22 มิ.ย. 2020 เวลา 06:08 • ประวัติศาสตร์
“The Grauballe Man” ศพในหนองน้ำอายุกว่า 2,300 ปี
ในปีค.ศ.1952 (พ.ศ.2495) ที่บริเวณหมู่บ้าน Grauballe ในประเทศเดนมาร์ก ขณะที่คนงานเหมืองถ่านหินกำลังเดินอยู่บริเวณรอบหนองน้ำ พวกเขาก็ต้องพบเจอกับศพๆ หนึ่ง
สภาพศพนั้นถึงแม้จะดูออกว่าตายมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็คาดว่าน่าจะตายมาไม่กี่ปี เนื่องจากบนหัวของศพนั้นก็มีเส้นผมเต็มหัว
ในทีแรก พวกเขาคิดว่านี่น่าจะเป็นศพของคนงานขี้เมาที่หายตัวไปเมื่อ 65 ปีก่อน คือตั้งแต่ปีค.ศ.1887 (พ.ศ.2430) โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาเมา และตกลงไปในหนองน้ำ ทำให้จมน้ำ เสียชีวิต
1
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าศพที่พวกเขาพบนั้นเก่าแก่กว่านั้นมาก
ในทีแรก ได้มีนักโบราณคดีและแพทย์เข้ามาตรวจสอบ และเพียงแค่ปราดดู ก็ทราบว่าชายผู้นี้เสียชีวิตขณะที่เปลือยกายและน่าจะเจ็บปวดมาก
ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านห่างไกลและเครื่องมือต่างๆ ก็ไม่พร้อม จึงมีการติดต่อให้นักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มาตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบ พบว่าชายผู้นี้น่าจะมีอายุประมาณ 30 ปีในขณะที่เสียชีวิต สูงประมาณ 170 เซนติเมตร และมีผมสีแดง
แต่จากการตรวจสอบ พบว่าเส้นผมของชายผู้นี้ไม่ได้เป็นสีแดงโดยธรรมชาติ แต่เกิดจากกระบวนการทางเคมีของหนองน้ำที่ได้เปลี่ยนสีให้เส้นผมของชายคนนี้
แต่สิ่งที่น่าตกใจคืออายุของศพนี้ต่างหาก
จากการตรวจสอบ พบว่าชายผู้นี้ตายในปลายยุคเหล็ก ระหว่าง 310 ปีก่อนคริสตศักราช-55 ปีก่อนคริสตศักราช ทำให้ศพนี้มีอายุกว่า 2,300 ปี
จากการตรวจสอบ ชายผู้นี้มีร่องรอยการถูกทำร้ายหลายแห่ง และอาหารมื้อสุดท้ายของชายคนนี้ก็คือข้าวต้มหรือโจ๊กที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรกว่า 60 ชนิดและใบหญ้า
1
สำหรับสาเหตุการตายของเขานั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ก็มีอยู่สองทฤษฎี
1.ชายคนนี้อาจจะเป็นอาชญากรที่ถูกจับ และถูกชาวบ้านรุมฆ่า
2.ชายคนนี้อาจจะเป็นแพะที่ถูกนำมาบูชายัญ เนื่องจากในยุคนั้น ผู้คนนับถือเทพแห่งธรรมชาติ และมีความเชื่อในการทำพิธีบูชายัญ สังเวยคนให้เทพเจ้าพึงพอใจ
แต่ไม่ว่าสาเหตุคืออะไร ก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด และหากใครอยากชมศพนี้ ก็สามารถไปชมได้ที่ประเทศเดนมาร์ก
โฆษณา