ผมทำอะไรที่ซ้ำซากจำเจตั้งแต่เด็ก อยู่กับครูบาอาจารย์มากกว่าอยู่บ้าน มันเลยไม่รู้สึกแปลกแยกอะไรกับกติกาข้อวัตรที่แสนจะน่าเบื่อ
แต่ขณะเดียวกันเรามองเพื่อนๆ จะเห็นได้ถึงความต่าง เราคิดอะไรมีระเบียบแบบแผน อ้างอิงโน่นนี่ได้ แต่ความสร้างสรรค์น้อยกว่าเพื่อนมาก เพื่อนๆคิดถึงการปลูกผักลอยฟ้าไปแล้ว เรายังคิดแต่ว่ามันต้องปลูกบนดินเท่านั้นอยู่เลย
ขณะเดียวกัน เพื่อนหลายคนติดเกมส์นอนดึกและตื่นสาย แต่เรามีเวลานอนและตื่นชัดเจน เพื่อนยังไม่ตื่นกันเลย เราทำงานเสร็จไปแล้ว
หลวงพ่อบอกว่า " ข้อวัตรคือข้อปฏิบัติ เอาไว้ดัดสันดาน ตอนนี้อาจไม่เห็นค่า ว่ามีประโยชน์อะไร แต่พอเติบใหญ่ พวกเอ็งจะเข้าใจ "
แล้วมันก็ต้องใช้เวลากันเป็น สิบปี จริงๆ ถึงจะมีคนเห็นค่า เห็นความอัศจรรย์แห่งการทำซ้ำซาก
คนคิดใหญ่ คิดสร้างสรรค์อะไร แค่คิดมันอาจจะไม่ยากนัก ใครๆก็คิดได้ อย่างเช่น
อยากมีรายได้ปีละ 10 ล้าน
อยากทำงานวันละ 10 นาที แล้วพอกินพอใช้
หรือแค่คิดจะลดน้ำหนัก
ใครเค้าก็คิดกันได้ ยิ่งในยุคข้อมูลข่าวสารท่วมท้นแบบนี้ จะเอาไอเดียเลิศหรู ขนาดไหนก็ได้
แล้วอย่างยิ่ง มันก็มีเส้นทาง มีวิธีบอก ว่าจุดหมายที่อยากไป ต้องทำ 1 2 3 ... อะไรบ้าง
แต่ที่ยากคือ ลงมือทำ อย่างต่อเนื่อง มันไม่มีแรงแห่งวินัยทำ ทำแป๊ปๆก็เลิกแล้ว หาอะไรที่อยากทำใหม่แทน แล้วก็บ่นๆๆๆ
บางครั้ง มันก็เหมือน รู้นะว่าต้องทำอะไร แต่จะไม่ทำเท่านั้น