23 มิ.ย. 2020 เวลา 12:22 • ความคิดเห็น
เมื่อโลกมีมหาอำนาจ 2 ขั้ว ถึงคราวที่บรรดาประเทศเล็กๆต้องเลือกข้างหรือยัง
อย่างที่เราทราบกันดีว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา มีความไม่ลงรอยกันอยู่มากพอสมควรยิ่งมีไวรัสแพร่ระบาดอีกยิ่งเป็นเหมือนเติมเชื้อเพลิงเข้ากองไฟ กล่าวโทษกันไปมา
ในขณะนี้สองขั้วอำนาจของโลกได้แบ่งกันอย่างชัดเจนแล้ว โดยสหรัฐอเมริกา อย่างที่เรารู้กันเป็นอย่างดีมีพันธมิตรหรือที่เราเรียกอเมริกาว่า”นายอำเภอ” แล้วเรียก อังกฤษกับออสเตรเลียว่า”ผู้ช่วยนำอำเภอ” แคนาดาและยังมีพันธมิตรในฝั่งยุโรปอีกมากมาย ที่ขาดไม่ได้และเป็นลูกรักของอเมริกาเลยก็คืออิสราเอล
มาดูฝั่งจีนกันบ้าง อย่างที่เรารู้ว่าชาติที่เป็นพันธมิตรกับจีนส่วนใหญ่จะขัดแย้งกับอเมริกาเกือบทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่นอิหร่าน ที่มีข้อพิพาทกับอเมริกาส่วนพันธมิตรหลักๆของจีนมี
รัสเซีย,เกาหลีเหนือ ดูเหมือนว่าพันธมิตรหลักๆของจีนจะไม่ได้เยอะเท่าอเมริกาแต่ประเทศที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ระเบิดนิวเคลียร์ไม่ได้น้อยหน้าอเมริกาเลยแม้แต่น้อย
ออสเตรเลียพยายามทำหน้าที่“ผู้ช่วยนายอำเภอ”
ออกมาขานรับการกล่าวโทษประเทศจีนว่าเป็นต้นเหตุ สาเหตุแห่งการแพร่ระบาดเชื้อ “COVID-19” ไปทั่วทั้งโลก ตามคำกล่าวหาของนายอำเภออย่างอเมริกา ก็เลยเป็นอันต้องเจอกับการขึ้นภาษีนำเข้าข้าวบาร์เลย์ไปยังประเทศจีน เจอกับการห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์จากโรงงานฆ่าสัตว์ 4 โรงใหญ่ๆ ในออสเตรเลีย รวมทั้งความเข้มงวดในการนำเข้าถ่านหินจากออสเตรเลียไปยังประเทศจีน ฯลฯ
แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าหากยังคิดไปอี๋ๆ อ๋อๆ กับประเทศจีน เช่นการปล่อยให้รัฐวิกตอเรียประกาศให้ความร่วมมือกับอภิมหาโครงการ “Belt and Road” ของจีน อาจต้องเจอกับฝ่าตีนของช้างอเมริกัน ที่ประกาศว่ารัฐบาลอเมริกันกำลังเตรียมยกเลิกโครงการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน F-35 กับออสเตรเลีย อันอาจส่งผลให้การจ้างงานนับพันๆ ตำแหน่งในออสเตรเลีย หายวับไปกับตาเอาดื้อๆ
การทำหน้าที่ของอิสราเอลลูกรักของอเมริกาถึงแม้ว่าจะไม่กล่าวโทษจีน แต่อิสราเอลหันไปโจมตี WHO แทนในข้อหาการอวยจีนออกหน้าออกตามากเกินไป เดินตามแนวทางคุณพ่ออย่างอเมริกามาตลอด อิสราเอลจะหันไปค้าขายกับจีนแต่ก็ดันแทบเบรกไม่ทันเมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐออกมาเตือนว่าห้ามยุ่งกับจีนทำให้อิสราเอลต้องตัดสินใจยกเลิกการให้สัมปทานโครงการสกัดเกลือจากน้ำทะเล (Desalination) มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์ ที่เคยคิดจะให้กับบริษัทจีน อย่างบริษัท “Hutchison Water” อันมีฐานอยู่ที่ฮ่องกง หันมาประเคนชิ้นเนื้อก้อนนี้ให้กับบริษัท “IDE Technologies” ของอเมริกันไปแทนที่
ส่วนบรรยากาศความตึงเครียดบริเวณชายแดนระหว่างจีน-อินเดียความยาวกว่า 4,000 กิโลเมตร ที่ต้องร้อนฉ่า ร้อนแรงตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ หรือต้องทำให้เกิดการเสริมกำลังทหารอินเดียตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะในรัฐสิกขิม ที่เพิ่งเกิดการปะทะทำให้ทหารฝั่งอินเดียเสียชีวิตไปกว่า20นาย
อย่างที่เรารู้กันดีว่าใครมีเรื่องกับจีน สหรัฐพร้อมช่วยเหลืออยู่แล้วคงไม่ต้องกล่าวกันว่าหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นกว่านี้อเมริกาจะอยู่ฝั่งไหน
ประเทศไทยเราอย่างที่เราทราบกันดีว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราดูมีทีท่าจะสนับสนุนฝั่งอเมริกา อย่างรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยก็ออกมากล่าวว่ารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีการสังหารนายพลคนสำคัญของอิหร่าน พร้อมกล่าวว่าสหรัฐมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้ว
แต่ถ้าหากให้ไทยเราเลือกข้างๆจริงๆแล้วในตอนนี้ผมมองว่าไทยคงต้องเป็นกลางไปก่อนเพราะทั้งสองประเทศเหล่านี้ต่างเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยทั้งคู่ อย่างจีนรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวไทยมากที่สุด แต่ค่าเงินและการค้าอื่นๆเราผูกค้าไว้กับสหรัฐอเมริกาเกือบทั้งหมด ตอนนี้เราคงต้องสถานะเป็นกลางอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
โฆษณา