเม้าท์มอยซะ มันไม่มีค่าอะไรเลย วันนี้ เรามีเพื่อนร่วมงานที่ดีคอยสนับสนุนเรา สอนเรา และด่าเรา แค่นี้ก็เป็นเหตุผลดีๆ ทำให้อยากตื่นไปทำงานทุกวันแล้วไม่ใช่เหรอ
“คุณค่า จะทำให้คนอื่นเลิกตัดสินคุณ”
แล้วมาติดตามเรื่องราวของสาวอวบกันอีกน้า
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
