27 มิ.ย. 2020 เวลา 01:13 • ไลฟ์สไตล์
อาหารโปรดของประธานาธิบดีทรัมป์(3)
ใน 2 ตอนที่แล้วเราได้กล่าวถึงอาหารโปรดของท่านประธานาธิบดีทรัมป์คือ bacon & egg ซึ่งเป็นอาหารเช้าไป ในตอนนี้ขอเสนออาหารโปรดอีกอย่างหนึ่งของท่านประธานาธิบดีคือ Meatloaf
Meatloaf อาจจะไม่คุ้นหูคนไทยนัก Meatloaf คือ เนื้อบดเอาไปอบ แต่ใครจะไปใส่ส่วนผสมหรือเครื่องปรุงอย่างไรก็ตามความนิยมของแต่ละบุคคล ปกติก็จะทำกันเป็นก้อนยาว ๆ เวลาจะทานก็เอามาหั่นเป็นชิ้น ๆ รับประทานกับเครื่องเคียงต่าง ๆ เป็นผักเป็นมันก็ว่ากันไป เป็นอาหารง่าย ๆ ธรรมดาสามัญของคนอเมริกันอย่างหนึ่ง
ภาพประกอบจาก https://parade.com/
ที่ว่า Meatloaf เป็นอาหารโปรดของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นก็เพราะว่ามีหลายโอกาสทีเดียวที่ท่านประธานาธิบดีเกี่ยวข้องกับ Meatloaf เช่น เมื่อครั้งที่ไปปรากฏตัวในรายการทีวีของ Martha Stewart ซึ่งเป็นรายการแม่บ้านชื่อดังของอเมริกาเมื่อปี 2005 ก่อนจะได้เป็นประธานาธิบดีกับภริยาคนปัจจุบันคือนาง Melania ซึ่งทั้ง 3 คนก็ได้ร่วมกันทำ Meatloaf และเมื่อเป็นประธานาธิบดีแล้ว วันหนึ่งท่านประธานาธิบดีได้เชิญนาย Chris Christie ผู้ว่าการรัฐ New Jersey ไปทานข้าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับคนอื่น ๆ เมื่อถึงเวลาทานข้าว ประธานาธิบดีทรัมป์ก็บอกกับคนอื่น ๆ ให้สั่งอาหารในเมนูที่ให้ไว้ได้ตามใจชอบ แต่หันมาบอกนาย Chris Christie ว่า “Chris, you and I are going to have the meatloaf. The meatloaf was good."
ความชอบ Meatloaf ของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่ากันว่าเริ่มมาจากการที่คุณแม่ของท่านประธานาธิบดีทำให้รับประทาน ในหนังสือชื่อ Raising Trump แต่งโดย Ivana Trump (ซึ่งเป็นภริยาคนแรกของท่านประธานาธิบดี!)บอกเอาไว้ว่า ถึงแม้จะมีธุรกิจรัดตัวเพียงใด ประธานาธิบดีทรัมป์ก็มักจะหาเวลาไปทานมื้อเที่ยงวันอาทิตย์กันที่บ้านของบิดามารดาคือ Fred และ Mary Trump ย่าน Queens ในกรุงนิวยอร์ก โดย Mary จะทำอาหารเองและที่ถือว่าเป็น signature ของเธอก็คือ Meatloaf ซึ่งเธอทำได้อร่อยมาก ๆ และต่อมาภายหลังก็ได้มีการนำ Meatloaf มาอยู่ในเมนูของภัตตาคาร Trump Grill ที่ตึก Trump Tower บนถนนสายที่ 5 (5th Avenue) ของกรุงนิวยอร์ค และคราวที่ไปออกรายการของ Martha Steward และเมื่อได้ชิม Meatloaf ที่ทำแล้ว ท่านประธานาธิบดีก็บอกว่า “Mmm, it tastes just like my mother’s meatloaf, she used to do a great job,”
ภาพประกอบจาก Pinterest
Meatloaf นั้นมามีบทบาทอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ข้าวของเครื่องอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะเนื้อสัตว์และอาหารจำพวกแป้งค่อนข้างมีจำกัดต้องแบ่งสรรปันส่วนกัน ทำให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการหาของบริโภคที่เหมาะสมและถูกสตางค์มากยิ่งขึ้น เนื้อบดจึงเป็นของกินที่มีราคาประหยัดและทางการก็ได้แนะนำ Meatloaf ให้เป็นสูตรอาหารอย่างหนึ่งที่เหมาะในการทำรับประทานในช่วงนั้น ยิ่งเมื่อผู้บริโภคมีเครื่องบดเนื้อ(grinner)กันอยู่ตามบ้านเรือนก็ยิ่งทำให้เนื้อบดและ Meatloaf ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
ต่อมาแม้ทางการจะได้ยกเลิกการปันส่วนอาหารในเดือนพฤศจิกายน 1945 เมื่อสงครามโลกสิ้นสุด แต่ที่แปลกก็คือว่า สูตรอาหารที่ทางการแนะนำในยุคของการปันส่วนก็เลิกรากันไปคงมีแต่ Meatloaf ที่ยังคงยืนยงอยู่มาตราบเท่าทุกวันนี้
พูดถึง Meatloaf ก็ยังมีอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นเนื้อบดและมีชื่อเสียงมากนั่นก็คือ SPAM
ภาพประกอบจาก SPAM
SPAM ที่ว่านี้ไม่ใช่ SPAM ที่มากับอีเมล์นะครับ แต่คือหมูบดที่อยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม เชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายท่านก็คงจะได้เคยลิ้มลองมาแล้ว SPAM เป็นอาหารที่มีบทบาทอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเรียกว่ามีมาคู่กับ Meatloaf ก็ว่าได้ ยุคนั้นคงเป็นยุคที่อัตคัดขัดสน เนื้อบดไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัวบดหรือเนื้อหมูบดถึงได้รับความนิยมอยู่ทั่วไป
George Hormel เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Hormel ขึ้นที่เมือง Austin รัฐมินเนโซต้าทำการผลิตและจำหน่ายเนื้อหมูสำเร็จรูป จากเดิมที่บริษัทขายเนื้อหมูส่วนไหล่เป็นแฮมใส่กระป๋อง แต่ก็พบว่าขายได้ไม่ดีนักเพราะมีผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันอีกหลายเจ้า Jay Hormel ซึ่งเป็นบุตรชายของ George เป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้น โดยทำการอัดใส่กระป๋องรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก แล้วตั้งรางวัลสำหรับผู้คิดชื่อของผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ปรากฏว่า Kenneth Daigneau ซึ่งเป็นนักแสดงและเป็นน้องชายของ Ralph Daigneau รองประธานบริษัท Hormel เป็นผู้ได้รับรางวัลด้วยการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ว่า SPAM
นับจาก SPAM เริ่มผลิตในปี 1937 ยอดขายก็ระเบิดเถิดเทิงเพราะตามปกติคนที่ซื้อหมูแฮมไปรับประทานที่บ้านจะต้องมีตู้เย็นเพื่อเก็บหมูแฮมนั้นด้วย แต่เมื่อเกิด SPAM ก็ทำให้คนซื้อเก็บหมูแฮมไว้นอกตู้เย็นได้ แถมยังเก็บได้เป็นปี นอกจากนี้ยังมีขนาดกระป๋องที่ไม่ใหญ่เกินไป เมื่อเริ่มผลิต มีชาวอเมริกัน 17% ที่ซื้อ SPAM แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีคือปี 1940 ก็มีชาวอเมริกันซื้อ SPAM ถึง 70%
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลอเมริกันส่ง SPAM ไปให้ทหารอเมริกันรับประทานกว่า 100 ล้านกระป๋อง เพราะเหตุว่าเป็นอาหารโปรตีนที่มีประโยชน์และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องเก็บอาหารนั้นไว้ในตู้เย็น นอกจากนี้ยังส่งไปเผื่อแผ่ประเทศพันธมิตรอย่างเช่นอังกฤษและรัสเซียอีกด้วย
ในปัจจุบัน SPAM ยังขยายตลาดด้วยการผลิตหมูบดที่มีรสชาติต่าง ๆ กันขึ้นมาเช่น Chorizo (ไส้กรอกสเปน) รสกระเทียม รส Teriyaki รสไก่งวง ฯลฯ มีอยู่ด้วยกันถึง 16 รสชาติ
แต่ที่น่าประหลาดใจที่สุด ก็เห็นจะเป็นรัฐฮาวาย เพราะ SPAM ได้รับความนิยมแพร่หลายมาก ๆ ในภัตตาคาร ในร้านสะดวกซื้อก็จะมีอาหารที่ทำด้วย SPAM ขายอยู่ อาหารที่ทำด้วย SPAM ซึ่งได้รับความนิยMeatloafากในฮาวายก็คือ SPAM Musubi เป็นข้าวสวยโปะหน้าด้วย SPAM มีสาหร่ายโนริมัดให้ติดกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ซูชิหน้า SPAM นั่นเอง แต่ที่เรียกว่าเป็น Musubi เพราะข้าวที่นำมาไม่ได้ใส่น้ำส้มสายชูเหมือนกับซูชิ
ภาพประกอบจาก http://jccabulletin-geppo.ca/
SPAM มียอดขายกว่า 9,500 ล้านดอลลาร์ มีกำไรเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ และในช่วงของการระบาดของไวรัส Covid-19 ยอดขายของสินค้าส่วนใหญ่จะขายไม่ดี แต่ยอดขายของ SPAM กลับเพิ่มสูงขึ้น เพราะประชาชนต้องการสินค้าที่เก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องอาศัยตู้เย็น เพราะฉะนั้นในไตรมาสแรกนี้ SPAM ก็มีกำไรไปแล้ว 286 ล้านดอลลาร์ก็เลยจ่ายปันผลรายไตรมาสให้กับผู้ถือหุ้นอีกหุ้นละ 23 เซ็นต์
SPAM อยู่มาแล้วกว่า 80 ปีนับเป็นอาหาร icon อย่างหนึ่งของชาวอเมริกัน แม้แต่ตอนที่นายทรัมป์ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีก็ปรากฏมีภาพของเขาเป็นรูปหมูบดของ SPAM
ภาพประกอบจาก EATER
โฆษณา