23 มิ.ย. 2020 เวลา 15:01 • ประวัติศาสตร์
รวันดากับประวัติศาสตร์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
วันนี้ Together จะมานำเสนอเรื่องราวการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์โลกนั่นคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาแล้วเรื่องราวความเป็นมาและความโหดร้ายจะน่ากลัวมากแค่ไหนมาติดตามกันครับ
ประเทศรวันดาตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกาซึ่งเคยเป็นอดีตอาณานิคมของเบลเยี่ยมโดยมีประชากร 10 ล้านคนในประเทศส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรและยากจนซึ่งประชากรในประเทศนี้มี 2 เชื้อชาติหลักๆคือฮูตูและทุตซี่
สองเชื้อชาตินี้มีการแบ่งแยกกันมาโดยตลอดซึ่งชนชั้นการปกครองจะเป็นของชาวทุตซี่โดยจะมีประชากรส่วนน้อยแต่ทรงอิทธิพลทางการเมืองแต่ฮูตูเป็นชนชั้นกลางและชั้นล่างส่วนมากจะยากจนและไม่มีการศึกษาและมีจำนวนประชากรเยอะ ที่ถูกทุตซี่ปกครองนั่นจึงทำให้ความเกลียดชังและแบ่งแยกเชื้อชาติเกิดขึ้นในหมู่ชาวฮูตูเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวัน
ความรุนแรงปะทุขึ้นมากเรื่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2515 กองทัพประเทศบุรุนดีเพื่อนบ้านของรวันด้าที่อยู่ในการบังคับบัญชาของชนเผ่าทุชซี่ซึ่งครองบุรุนดีเริ่มทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวฮูตูที่อาศัยอยู่ในบุรุนดีมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเหตุการณ์นี้จุดประกายความแก้แค้นในจิตใจขึ้นของชาวฮูตู
นี่ช่วงระยะเวลาความโกรธแค้นนั้นทำให้ชาวฮูตูทั่วประเทศใดออกมาก่อเหตุทำร้ายชาวทุซซี่และออกมาปลุกปั่นความเกลียดชังชาวทุตซี่อย่างมากจนกระทั่งในปีพ.ศ 2523 ชาวทุตชี่อดทนต่อความกดขี่ทางเชื้อชาติไม่ไหวจึงลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยการจัดตั้งกองทัพที่ชื่อว่า Rwanda Patriotic front มีนักรบชาวทุตซี่กว่า 6,000 คนส่งผลให้เกิดสงครามกลางเมือง
จนในปีพ.ศ 2536 สหประชาชาติเข้ามาเกลี่ยกล่อมถึงมีการลงนามหยุดยิงกันเกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกบฏชาวทุตซี่และในขณะเดียวกันก็มีการปลุกระดมความเกลียดชังกันสูงขึ้นในทุกๆวันจนถึงขั้นมีการบัญญัติ 10 ประการของชาวฮูตูที่ถูกเผยแพร่ไปในทุกโรงเรียนของรวันด้ากล่าวเบื้องต้นว่าชาติทุตซี่เป็นชนชาติที่น่าเกลียดและต้องถูกกำจัด
ในที่สุดเชือกฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดออกเนื่องมาจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มนักรบชาวทุตซี่ทำการลอบสังหารประธานาธิบดีฮับยารีมานาโดยการยิงจรวดใส่เครื่องบินจนทำให้เครื่องบินตกและเสียชีวิตทั้งลำนั่นจึงทำให้ความโกรธแค้นของชาวฮูตูก็มาถึงจุดสูงสุด
มีการแจกจ่ายอาวุธปืนและที่สำคัญมีการแจกจ่ายมีดมาเชเต้ที่มีราคาถูกนับ 500,000 เล่มให้กับชาวฮูตูทั่วประเทศโดยมีดมาเชเต้นี้ถูกจัดซื้อตั้งแต่ในสมัยประธานาธิบดีฮับยารีมานาไว้แล้วและมีการปลุกระดมออกไปทั่วประเทศให้ชาวฮูตูออกมาเข็นฆ่าชาวทุตซี่ทุกคนไม่ว่าเป็นเด็กผู้หญิงผู้ชายคนแก่ก็ไม่เว้น
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้กระจายไปทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็น ในเมือง โรงพยาบาล โรงเรียน แม่น้ำ ร้านค้า ทุกที่เต็มไปด้วยซากศพของชาวตุ๊ดซี่ มีการตั้งด่านขึ้นตามท้องถนนเพื่อตรวจคัดแยกชาวทุตซี่ออกจากชาวฮูตูโดยผู้หญิงและเด็กจะถูกนำไปขังก่อนแล้วค่อยสังหารถ้าเป็นผู้ชายจะโดนฆ่าทิ้งไว้กลางถนนในขณะที่เจอตัวเลยซึ่งเป็นภาพที่โหดร้ายมากและศพส่วนมากจะโดนฟันด้วยมีดมาเชเต้
โดยคณะรัฐมนตรีของรวันด้ามีส่วนอย่างมากในการผลักดันให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวตุดซี่นอกจากนี้แล้วกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติจากประเทศเบลเยี่ยมก็ถูกสังหารด้วยอีกถึง 10 ราย
จนสุดท้ายองค์การสหประชาชาติได้ตัดสินใจส่งกองกำลังรักษาสันติภาพแห่งแอฟริกาจำนวนกว่า 5,500 นายเข้าควบคุมสถานการณ์ทำให้เหตุการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลายลงถึงแม้จะมีความล่าช้าและไม่ทันต่อเหตุการณ์เป็นอย่างมาก
ภายหลังเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงทางการรวันด้าปฏิเสธที่จะให้ตัวเลขที่แน่นอนของผู้เสียชีวิตแต่แหล่งข่าวตะวันตกได้รวบรวมตัวเลขชาวทุตซี่ที่ถูกสังหารในระยะเวลา 100 วันว่ามีจำนวนถึง 1,174,000 คนหรือเฉลี่ยมีผู้ถูกสังหารวันละ 10,000 คนมีชาวตุ๊ดซี่หนีรอดการสังหารโหดได้เพียงสามแสนคน
นี่แหละครับเป็นเรื่องราวทั้งหมดของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างโหดเหี้ยมในรวันด้าแต่มันก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนควรศึกษาไว้เพื่อเรียนรู้และนำมาปรับใช้ไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศเรา
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามบทความของเรามาจนจบและขออภัยถ้าข้อมูลบางอย่างอาจขาดตกบกพร่องหรือผิดพลาดไป
ขอความกรุณาถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนผู้อ่านสามารถติชมแนะแนวได้ครับขอบคุณครับเพื่อแชร์ความรู้ด้วยกันต่อไปนะครับ😊🙏
โฆษณา