22 มิ.ย. 2020 เวลา 17:27 • ท่องเที่ยว
TRIP#5 ไหว้พระเมืองสาครบุรี
อีกแล้วนะ ไกด์ตี๋เล็ก ช่างสรรหาชื่อเมืองแปลกๆ มาเปิดหัวโปรแกรม
วันนี้พาไปเที่ยวเมืองสาครบุรี ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ ใครๆ ก็รู้ว่าคือ "สมุทรสาคร" นั่นเอง
ไปไหว้พระไม่ไกลแค่ขับรถไม่เกิน 40 กิโลเอง ไปกันนะครับ
โปรแกรมท่องเที่ยว
ออกเดินทางสัก 08.00 น. กลับถึงบ้านไม่เกิน 5 โมงเย็นสบายๆ
#ศาลพันท้ายนรสิงห์ สักการะพ่อพันท้ายนรสิงห์ ชมหลักประหาร ศาลเจ้าแม่ศรีนวล
#ตลาดริมน้ำพันท้ายนรสิงห์ รองท้องกับอาหารและขนมอร่อยๆ ในตลาดริมคลองมหาชัย ช้อปปิ้งสินค้าของที่ระลึก
#วัดโกรกกราก กราบพระพุทธรูปสวมแว่นตาดำ
#วัดช่องลม ชมจิตรกรรมฝาผนังที่เกิดจากขี้นกอีแอ่น
#วัดป่าชัยรังสี ชมวัดสวยในสไตล์ล้านนา
#วัดนางสาว กราบพระในโบสถ์มหาอุตต์ กราบหลวงพ่อดำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก
#วัดท่าไม้ ชมโบสถ์หลังใหม่ที่สวยงามวิจิตรมากๆๆๆๆๆ
ใครไปตามโปรแกรมนี้ ฝากมาเม้นท์หรือมาเพิ่มข้อมุลให้ด้วยนะครับ ฝากกดไลค์กดแชร์ให้ด้วยนะครับ
เป็นกำลังใจที่จะสรรหาโปรแกรมท่องเที่ยวมาให้อีกครับ
ศาลพันท้ายนรสิงห์
รูปปั้นพันท้ายนรสิงห์
อนุสรณ์สถานที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในสมัยพระเจ้าเสือ เมื่อทรงเสด็จประพาสมายังเมืองสาครบุรี เกิดเหตุการณ์เรือพระที่นั่งชนเข้ากับต้นไม้ริมคลอง ทำให้หัวเรือหัก ดังที่เราเคยรู้เรื่องกันมาแล้วนั้น
ณ ริมคลองโคกขาม จึงมีการสร้างศาลเพื่อรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ ผู้ซึ่งมีความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และกฎมณเฑียรบาล
จึงทำให้ผู้คนมากราบไหว้สักการะกันอยู่เสมอ
ไหว้ศาลพันท้ายนรสิงห์ ขับรถย้อนกลับมาไม่ไกล มีตลาดน้ำที่เปิดจำหนายสินค้า ของกิน แต่เนื่องจากเกิดภาวะโรคระบาด ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าตลาดนี้เปิดกลับมาเหมือนเดิมหรือยัง
หลวงพ่อปู่ วัดโกรกกราก
วัดโกรกกราก
ตั้งอยู่ที่ถนนธรรมคุณากร ฝั่งมหาชัยในเขตเทศบาลนครสมุทรสาคร เป็นวัดที่อยู่ในโครงการ "อันซีน 3" ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง เพราะมีความแปลกที่ไม่เหมือนใครของวัดโกรกกรากแห่งนี้อยู่ที่พระประธานในโบสถ์ อันเป็นพระพุทธรูปศิลาแลงปางมารวิชัยศิลปะสมัยสุโขทัยตอนปลายที่ "สวมแว่นดำ"
การสวมแว่นตาดำของพระพุทธรูปองค์นี้มีตำนานเล่าว่า ในสมัยก่อนที่การแพทย์ยังไม่เจริญนัก ได้เกิดโรคตาแดงระบาดไปทั่วบ้านโกรกกราก ชาวบ้านจึงได้พากันมาบนบานศาลกล่าวว่าถ้าตาหายแดงเมื่อไหร่จะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง ปรากฏว่าชาวบ้านที่เป็นโรคตาแดงนั้นพากันหายจนเกือบหมดทั้งหมู่บ้าน จึงได้มีการนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาของพระศิลาแลงเต็มไปหมด
ต่อมาพระครูธรรมสาคร ญาณวฒโน หรือหลวงปู่กรับ หลังจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสท่านได้หาอุบายเพื่อไม่ให้ญาติโยมปิดทองที่ตาองค์พระอีกต่อไป จึงได้นำแว่นดำมาใส่ให้พระศิลาแลง หลังจากนั้นเป็นต้นมาชาวบ้านเลยนำแว่นตามาถวายแทนการปิดทองที่ดวงตาพระพุทธรูปองค์นี้ไปโดยปริยาย และถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สังขารหลวงพ่อแก้วในหีบทอง
วัดช่องลม
เป็นวัดปากอ่าวไทย ที่เรียกว่า "ท่าฉลอม" เป็นวัดใหญ่ที่คนมหาชัยนับถือกันมาก คนที่จะนำอัฐิของญาติไปลอยอังคารก็มักจะมาลอยกันที่นี่
ภายในวัดมีพระอุโบสถหลังใหญ่ พระประธานมี 11 นิ้ว แปลกไม่เหมือนที่ใด ไม่ทราบทีมาว่าเหตุใดพระองค์นี้ถึงมี 11 นิ้ว แต่ก็มีการสันนิษฐานว่าผู้สร้างพระคงจะมีนิ้วเท้า 11 นิ้ว
และมีวิหารหลวงปู่แก้ว ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาส เมื่อท่านมรณภาพไปแล้วปรากฎว่าสังขารของท่่านที่บรรจุไว้ในหีบทอง ไม่เน่าเปื่อย
ตอนที่หลวงปู่แก้วยังมีชีวิตอยู่ เป็นที่น่าแปลกคือ มีนกอีแอ่นมาอาศัยอยู่ในโบสถ์เป็นจำนวนมาก ท่านก็มีเมตตา ตอนเช้าก็ให้คนมาเปิดโบสถ์เ้พื่อให้นกออกไปหากิน แล้วตอนค่ำก็ให้คนรอปิดโบสถ์หลังจากที่นกบินกลับเข้าโบสถ์หมดแล้ว
เมื่อหลวงปู่มรณภาพ ปรากฎว่ามีนกจำนวนหนึ่งได้ตายร่วงลงมา มันคงอาลัยไปกับหลวงปู่ และเป็นเรื่องแปลกเพราะนกได้ย้ายมาอาศัยอยุ่ในวิหารที่ประดิษฐานสังขารของหลวงปู่แทนที่จะไปอยุ่ในโบสถ์
นกเหล่านี้จะทำรังไว้บนหลังคา ทางวัดจะเก็บรังนกที่แม่นกทิ้งรังแล้วมาขาย และเอามูลของนกมาขาย สร้างรายได้บำรุงวัดได้เป็นจำนวนมาก
นกบินฉวัดเฉวียดในวิหาร ทำให้เกิดขี้นกกระเด็นไปติดตามกำแพงผนังโบสถ์ทำให้เกิดลวดลายดูแปลกตา
ขอเชิญท่านไปชม ลายจิตรกรรมฝาผนังที่เกิดจากขี้นก แห่งเดียวในเมืองไทย
วัดป่าชัยรังสี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ในพื้นที่ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร
ความโดดเด่นของวัดป่าชัยรังสีไม่เพียงอยู่ที่การผสมผสานทางด้านสถาปัตยกรรมที่หลากหลายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้น หากบรรยากาศภายในวัดยังมีความร่มรื่น เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมของผู้สนใจศึกษาพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
สิ่งสำคัญภายในวัดนี้ที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียว คือการได้สักการะ "พระพุทธทศพลญาณมหากรุณาสาคร" พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ ซึ่งสร้างได้อย่างวิจิตรสวยงามตั้งแต่ประตูทางเข้า ที่สร้างเป็นรูปพญานาคหกเศียร พระอุโบสถหลังนี้มีสองชั้นมีหลังคาที่ลดหลั่นซ้อนกันมาสามชั้น ยอดจั่วประดับด้วยไม้กาแลอันเป็นสัญลักษณ์ของล้านนาแทนช่อฟ้า ใบระกาแตกต่างจากโบสถ์ทั่วไป
ส่วนภายในโบสถ์นั้นผนังด้านหลังพระประธานประดับด้วยท่อนซุงที่แกะสลักเป็นต้นศรีมหาโพธิ์ แผ่กิ่งก้านใบปกคลุมองค์พระประธาน อันหมายถึงการตรัสรู้ ผนังด้านซ้ายเป็นไม้แกะสลักแสดงการประสูติและผนังด้านขวาบอกเล่าเรื่องราวของการปรินิพพาน
วัดนี้สร้างขึ้นโดยหลวงตาจันทร์ ที่มีชื่อเสียง คงจำกันได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วัดนางสาว ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน
ความน่าสนใจของวัดนี้อยู่ที่พระอุโบสถที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งหาชมได้ยากมากแล้วในประเทศไทย โดยเป็นโบสถ์ที่มีฐานโค้งเป็นรูปเรือ สำเภาก่ออิฐ มีประตูเข้าออกเพียงประตูเดียวไม่มีหน้าต่างที่ ชาวบ้านเรียกกันว่า "โบสถ์มหาอุด" หลังคามุงกระเบื้องดินเผาแบบเก่า ขื่อด้านบนใช้ไม้ซุงทั้งต้น มีเสมาหินทรายคู่ขนาดเล็กเรียงรายอยู่โดยรอบ ซึ่งปัจจุบันพระอุโบสถมหาอุดนั้นหลงเหลืออยู่น้อยมาก ในประเทศไทยนับเป็นศาสนสถานโบราณที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
ที่วัดแห่งนี้ยังมี "หลวงพ่อดำ" เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่คู่วัดนี้มาแต่เริ่มแรก คนละแวกแถวนั้นนับถือกันมากว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง บนบานขอพรใดมักจะได้สมดังปรารถนา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วัดท่าไม้ ตั้งอยู่ติดแม่น้ำท่าจีน ถนนเศรษฐกิจ 1 ซอย 8 ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จากสำนักสงฆ์สู่วัดที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งได้รับการอนุญาตให้จัดตั้งเป็น "วัดท่าไม้" เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532
โดยภายในมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ พระอุโบสถที่มีพญามารมุจรินทร์ 7 เศียร เป็นซุ้มสีมาบูรพาอยู่ด้านหน้าภายในมีพระพุทธชินราชจำลองขนาดหน้าตัก 69 นิ้ว ประดิษฐานเป็นพระประธาน, ศาลาการเปรียญที่มีพระพุทธหิรัญราชเป็นพระประธาน, ศาลาบูรพาจารย์ อันเป็นที่ประดิษฐานพระเกจิดัง 4 รูป ได้แก่ หลวงพ่อทวด สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี พระไพโรจน์วุฒาจารย์และหลวงพ่อยี หรือเทียนพรรษาเล่มแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งวัดฐานได้ 44 นิ้ว สูง 4 เมตร 9 นิ้ว เป็นต้น
โฆษณา